ASTVผู้จัดการรายวัน-ผบ.ตร. เผยการข่าวระบุจะมีการเผาสหประชาชาติ หวังยกระดับความรุนแรงเพื่อเปลี่ยนแปลงการเมือง พร้อมรุกเจรจาขอคืนพื้นที่ราชดำเนิน หลังม็อบบางตา อ้างเตรียมจัดงาน 5 ธันวาฯ "จารุพงศ์" ชี้ "เทือก" พยายามยื้อถึงสิ้นเดือน หวังรอคำพิพากษาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาส.ว. กับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ลั่นระดมพลเสื้อแดงเข้ากรุง16 พ.ย. ที่ราชมังคลาฯ ปกป้องรัฐบาล
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังเข้าพบน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อรายงานสถานการณ์ภาพรวมการชุมนุมของกลุ่มมวลชนต่างๆ ว่า นายกฯ ได้ฝากการดำเนินการทุกอย่าง ขอให้ยึดกฏหมายเป็นหลัก และเป็นห่วงเรื่องมือ 3 เข้ามาแทรกซึม ซึ่งได้ยืนยันว่ามีมาตรการรองรับแล้ว
ทั้งนี้ ในการชุมนุมทั้ง 3 จุด ผู้ชุมนุมลดลงมาก เพราะเงื่อนไขต่างๆ หมดลง โดยยอดสูงสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ประมาณ 6,000 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวผู้ชุมนุมจะเผาที่ทำการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็เป็นกระแสข่าว แต่เป็นไปได้ ที่ผู้ชุมนุมจะยกระดับความรุนแรง หวังเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ส่วนจะมีการขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมหรือไม่นั้น กำลังพิจารณาอยู่ แต่จะดำเนินการได้หรือไม่ ต้องคำนึง 3 อย่าง คือ 1.ประชาชนเดือดร้อนมาก 2.ไม่มีปัจจัย หรือเงื่อนไขใดๆ แล้ว และ 3.ผู้ชุมนุมทำผิดกฏหมายอย่างรุนแรง ขาดความชอบธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้ ตำรวจจะพิจารณา แต่ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดเข้าไปขอคืนพื้นที่หรือสลายการชุมนุม
เมื่อถามว่า วันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันพ่อ จะถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะขอคืนพื้นที่หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า อาจเป็นประเด็นหนึ่งในการพิจารณา แต่ตอนนี้ยัง ซึ่งจะมีการพิจารณาเป็นช่วงๆ
"ต้องประเมินปัจจัยหลายอย่าง หากประชาชนเดือดร้อนมาก ก็จำเป็นต้องพิจารณาดำเนินการเป็นรายกรณีไป โดยเฉพาะในช่วงเดือนธ.ค.นี้ ที่มีภารกิจต้องใช้พื้นที่บริเวณถนนราชดำเนินในการจัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา"
ส่วนกรณีที่มีผู้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และพวก ในข้อหากระทำความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรนั้น เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน โดยจะดำเนินการตามขั้นตอน เริ่มจากการออกหมายเรียก ยืนยันว่าจะยึดตามหลักกฎหมาย
** รัฐบาลรุกขอคืนพื้นที่ราชดำเนิน
นายวิม รุ่งวัฒนจินดา เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำว่า รัฐบาลไม่ขัดขวาง ไม่สลายการชุมนุม ถ้าการชุมนุมยังอยู่ในกรอบของกฎหมาย ถือเป็นสิ่งที่กระทำได้ ส่วนการชุมนุมที่ส่งผลกระทบกับเดินทางของประชาชน เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะเข้าไปเจรจาขอพื้นที่ เพื่อเปิดเส้นทางการจราจร ขณะที่การชุมนุมของภาคสังคมได้ยุติลงแล้ว จะมีเพียงการชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยอมที่จะลาออกพร้อมกับ 8 ส.ส.เพื่อมาชุมนุม ยิ่งทำให้มวลชนลดลง เพราะเห็นแล้วว่า นักการเมืองทำเพื่อตัวเอง
ทั้งนี้ ในส่วนของรัฐบาล ยังยึดหลักการเดิมไม่ใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่หากมวลชนมาร่วมชุมนุมน้อยลง เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีแผนที่จะไปเจรจาขอให้มีการเปิดพื้นที่จราจร โดยมีความเป็นไปได้ที่จะขอให้ไปชุมนุมที่ท้องสนามหลวงแทน แต่ก็เชื่อว่าไม่เกินกลางเดือนพ.ย. จำนวนผู้ชุมนุมจะลดลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากเวลานี้ เป็นการชุมนุมทางการเมืองมากกว่า เพราะประเด็นกฎหมายนิรโทษกรรม และคดีปราสาทพระวิหารชัดเจนแล้ว
**ชี้ปชป.รอผลศาลรธน.-เปิดซักฟอก
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุมคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ประกาศขีดเส้นตายให้การชุมนุมยุติภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้ว่า ถือเป็นช่วงเวลาที่จะมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น เพราะศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยคำร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นที่มาของ ส.ว. รวมถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่ฝ่ายค้านจะยื่นภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งทั้งหมดน่า จะเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ฝ่ายผู้ชุมนุมเชื่อว่าจะล้มรัฐบาลได้ในกรอบเวลาที่กำหนด เรื่องนี้จึงต้องไปดูว่า ศาลจะเข้าข้อสันนิษฐานสมคบคิดหรือไม่ ตรงนี้อยากให้ศาลไทย ได้ดูแนวทางของศาลโลก ที่ไม่ได้ตัดสินให้ประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ตัดสินเป็นลักษณะได้ประโยชน์ทั้งคู่
“ผมยังมีความเชื่อว่า มีทฤษฏีสมคบคิด คือ ร่วมมือกันในการล้มรัฐบาล ระหว่างกลุ่มที่เคยล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช มาแล้ว โดยฝ่ายตรงข้ามพยายามเอาการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ กับการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระ อย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มากดดันรัฐบาล ควบคู่ไปกับการเดินเกมเคลื่อนไหวชุมนุมนอกสภา ด้วยการต่อสู้สองทางฝ่ายตรงข้าม เชื่อว่า จะล้มรัฐบาลได้ แต่รัฐบาลเข้าใจขบวนการดังกล่าวนี้ และได้วางแผนตั้งรับไว้เป็นอย่างดี"
** ระดมพลเสื้อแดง16 พ.ย.ที่ราชมังคลาฯ
นายจารุพงศ์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้เตรียมจัดเวทีชี้แจงให้กับประชาชน มวลชนเสื้อแดง ด้วยการให้แกนนำได้ขึ้นเวทีทำความเข้าใจ ที่เวทีสนามกีฬา อาคารราชมังคลากีฬาสถาน ในวันเสาร์ที่ 16 พ.ย.นี้ โดยมวลชนคนเสื้อแดง ที่เข้ารับการชี้แจง ทางเราจะไม่ให้มีการเคลื่อนไหวไปปะทะกับผู้ชุมนุมที่เวทีราชดำเนิน
**“เหงี่ยม”แจ้งจับ“เทือก”ยุยงล้มล้างรัฐบาล
พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ประจำสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะชมรมรักษ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า ตนจะเดินทางไปกองปราบ เพื่อร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ,114, 116 และ มาตรา 117 เนื่องจากนายสุเทพ ได้ปลุกระดมให้แนวร่วมผู้ชุมนุม ร่วมกันกระทำความผิด และการกำหนดมาตรการ 4 ข้อ เพื่อเป็นการอารยะขัดขืน ถือว่าเป็นการกระทำที่ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อล้มล้างอำนาจรัฐบาล การปลุกให้ราษฎรร่วมต่อต้านรัฐบาล และการยุยงให้หยุดงาน เพื่อบังคับให้รัฐบาลกระทำตามที่ตนต้องการ ถือว่าเป็นความผิด
นอกจากนี้ การกระทำของนายสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางตามรัฐธรรมนูญ ทางกลุ่มจะดำเนินการเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบ และยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมวินิจฉัยให้ยกเลิกการกระทำดังกล่าว และขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้า และกรรามการบริหารพรรค ทั้งนี้ เป็นไปตามสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 68
** รัฐบาลปัดซื้อเครื่องดักฟังม็อบ
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ในที่ประชุมไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการจัดซื้อเครื่องดักฟังม็อบ มีเพียงการอนุมัติงบ 104 ล้านบาท เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้ เพื่อเปลี่ยนระบบวิทยุสื่อสารดิจิตอลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาเป็นระบบ ดิจิตอล ทรังก์ เรดิโอ (Digital Trunk Radio) เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดี มาดักฟังการสื่อสารของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และป้องกันการส่งสัญญาณรบกวน หรือตัดสัญญาณการสื่อสารของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่เครื่องดักฟังการสนทนาของผู้ชุมนุมแต่อย่างใด
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังเข้าพบน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อรายงานสถานการณ์ภาพรวมการชุมนุมของกลุ่มมวลชนต่างๆ ว่า นายกฯ ได้ฝากการดำเนินการทุกอย่าง ขอให้ยึดกฏหมายเป็นหลัก และเป็นห่วงเรื่องมือ 3 เข้ามาแทรกซึม ซึ่งได้ยืนยันว่ามีมาตรการรองรับแล้ว
ทั้งนี้ ในการชุมนุมทั้ง 3 จุด ผู้ชุมนุมลดลงมาก เพราะเงื่อนไขต่างๆ หมดลง โดยยอดสูงสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ประมาณ 6,000 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวผู้ชุมนุมจะเผาที่ทำการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็เป็นกระแสข่าว แต่เป็นไปได้ ที่ผู้ชุมนุมจะยกระดับความรุนแรง หวังเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ส่วนจะมีการขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมหรือไม่นั้น กำลังพิจารณาอยู่ แต่จะดำเนินการได้หรือไม่ ต้องคำนึง 3 อย่าง คือ 1.ประชาชนเดือดร้อนมาก 2.ไม่มีปัจจัย หรือเงื่อนไขใดๆ แล้ว และ 3.ผู้ชุมนุมทำผิดกฏหมายอย่างรุนแรง ขาดความชอบธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้ ตำรวจจะพิจารณา แต่ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดเข้าไปขอคืนพื้นที่หรือสลายการชุมนุม
เมื่อถามว่า วันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันพ่อ จะถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะขอคืนพื้นที่หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า อาจเป็นประเด็นหนึ่งในการพิจารณา แต่ตอนนี้ยัง ซึ่งจะมีการพิจารณาเป็นช่วงๆ
"ต้องประเมินปัจจัยหลายอย่าง หากประชาชนเดือดร้อนมาก ก็จำเป็นต้องพิจารณาดำเนินการเป็นรายกรณีไป โดยเฉพาะในช่วงเดือนธ.ค.นี้ ที่มีภารกิจต้องใช้พื้นที่บริเวณถนนราชดำเนินในการจัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา"
ส่วนกรณีที่มีผู้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และพวก ในข้อหากระทำความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรนั้น เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน โดยจะดำเนินการตามขั้นตอน เริ่มจากการออกหมายเรียก ยืนยันว่าจะยึดตามหลักกฎหมาย
** รัฐบาลรุกขอคืนพื้นที่ราชดำเนิน
นายวิม รุ่งวัฒนจินดา เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำว่า รัฐบาลไม่ขัดขวาง ไม่สลายการชุมนุม ถ้าการชุมนุมยังอยู่ในกรอบของกฎหมาย ถือเป็นสิ่งที่กระทำได้ ส่วนการชุมนุมที่ส่งผลกระทบกับเดินทางของประชาชน เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะเข้าไปเจรจาขอพื้นที่ เพื่อเปิดเส้นทางการจราจร ขณะที่การชุมนุมของภาคสังคมได้ยุติลงแล้ว จะมีเพียงการชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยอมที่จะลาออกพร้อมกับ 8 ส.ส.เพื่อมาชุมนุม ยิ่งทำให้มวลชนลดลง เพราะเห็นแล้วว่า นักการเมืองทำเพื่อตัวเอง
ทั้งนี้ ในส่วนของรัฐบาล ยังยึดหลักการเดิมไม่ใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่หากมวลชนมาร่วมชุมนุมน้อยลง เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีแผนที่จะไปเจรจาขอให้มีการเปิดพื้นที่จราจร โดยมีความเป็นไปได้ที่จะขอให้ไปชุมนุมที่ท้องสนามหลวงแทน แต่ก็เชื่อว่าไม่เกินกลางเดือนพ.ย. จำนวนผู้ชุมนุมจะลดลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากเวลานี้ เป็นการชุมนุมทางการเมืองมากกว่า เพราะประเด็นกฎหมายนิรโทษกรรม และคดีปราสาทพระวิหารชัดเจนแล้ว
**ชี้ปชป.รอผลศาลรธน.-เปิดซักฟอก
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุมคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ประกาศขีดเส้นตายให้การชุมนุมยุติภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้ว่า ถือเป็นช่วงเวลาที่จะมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น เพราะศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยคำร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นที่มาของ ส.ว. รวมถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่ฝ่ายค้านจะยื่นภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งทั้งหมดน่า จะเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ฝ่ายผู้ชุมนุมเชื่อว่าจะล้มรัฐบาลได้ในกรอบเวลาที่กำหนด เรื่องนี้จึงต้องไปดูว่า ศาลจะเข้าข้อสันนิษฐานสมคบคิดหรือไม่ ตรงนี้อยากให้ศาลไทย ได้ดูแนวทางของศาลโลก ที่ไม่ได้ตัดสินให้ประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ตัดสินเป็นลักษณะได้ประโยชน์ทั้งคู่
“ผมยังมีความเชื่อว่า มีทฤษฏีสมคบคิด คือ ร่วมมือกันในการล้มรัฐบาล ระหว่างกลุ่มที่เคยล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช มาแล้ว โดยฝ่ายตรงข้ามพยายามเอาการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ กับการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระ อย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มากดดันรัฐบาล ควบคู่ไปกับการเดินเกมเคลื่อนไหวชุมนุมนอกสภา ด้วยการต่อสู้สองทางฝ่ายตรงข้าม เชื่อว่า จะล้มรัฐบาลได้ แต่รัฐบาลเข้าใจขบวนการดังกล่าวนี้ และได้วางแผนตั้งรับไว้เป็นอย่างดี"
** ระดมพลเสื้อแดง16 พ.ย.ที่ราชมังคลาฯ
นายจารุพงศ์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้เตรียมจัดเวทีชี้แจงให้กับประชาชน มวลชนเสื้อแดง ด้วยการให้แกนนำได้ขึ้นเวทีทำความเข้าใจ ที่เวทีสนามกีฬา อาคารราชมังคลากีฬาสถาน ในวันเสาร์ที่ 16 พ.ย.นี้ โดยมวลชนคนเสื้อแดง ที่เข้ารับการชี้แจง ทางเราจะไม่ให้มีการเคลื่อนไหวไปปะทะกับผู้ชุมนุมที่เวทีราชดำเนิน
**“เหงี่ยม”แจ้งจับ“เทือก”ยุยงล้มล้างรัฐบาล
พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ประจำสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะชมรมรักษ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า ตนจะเดินทางไปกองปราบ เพื่อร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ,114, 116 และ มาตรา 117 เนื่องจากนายสุเทพ ได้ปลุกระดมให้แนวร่วมผู้ชุมนุม ร่วมกันกระทำความผิด และการกำหนดมาตรการ 4 ข้อ เพื่อเป็นการอารยะขัดขืน ถือว่าเป็นการกระทำที่ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อล้มล้างอำนาจรัฐบาล การปลุกให้ราษฎรร่วมต่อต้านรัฐบาล และการยุยงให้หยุดงาน เพื่อบังคับให้รัฐบาลกระทำตามที่ตนต้องการ ถือว่าเป็นความผิด
นอกจากนี้ การกระทำของนายสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางตามรัฐธรรมนูญ ทางกลุ่มจะดำเนินการเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบ และยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมวินิจฉัยให้ยกเลิกการกระทำดังกล่าว และขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้า และกรรามการบริหารพรรค ทั้งนี้ เป็นไปตามสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 68
** รัฐบาลปัดซื้อเครื่องดักฟังม็อบ
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ในที่ประชุมไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการจัดซื้อเครื่องดักฟังม็อบ มีเพียงการอนุมัติงบ 104 ล้านบาท เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้ เพื่อเปลี่ยนระบบวิทยุสื่อสารดิจิตอลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาเป็นระบบ ดิจิตอล ทรังก์ เรดิโอ (Digital Trunk Radio) เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดี มาดักฟังการสื่อสารของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และป้องกันการส่งสัญญาณรบกวน หรือตัดสัญญาณการสื่อสารของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่เครื่องดักฟังการสนทนาของผู้ชุมนุมแต่อย่างใด
