xs
xsm
sm
md
lg

คปท.เคลื่อนขบวนถึงสีลม แสดงพลังจี้รัฐช่วย “วีระ” ค้านแก้ ม.190

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คปท.ตั้งขบวนเดินเท้าจากมัฆวานฯ ถึงย่านสีลม รณรงค์ระงับร่างแก้ไข รธน.มาตรา 190 ที่ตัดการมีส่วนของประชาชน ส่อทำไทยเสียดินแดนเพิ่ม พร้อมจี้รัฐบาลเร่งช่วย “วีระ” พ้นคุกเขมรโดยเร็ว



ความคืบหน้าการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท.ที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ วันนี้ (14 พ.ย.) เวลา 09.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตั้งขบวนแล้วออกเดินเท้าไปยังบริเวณถนนสีลม เพื่อแสดงพลังต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่เปิดช่องให้รัฐบาลไปทำหนังสือสัญญากับต่างประเทศโดยไม่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการเสียดินแดน โดยเฉพาะในกรณีปราสาทพระวิหาร หลังจากศาลโลกได้มีคำตัดสินออกมา พร้อมกันนี้ จะเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด กลับประเทศไทยโดยเร็ว หลังจากถูกศาลกัมพูชาสั่งจำคุกด้วยข้อหารุกล้ำดินแดนทั้งที่อยู่ในเขตแดนไทยตั้งแต่ปลายปี 2553

สำหรับเส้นทางการเดินเท้าของ คปท. ตั้งขบวนที่แยก จปร. แล้วเดินไปตามถนนราชดำเนินนอก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนจักรพรรดิพงษ์ เลี้ยวซ้ายเข้าหลานหลวง ไปถึงแยกยมราช เลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี ไปจนถึงแยกราชเทวี เลี้ยวขวาเข้าถนนพญาไท ผ่านแยกปทุมวัน หน้าห้างมาบุญครอง จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ไปจนถึงถนนพระราม 4 ผ่านแยกอังรีดูนังต์ ไปถึงแยกศาลาแดง แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนสีลม ซึ่งล่าสุดขบวนเดินเท้าได้ไปถึงย่านสีลมแล้ว

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. หลังจากที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้เดินทางมาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) โดยส่งตัวแทนมวลชน 10 คนทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ในการนำธงชาติไทยปักด้านหน้าประตู สตช.

โดยนายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. กล่าวบนเวทีปราศรัย ว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสำนึกถึงตราโล่ห์ที่อยู่บนหมวกว่าเป็นตราของแผ่นดิน โดยที่มา สตช.ในวันนี้เพื่อมาแสดงพลัง กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. สั่งการให้จับกุมประชาชนที่ติดธงชาติไทยที่รถ สร้างความปั่นปวน กีดขวางการจราจร จึงขอเรียกร้อง ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการ ตั้งคณะกรรมการ สอบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ถึงการออกคำสั่งดังกล่าว พร้อมทั้งขอให้ สตช.ดำเนินการปลดให้พ้นจากตำแหน่ง ผบช.น. เนื่องจากไม่รู้จักทดแทนบุญคุณแผ่นดิน หากจะมาจับพี่น้องประชาชนที่แสดงความจงรักภักดีด้วยการติดธงชาติ ก็ควรจะไปจับนักโทษที่หนีคดี อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

"หากเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใดที่ดำเนินการจับกุม พี่น้องประชาชนที่ติดธงชาติไทย ก็พร้อมจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่นายนั้นตำรวจเช่นกัน และกรณีเจ้าหน้าที่กล่าวหาผู้ชุมนุมเป็นผู้สร้างสถานการณ์ให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายนั้น แท้ที่จริงแล้วผู้ที่มาสร้างสถานการณ์คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลต่างหาก และ คปท. ไม่ได้เป็นผู้ที่สร้างความวุ่นวาย
ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับใช้ประชาชน ประชาชนก็พร้อมจะปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย" นายอุทัย กล่าว

จากนั้นเวลา 14.30 น. เสร็จสิ้นกิจกรรม คปท.ได้เดินทางกลับแยกมัฆวาน โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตรึงกำลังดูแลความเรียบร้อยด้านใน สตช. อย่างเข้ม

อนึ่ง วานนี้ (13 พ.ย.) คปท. ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ในคดีปราสาทพระวิหาร โดยมีข้อเรียกร้อง 7 ข้อ ได้แก่ 1.ขอให้รัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ อันมีผลต่อการยอมรับ หรือปฏิบัติต่อคำพิพากษาของศาลโลก โดยเฉพาะกรณีที่ทำให้ไทยสูญเสียดินแดน 2.ตั้งคณะทำงานโดยมีสัดส่วนภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ ด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนจากภาคประชาชนที่สังคมยอมรับ เพื่อศึกษาคำพิพากษาอย่างละเอียด วิเคราะห์ผลดีผลเสีย ในการยอมรับ หรือปฏิเสธคำพิพากษาศาลโลก

3.นำบรรดาข้อตกลงใดๆ อันเกี่ยวกับพื้นที่ปราสาทพระวิหาร เขตแดนไทยกัมพูชา เข้าสู่การประชุมตรวจสอบของรัฐสภา 4.การดำเนินการใดๆ อันเกี่ยวกับพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร เขตแดนไทย-กัมพูชา ตามคำพิพากษาศาลโลก อันมีผลผูกพันกับไทย จะต้องทำประชามติ 5.ยุติการทูลเกล้าฯ ร่างแก้ไขบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 และให้ถอนร่างดังกล่าว เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทันที

6.การดำเนินการทางทหาร ควรตรึงกำลังรักษาเขตแดนไว้ตามเดิม ไม่มีการถอนกำลังจนกว่าการดำเนินการประชามติจะเสร็จสิ้น และ 7.ต้องเร่งดำเนินการตามสนธิสัญญาการส่งตัวนักโทษ ระหว่างไทยกับกัมพูชา กรณี นายวีระ สมความคิด ซึ่งขณะนี้ถูกจองจำครบ 1 ใน 3 ให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นปี 2556

ในช่วงท้ายแถลงการณ์ยังได้ระบุด้วยว่า “คปท.ยืนยันเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และต่อต้านโดยสันติวิธี อหิงสา และจะประกาศขับไล่รัฐบาล ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.ที่สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ต่อไป”

























































กำลังโหลดความคิดเห็น