xs
xsm
sm
md
lg

“ชวนนท์” จี้รัฐหยุดล้วงคลังหลวงโปะถังแตก “มัลลิกา” ทวงถามรัฐแท็บเล็ต ป.1 เจ๊ง-ปิดศูนย์ซ่อมหนี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ภาพจากแฟ้ม)
โฆษก ปชป.ซัดรัฐถังแตกชัด ต้องร่อนเร่แคะกระปุกคลังหลวง หวั่นเงินบาทเกิดความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่น เหตุรัฐบาลพูดกลับกลอกเรื่องเงินกู้ แฉเงินทุนสำรองปลอดภาระ 2.4 ล้านล้าน ใกล้เคียงเงินกู้ที่รัฐต้องการ เตือนอย่าเอาอนาคตชาติไปเสี่ยง “มัลลิกา” ถามรัฐบาลรับผิดชอบแท็บเล็ตเจ๊งนับแสน-ปิดศูนย์หนีอย่างไร วอนประชาชนร้องทุกข์เพื่อส่ง สตง.ฟัน จี้รัฐฟ้อง “เสิ่นเจิ้นสโคป” ขายของไร้คุณภาพ



วันนี้ (8 ต.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเป็นห่วงต่อโครงการประชานิยมหลายโครงการมีความล้มเหลว และมีแนวโน้มว่าจะเดินหน้าต่อไม่ได้ เช่น โครงการจำนำข้าว ถังแตก แม้จะเริ่มรับจำนำแล้ว แต่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ยังไม่สามารถตกลงกันได้ว่าจะนำเงิน 2.7 แสนล้านมาจากไหน หลังจากที่ใช้ไปแล้วกว่า 7 แสนล้านบาท แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลผลาญเงินจนไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาใช้ เป็นที่มาซึ่งทำให้มีการปัดฝุ่นเรื่องกองทุนมั่งคั่ง โดย นายอำพน นิติอำพน ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ซึ่งปกติแบงก์ชาติจะมี 3 บัญชีหลัก ประกอบด้วย งบฝ่ายการธนาคาร งบฝ่ายออกบัตรธนาคาร คือพิมพ์ธนบัตร และงบทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ 3 บัญชีนี้มีหน้าที่แตกต่างกัน 2 บัญชีหลังนั้น เป็นงบในส่วนของการสร้างความมั่นคงเชื่อมั่นให้ประเทศอื่นเชื่อถือเงินสกุลบาทของไทย หากแบงก์ชาติ หรือผู้มีอำนาจทางการเมืองคิดนำเงินเหล่านี้ไปลงทุนจะเกิดความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นในเงินสกุลบาทของประเทศไทย

นายชวนนท์ กล่าวว่า นายอำพน และแบงก์ชาติต้องทำความชัดเจนว่าจะนำเงินส่วนใดมาใช้ เพราะมีความเป็นห่วงมากในกรณีที่นายอำพนบอกจะเอามาลงทุนในโครงการ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้เงินผิดประเภท และยังเป็นโครงการที่รัฐบาลยอมรับเองว่าไม่คุ้มทุน เท่ากับว่าจะนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเอาอนาคตของประเทศไปเสี่ยงกับโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องชี้แจง เพราะในขณะนี้รัฐบาลเปลี่ยนคำพูดไปเรื่อยๆ ตอนแรกบอกจะกู้เป็นเงินบาทเกือบทั้งหมด ต่อมาเปลี่ยนเป็นกู้ต่างประเทศ 40% ของเงินกู้ และตอนนี้ก็จะมาเอาเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปใช้ ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วพบว่าเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ปลอดภาระสามารถนำไปใช้ได้มีประมาณ 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่ากับประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลต้องการกู้เงินพอดี จึงแสดงให้เห็นถึงภาวะถังแตกของรัฐบาลจะสร้างความไม่เชื่อมั่นในต่างประเทศ เพราะไม่สามารถหาแหล่งเงินกู้ในต่างประเทศได้ใช่หรือไม่ จึงมาล้วงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังนำการวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยของเวิลด์แบงก์ที่มีการลดจีดีพีลงเหลือ 4% การส่งออก 2.5% ในเงื่อนไขว่า 4 เดือนที่เหลือจะต้องขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4-5% แต่ถ้า 4 เดือนหลังเหมือน 8 เดือนแรก การส่งออกอาจจะไม่ถึง 1% การบริโภคโดยรวม 2.7% เป็นตัวเลขที่ต่ำมากในสภาพที่ไม่ได้มีอุทกภัยหนักๆ แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจกลับตกต่ำอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ทำให้ไม่มีใครกล้าให้ไทยกู้ จึงเอาเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้ในเงินกู้ 2 ล้านล้าน คิดปล้นคลังหลวงของประเทศไทย รัฐบาลต้องชี้แจงและหวังว่า แบงก์ชาติจะมีความเป็นมืออาชีพปกป้องผลประโยชน์ประเทศจากรัฐบาลที่มุ่งแต่จะผลาญเงินชาติโดยไม่คำนึงถึงอนาคตของประเทศ

ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที และคณะกรรมการจัดซื้อแท็บเล็ต จากข้อมูลของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน พบว่าแท็บเล็ตชำรุดถึง 30% หรือ 2.8 แสนเครื่อง และทยอยเจ๊งอีก 8 แสนเครื่อง ในขณะที่บริษัทรับประกันไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้งการซ่อมและคืนเครื่อง มีการปิดศูนย์หนีติดต่อไม่ได้ และมีการบริการไม่ทั่วถึง ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจะส่งข้อมูลให้คณะกรรมการจัดซื้อแท็บเล็ตต่อไปนั้น จึงต้องถามว่าโครงการที่ทักษิณคิดให้เสิ่นเจิ้นสโคปได้รับงาน แต่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา จะมีการบริหารจัดการเพื่อแก้ปัญหาและรับผิดชอบอย่างไรกับบริษัทที่ไม่ดูแลหลังการขายตามสัญญา ถ้ารัฐบาลละเว้นที่จะรับผิดชอบใครจะรับผิดชอบต่อโครงการนี้ และกระทรวงศึกษาธิการ และไอซีที จะมีการระงับหรือดำเนินโครงการนี้ต่อไปอย่างไร รวมถึงฝากถึงนายกรัฐมนตรีในเรื่องการตรวจสอบเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่

น.ส.มัลลิกา กล่าวด้วยว่า พรรคมีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จึงขอให้ประชาชนร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาแท็บเล็ตมายังพรรคได้ เพื่อรวบรวมส่งให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และรวบรวมข้อมูลหลักฐานส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบโครงการนี้ พร้อมกับย้ำว่าต้องมีความรับผิดชอบจากรัฐบาลเป็นนโยบายที่รัฐบาลทำแล้วมีปัญหา

นายชวนนท์ กล่าวเสริมว่า กรณีที่เกิดขึ้นมีสองประเด็นคือ แท็บเล็ตไม่มีคุณภาพ และไม่มีศูนย์ซ่อมตามสัญญาที่มีการเซ็นไว้กับรัฐบาลไทย จึงขอให้ส่งเรื่องไปยังรัฐบาลเพื่อฟ้องร้องบริษัท เสิ่นเจิ้นสโคป ที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา ทั้งคุณภาพและศูนย์ซ่อม เป็นนโยบายตั้งต้นทุจริตคอร์รัปชัน ขายของไร้คุณภาพ ปิดศูนย์ซ่อมหนี จึงทำให้บริษัท เสิ่นเจิ้น ไม่สนใจมาเป็นคู่ค้าขายกับรัฐบาลไทยอีกแล้ว แต่จะแจกคูปอง 3 พันบาทแทน เพราะทำกันทีเดียวโกงทีเดียวแล้วเลิกกันปิดบัญชีหนี จึงขอให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ หากนายกฯไม่ดำเนินการพรรคก็จะเอาผิดในทางกฎหมายต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น