โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
เดิมพันศึกชิงเมืองระหว่างกลุ่มประชาชนขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์และตระกูลชินวัตรยังปักหลักเหนียวแน่นกินพื้นที่บนถนนราชดำเนิน จำนวนประชาชนเข้าร่วมมีขึ้นๆ ลงๆ ตามจังหวะของการกระตุ้นกระแส ยืดเยื้อผ่านสัปดาห์ที่ 2 และยังไม่เค้าลางว่าฝ่ายใดจะเผด็จศึก เพียงแต่แกนนำฟากประชาธิปัตย์ประกาศว่าจะต้องจบ ปิดเกมให้สำเร็จภายในสิ้นเดือนนี้ ก่อนมวลชนจะล้าจนล้มเหลว
ซีกรัฐบาลยังพยายามใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว เพราะยังไม่มีทางเลือกอื่นๆ แผนจะสลายใช่ว่าจะไม่มี เพียงแต่รอจังหวะม็อบอ่อนล้ารามือ ขณะเดียวกันตำรวจสะสมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับแกนนำ ผู้ชุมนุม โดยมีทั้งตำรวจเป็นเครื่องมือรับใช้อำนาจรัฐ และดีเอสไอยอมรับเป็นคดีพิเศษเช่นกัน
ทั้ง 2 หน่วยงานถูกมองว่าได้ปฏิบัติต่อมวลชนเหมือนศัตรูคู่อาฆาตซึ่งบังอาจสร้างความรำคาญให้บักเหลี่ยม ทำให้แผนจะกลับบ้านอย่างเท่ๆ ต้องสลายอย่างที่ไม่ควรมีความหวังอะไรเหลืออีก เมื่อประชาชนมองว่าโคตรเหง้าตระกูลชินวัตรและอีก 2 ตระกูลเกี่ยวดองกันเป็นเสนียดจัญไรของแผ่นดิน
ฝ่ายรัฐบาลได้ระดมกำลังตำรวจเข้ามารับสถานการณ์ในเมืองหลวงมากกว่า 6 หมื่นนาย ท่ามกลางเสียงบ่นว่าตำรวจชั้นผู้น้อยต้องทนทุกข์ตากแดดตากฝน อั้นเบาอั้นหนัก กิน อาบน้ำนอนไม่เป็นเวลา ล้มป่วยลงหลายนาย
รัฐบาลนางโพยปูโพรกเน่าในมองประชาชนเป็นก้างขวางคอให้การปล้นชาติโดยนักการเมืองกังฉิน โกงกินมูมมามตะกละตะกรามไม่รู้จักอิ่ม ไม่อาย ยังผยองลำพองในอำนาจ เชื่อมั่นว่ากองกำลังตำรวจยัง “เอาอยู่” และยังระดมกองกำลังชายฉกรรจ์กุ๊ยเถื่อนถ่อยจากต่างจังหวัดให้เข้ามาป่วนทุบตีผู้ชุมนุม
การรักษาอำนาจรัฐไว้ ไม่ยอมลาออก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะได้นั่งทับของเน่า สร้างความเสียหายให้บ้านเมืองอย่างมหาศาลทั้งเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ความน่าเชื่อถือ ทำให้โครงสร้างของประเทศอ่อนแอเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤตถ้าเกิดผลกระทบจากปัจจัยแปรผันภายนอกและปัญหาภายใน
การพ่ายแพ้เดิมพันนอกจากสิ้นอำนาจแล้ว เท่ากับการหมดโอกาสกอบโกยผลประโยชน์ ต้องอพยพโคตรเหง้าตระกูลไปลี้ภัยในต่างประเทศ ถ้าไม่ต้องการถูกดำเนินคดีอาญา ยึดทรัพย์ โดนจับขับคุกด้วยโทษแบบไม่มีโอกาสได้เห็นเดือนและตะวันเพราะความร้ายแรงของพฤติกรรมทำลายชาติโดยตลอด
เมืองไทยเปรียบเสมือนขุมทรัพย์มหาศาลสำหรับกอบโกยโดยเครือข่ายนักการเมืองชั่วร้ายบงการโดยบักเหลี่ยมและเครือข่ายญาติพี่น้อง ถ้าหลุดจากอำนาจ จะเป็นตัวน่ารังเกียจในสังคมโลก ประชาชนคนดีย่อมต้องไล่คิดบัญชี ยึดทรัพย์สินคืน ไม่ต่างจากรัฐบาลฟิลิปปินส์ล่าสมบัติของตระกูลมาร์กอส
คนวงในบอกว่าบักเหลี่ยมได้จัดการเล่นแร่แปรธาตุช่วยรัฐนางโพยซุกหนี้สินภาครัฐมากกว่า 4 แสนล้านบาทไว้ในบัญชีธนาคารแห่งประเทศไทย และยังหวังจะดูดถ่ายเงินมหาศาลจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เอาไปตั้งกองทุนมั่งคั่งและไปหนุนการออกพันธบัตรหุ้นกู้เพื่อโครงการเมกะโปรเจกต์
เป็นโครงการมหาศาลฉาบหน้าด้วยแผนสวยหรูตบตาการกู้เพื่อโกง! คนวงในยังบอกว่าการดิ้นรนต้องการนิรโทษกรรมให้บักเหลี่ยมกลับบ้านอย่างเท่ๆ พร้อมการคืนทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านนั้นเป็นเพียงลีลา ได้ก็เอา ไม่ได้ก็ทนรอ โดยแท้ที่จริงเงินกว่า 4.6 หมื่นล้านได้ถูกผ่องถ่ายคืนให้บักเหลี่ยมนานแล้ว
ผ่านการหักหัวคิวในโครงการต่างๆ เช่นงบประมาณสำหรับกระทรวงต่างๆ โครงการรับจำนำข้าวซึ่งตัวเลขความเสียหายแท้จริงมากกว่า 6 แสนล้านบาทตามคำบอกเล่าของข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการคลังซึ่งถูกกำจัดให้พ้นทางโดยขี้ข้าบักเหลี่ยมในกระทรวง หลังจากปฏิเสธที่จะรับทำงานชั่วร้าย
ช่วงนี้จึงเป็นจังหวะของนักการเมืองต่างเร่งกอบโกยเอาเผื่อไว้สำหรับการลี้ภัย ถ้าบักเหลี่ยมต้องรับบทเรียนของการพ่ายแพ้ครั้งแรก! คนวงในกระทรวงบางแห่งบอกว่าการแต่งตั้งปลัดกระทรวงนั้นคนวิ่งเต้นจนได้เก้าอี้ต้องจ่ายเงินกว่าร้อยล้านบาทสำหรับงานอายุราชการเหลืออีกประมาณ 3 ปี
นอกจากต้องเร่งถอนทุน เจ้ากระทรวงยังไม่ยอมแบ่ง ฮุบเอาไว้ใส่ตู้เซฟกินคนเดียว เมื่อถูกทวงถาม ก็อ้างว่าเคยให้ไปมากแล้วในยุคเป็นนักธุรกิจเริ่มรวยก่อนเป็นอภิมหาเศรษฐีมีเงินหลายแสนล้านบาท ทำให้บักเหลี่ยมยัวะจัด
การเผชิญหน้าในอีกไม่กี่วันจากนี้จะเป็นตัววัดว่าใครจะอยู่ใครจะไป จะมีเลือดตกยางออกหรือไม่ขึ้นอยู่กับการระดมกำลังเถื่อนจากต่างจังหวัดเข้ามาป่วนเวทีการชุมนุมโดยตำรวจถูกมองว่ามีตัวช่วย ไม่รับงานสกปรกด้วยตัวเอง ส่วนตัวใหญ่สีกากีมีความสุขกับการเขมือบเบี้ยเลี้ยงลูกน้องอย่างหน้าด้านๆ
นายตำรวจตัวเป้งต้องรับใช้ทรราชอย่างเต็มที่เพื่อความอยู่รอดและผลประโยชน์ ขณะกองทัพยังมีผู้นำซึ่งไม่ได้เป็นความหวังของประชาชน ถูกมองว่าพยายามประคองตัวให้อยู่ถึงวันเกษียณอายุเสวยสุข ดีกว่าหาเรื่องจะทำให้อยู่ในสภาพสิ้นราคาเหมือนบิ๊กบัง ซึ่งกลายเป็นบังเละน่าอนาถสุดๆ
ประเด็นตัดเชือกคือศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 20 ถ้าไม่เหตุพลิกผันจากการทุ่มหนักโดยบักเหลี่ยม และการรุกหนักเข้าจุดถึงฆาตโดยมวลชน ซึ่งต้องการเร่งมือเช่นกัน ส่วน ป.ป.ช.นั้นถูกมองว่าเป็นองค์กรแช่เย็น เอาตัวรอดเท่านั้น
แม่นางโพยวางแผนไปทัวร์เมืองนอก จะได้ไป หรือไปแล้วไม่ได้กลับ ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญ แรงกดดันของม็อบพลังนกหวีดและตัวแปรผัน นั่นหมายความว่าแกนนำกลุ่มเทพเทือกต้องกล้าหักดิบเดินหน้าแบบปิดทางถอย