ASTV ผู้จัดการรายวัน - เดือนตุลาคม ตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ ภาพรวมSet Index บวกเพิ่ม4.32% ผลตอบแทนอยู่ที่ .03% แต่วอลุ่มเทรดเฉลี่ย/วันลดฮวบ 15.91% เหลือ 3.9 หมื่นล้านบาท อีกทั้งบัญชีเทรดทั้งแบบธรรมดา และอินเทอร์เน็ตร่วง ภาพรวมยกปัจจัยต่างแดน โดยเฉพาะเฟดยังต้องติดตาม ในเรื่องนโยบายประธานคนใหม่ ล่าสุดหุ้นไทยปิดร่วง 8.31 จุด แต่ยังยืนเหนือระดับ 1,400 จุด เหตุยังได้รับความกดดันจากประเด็นการเมือง แม้สถานการณ์จะคลี่คลายลงไปบ้าง แถมแรงขายต่างชาติออกมาไม่เลิกอีก 4.2 พันล้าน รวม 10 วันเกือบ 2 หมื่นล้าน
นายเกียรติพงศ์ อริยะปรัชญา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ภาพรวมภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์เดือนตุลาคม 2556 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ปิดที่ 1,442.88 จุด เพิ่มขึ้น 3.66% จากสิ้นปี 2555 และเพิ่มขึ้น 4.32% จากสิ้นเดือนกันยายน 2556 โดยในช่วงปลายเดือนดัชนีได้รับกระทบเล็กน้อยจากปัญหาทางการเมือง ทำให้อัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET อยู่ที่ 3.03% และ mai อยู่ที่ 1.58%
ขณะที่ Forward P/E ratio ของ SET อยู่ที่ 14.60 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 13.80 เท่าในเดือนก่อนหน้า และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ซึ่งอยู่ที่ 13.86 เท่า ส่วน mai อยู่ที่ 19.36 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 17.08 เท่าในเดือนกันยายน โดยรวมตุลาคม 2556 มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 39,078 ล้านบาท ลดลง 15.91% จากเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้น 3.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2556 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมอยู่ที่ 53,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วน Market capitalization ของ SET อยู่ที่ 12,594,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.26% จากเดือนก่อนหน้า และของ mai อยู่ที่ 189,278 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.42% จากเดือนก่อนหน้า ตามทิศทางของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่นักต่างประเทศซื้อสุทธิต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา 1,070 ล้านบาท แต่ในภาพรวมช่วง 10 เดือนแรกของปี 2556 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 105,338 ล้านบาท ขณะที่ผู้ลงทุนกลุ่มอื่นๆ เป็นผู้ซื้อสุทธิ โดยเฉพาะกองทุนรวมพบว่าตั้งแต่ต้นปี มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้น 17.0% ด้วยมูลค่า 424,002 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากความผันผวนของปัจจัยนอกประเทศ และแรงกดดันจากปัญหาทางการเมืองในประเทศได้ทำให้ จำนวนบัญชีที่มีการซื้อขาย (Active Rate) ลดลงมาอยู่ที่246,518 บัญชี จากช่วงสูงสุด 299,705 บัญชีเมื่อเดือนมีนาคม 2556 ขณะที่จำนวนบัญชีInternet ที่มีการซื้อขาย 145,979 บัญชี ลดลงจากช่วงสูงสุดเมื่อมีนาคม ซึ่งมี 178,111 บัญชี
ส่วนการระดมทุน บริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai มีการระดมทุนรวม 4,417 ล้านบาท แยกเป็นการระดมทุนในตลาดแรก 342 ล้านบาท และระดมทุนตลาดรอง 4,075 ล้านบาท ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2556 มีมูลค่าการระดมทุนสะสมทั้งสิ้น 220,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 1 เท่าจากปีก่อนหน้า
ด้านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 63,467 สัญญา ลดลง 3.47% จากเดือนก่อนหน้า และในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2556 มีปริมาณสัญญาซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 70,775 สัญญา เพิ่มขึ้น 60.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่มาจาก Single Stock Futures ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 29,100 สัญญาในเดือนก่อนหน้า เป็น 38,263 สัญญาในเดือนตุลาคม
“ประเด็นการเมืองในประเทศอาจกระทบต่อตลาดหุ้นบ้าง แต่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับปัจจัยในต่างประเทศ โดยเฉพาะการปรับนโยบายทางด้านการเงินและการแก้ปัญหาภาระหนี้การคลังสหรัฐฯ และหากยังไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นเชื่อว่าจะกระทบกับตลาดหุ้นไม่มาก นักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับนโยบายทางด้านการเงิน การคลังของประธานเฟดคนใหม่ในช่วงต้นปีหน้า หากมีความชัดเจนในเรื่องต่างๆ จะทำให้ตลาดทุน ตลาดเงินในโลกมีเสถียรภาพมากขึ้น ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุน เพราะความสามารถในการทำกำไรของ บจ. ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เงินเฟ้อก็ต่ำ เงินบัญชีดุลสะพัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี หนี้สาธารณะไม่สูงมากนัก " นายเกียรติพงศ์ กล่าว
**หุ้นจ่อหลุด1,400-ต่างชาติขนเงินออกไม่เลิก
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13 พ.ย.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,404.77 จุด ลดลง 8.31 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.59% มูลค่าการซื้อขาย 28,779.45 ล้านบาท ด้านสัดส่วนผู้ลงทุน นักลงทุนต่างชาติขาย 4.2 พันล้าน รายย่อยซื้อ 4.8 พันล้าน สถาบันซื้อ 113 ล้าน บัญชีโบรกเกอร์ขาย 696 ล้าน ซึ่งแรงขายของต่างชาติต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 แล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมเกือบ 2 หมื่นล้าน
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ เนื่องจากยังคงได้รับความกดดันจากประเด็นการชุมนุมทางการเมือง ที่แม้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงไปบ้างแล้ว แต่ถือว่ายังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม ขณะที่นักลงทุนต่างชาติก็ยังคงมีแนวโน้มขายสุทธิออกจากตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(14พ.ย.) คาดว่า ดัชนียังคงแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ เนื่องจากประเมินว่ายังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นบรรยากาศการลงทุน ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม ยังคงเป็นประเด็นการเมืองในประเทศ รวมไปถึงตัวเลขการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ
ทั้งนี้ ด้านกลยุทธ์ แนะให้เน้นการลงทุนหุ้นในกลุ่มอาหาร อิเล็กทรอนิกส์และโรงพยาบาล น่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยจากสถานการณ์ทางการเมือง ทั้งนี้ ประเมินแนวรับแรกไว้ที่ 1,400 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,387 จุด และประเมินแนวต้านแรกไว้ที่ 1,420 จุด แนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,425 จุด
นายเกียรติพงศ์ อริยะปรัชญา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ภาพรวมภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์เดือนตุลาคม 2556 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ปิดที่ 1,442.88 จุด เพิ่มขึ้น 3.66% จากสิ้นปี 2555 และเพิ่มขึ้น 4.32% จากสิ้นเดือนกันยายน 2556 โดยในช่วงปลายเดือนดัชนีได้รับกระทบเล็กน้อยจากปัญหาทางการเมือง ทำให้อัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET อยู่ที่ 3.03% และ mai อยู่ที่ 1.58%
ขณะที่ Forward P/E ratio ของ SET อยู่ที่ 14.60 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 13.80 เท่าในเดือนก่อนหน้า และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ซึ่งอยู่ที่ 13.86 เท่า ส่วน mai อยู่ที่ 19.36 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 17.08 เท่าในเดือนกันยายน โดยรวมตุลาคม 2556 มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 39,078 ล้านบาท ลดลง 15.91% จากเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้น 3.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2556 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมอยู่ที่ 53,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วน Market capitalization ของ SET อยู่ที่ 12,594,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.26% จากเดือนก่อนหน้า และของ mai อยู่ที่ 189,278 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.42% จากเดือนก่อนหน้า ตามทิศทางของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่นักต่างประเทศซื้อสุทธิต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา 1,070 ล้านบาท แต่ในภาพรวมช่วง 10 เดือนแรกของปี 2556 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 105,338 ล้านบาท ขณะที่ผู้ลงทุนกลุ่มอื่นๆ เป็นผู้ซื้อสุทธิ โดยเฉพาะกองทุนรวมพบว่าตั้งแต่ต้นปี มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้น 17.0% ด้วยมูลค่า 424,002 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากความผันผวนของปัจจัยนอกประเทศ และแรงกดดันจากปัญหาทางการเมืองในประเทศได้ทำให้ จำนวนบัญชีที่มีการซื้อขาย (Active Rate) ลดลงมาอยู่ที่246,518 บัญชี จากช่วงสูงสุด 299,705 บัญชีเมื่อเดือนมีนาคม 2556 ขณะที่จำนวนบัญชีInternet ที่มีการซื้อขาย 145,979 บัญชี ลดลงจากช่วงสูงสุดเมื่อมีนาคม ซึ่งมี 178,111 บัญชี
ส่วนการระดมทุน บริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai มีการระดมทุนรวม 4,417 ล้านบาท แยกเป็นการระดมทุนในตลาดแรก 342 ล้านบาท และระดมทุนตลาดรอง 4,075 ล้านบาท ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2556 มีมูลค่าการระดมทุนสะสมทั้งสิ้น 220,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 1 เท่าจากปีก่อนหน้า
ด้านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 63,467 สัญญา ลดลง 3.47% จากเดือนก่อนหน้า และในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2556 มีปริมาณสัญญาซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 70,775 สัญญา เพิ่มขึ้น 60.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่มาจาก Single Stock Futures ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 29,100 สัญญาในเดือนก่อนหน้า เป็น 38,263 สัญญาในเดือนตุลาคม
“ประเด็นการเมืองในประเทศอาจกระทบต่อตลาดหุ้นบ้าง แต่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับปัจจัยในต่างประเทศ โดยเฉพาะการปรับนโยบายทางด้านการเงินและการแก้ปัญหาภาระหนี้การคลังสหรัฐฯ และหากยังไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นเชื่อว่าจะกระทบกับตลาดหุ้นไม่มาก นักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับนโยบายทางด้านการเงิน การคลังของประธานเฟดคนใหม่ในช่วงต้นปีหน้า หากมีความชัดเจนในเรื่องต่างๆ จะทำให้ตลาดทุน ตลาดเงินในโลกมีเสถียรภาพมากขึ้น ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุน เพราะความสามารถในการทำกำไรของ บจ. ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เงินเฟ้อก็ต่ำ เงินบัญชีดุลสะพัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี หนี้สาธารณะไม่สูงมากนัก " นายเกียรติพงศ์ กล่าว
**หุ้นจ่อหลุด1,400-ต่างชาติขนเงินออกไม่เลิก
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13 พ.ย.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,404.77 จุด ลดลง 8.31 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.59% มูลค่าการซื้อขาย 28,779.45 ล้านบาท ด้านสัดส่วนผู้ลงทุน นักลงทุนต่างชาติขาย 4.2 พันล้าน รายย่อยซื้อ 4.8 พันล้าน สถาบันซื้อ 113 ล้าน บัญชีโบรกเกอร์ขาย 696 ล้าน ซึ่งแรงขายของต่างชาติต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 แล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมเกือบ 2 หมื่นล้าน
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ เนื่องจากยังคงได้รับความกดดันจากประเด็นการชุมนุมทางการเมือง ที่แม้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงไปบ้างแล้ว แต่ถือว่ายังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม ขณะที่นักลงทุนต่างชาติก็ยังคงมีแนวโน้มขายสุทธิออกจากตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(14พ.ย.) คาดว่า ดัชนียังคงแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ เนื่องจากประเมินว่ายังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นบรรยากาศการลงทุน ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม ยังคงเป็นประเด็นการเมืองในประเทศ รวมไปถึงตัวเลขการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ
ทั้งนี้ ด้านกลยุทธ์ แนะให้เน้นการลงทุนหุ้นในกลุ่มอาหาร อิเล็กทรอนิกส์และโรงพยาบาล น่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยจากสถานการณ์ทางการเมือง ทั้งนี้ ประเมินแนวรับแรกไว้ที่ 1,400 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,387 จุด และประเมินแนวต้านแรกไว้ที่ 1,420 จุด แนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,425 จุด
