บรรยากาศการชุมนุมต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ช่วงเย็นวันแรกในการอารยะขัดขืนที่แกนนำได้ประกาศไว้ ในวันที่ 13-15 พฤศจิกายนนี้ ให้ประชาชนหยุดงานมาร่วมชุมนุม เป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้ร่วมชุมนุมทยอยมาจำนวนมากขึ้นต่อเนื่อง ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
วันนี้ (13 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินการกลาง สถานที่ชุมนุมกลุ่มต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตลอดช่วงวันที่ผ่านมา บรรยากาศการชุมนุมช่วงกลางวันเป็นไปอย่างเงียบสงบ บางส่วนนั่งและนอนพักอยู่ใต้เต็นท์ขนาดใหญ่ทั้งสองฝั่งถนน รวมทั้งนั่งใต้ต้นไม้บนฟุตปาธ อีกทั้งในวันนี้เป็นวันที่นายสุเทพ ประกาศให้ประชาชนร่วมอารยะขัดขืนหยุดงานเป็นวันแรก แม้ในช่วงกลางวันมีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนไม่มากก็ตามแต่
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กองควบคุมโรคกรุงเทพมหานคร ได้เข้ามาฉีดพ่นยากำจัดยุงลายโดยรอบพื้นที่ชุมนุมด้วย โดยช่วงบ่ายมีฝนตกลงมาทำให้ผู้ชุมนุมต้องหลบเข้าที่ร่มอย่างทุลักทุเล
จากนั้นเวลา 14.25 น. นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ โฆษกกลุ่มฯ แถลงข่าวว่าการที่ ศอ.รส.ระบุว่าการชุมนุมของกลุ่มมี 4 ขั้นตอน และต่อไปเป็นขั้นตอนการยุยงให้เกิดเหตุปะทะจลาจลนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะการชุมนุมเคารพกฎหมาย ยึดหลักอหิงสาสันติ ไม่ให้เกิดเหตุบาดเจ็บล้มตาย ขอให้ ศอ.รส.หยุดใส่ร้ายเพราะจะทำให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาชุมนุม
ส่วนการที่ ศอ.รส.จะขอคืนพื้นที่ ก็ต้องถามว่าทำเพื่ออะไร เนื่องจากการชุมนุมกว่า 13 วัน ไม่มีเหตุการณ์อะไร เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สงบ ตามสิทธิรัฐธรรมนูญ การคิดทำแบบนี้จะเป็นการยุยงมากกว่า ซึ่งคาดว่าวันที่ 15 พ.ย.จะมีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก เพื่อรอฟังแกนนำประกาศยกระดับการชุมนุม และขณะนี้รัฐบาลไม่ติดต่อขอเจรจากับแกนนำ
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าช่วงเวลา 16.00 น.เป็นต้นไป มีผู้เข้าร่วมชุมนุมเพิ่มมากขึ้น ส่วนจะมีการตอบรับร่วมแสดงอารยะขัดขืนหรือไม่นั้น ยอมรับว่าการอารยะขัดขืนยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับสังคมไทย แต่ไม่ได้มีการบังคับและมองว่าการอารยะขัดขืนเป็นทางออกที่ถูกต้องมากกว่าการใช้ความรุนแรง