xs
xsm
sm
md
lg

เชื่อUSไม่เบี้ยวหนี้หุ้นไทยบวก19จุดตปท.จ้องแบงก์ไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยปิดบวก 19.44 จุด โบรกฯช้อน1.8 พันล้าน หลังขายออกจากวันก่อนด้านสถาบันต่างชาติมั่นใจ ท้ายสุดสหรัฐฯไม่เบี้ยวหนี้ ล่าสุดลือ “โอบามา”ยอมรับข้อเสนอรีพับลิกันเพื่อขยายเพดานหนี้ ช่วยนักลงทุนโล่งใจ ด้าน “เจพี มอร์แกน”แนะนำเข้าลุยตลาดเอเชีย ชี้กลุ่มแบงก์โดดเด่นสุด โดยเฉพาะไทย ส่วนหุ้นวันนี้ ทิศทางบวกยังหนุนมีโอกาสไปต่อ

ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (8ต.ค.) ปรับตัวในแดนบวก ปิดที่ระดับ 1,434.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.44 จุด หรือ1.37% มูลค่าการซื้อขาย 35,917.16 ล้านบาท เป็นผลจากนักลงทุนคาดว่าในระยะสั้นการชะลอมาตรการ QE คงยังเป็นไปได้ยากหลังจากเกิดปัญหาการเพิ่มเพดานหนี้(Debt Ceilling)และงบประมาณ ทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอ

ขณะเดียวกัน พบว่า บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,861.91 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 22.92 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,329.92 ล้านบาท และสถาบันขายสุทธิ 554.91 ล้านบาท

มูดี้ส์เชื่อสหรัฐฯไม่เบี้ยวหนี้

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นาย เรย์มอนด์ แมคแดเนียล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมูดี้ส์ กล่าวว่า ไม่น่าเป็นไปได้มากที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯจะไม่ชำระหนี้หลักทรัพย์ และสหรัฐฯไม่น่าจะผ่านพ้นวันที่ 17 ตุลาคมโดยไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้ ก็ยังคงคิดว่ากระทรวงการคลังสหรัฐยังต้องจ่ายค่าหลักทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ด้วยเหตุนี้ตลาดการเงินจึงได้มีปฏิกิริยาค่อนข้างน้อยกับกรณีที่เดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถตกลงเรื่องงบประมาณของรัฐบาลกลางในปีงบประมาณใหม่

ส่วน เครดิต สวิส รีเสิร์ชเชื่อว่าประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐฯไม่น่าจะขัดขวางการซื้อหุ้นของนักลงทุน แต่นักลงทุนน่าจะใช้ภาวะอ่อนแรงของตลาดหุ้นเพื่อเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เพราะมีโอกาสต่ำที่ความขัดแย้งจะกินเวลานาน เนื่องจากผลสำรวจความคิดเห็นของสหรัฐฯแสดงให้เห็นว่ารีพับลิกันกำลังถูกตำหนิอย่างหนักสำหรับการชัตดาวน์ ขณะที่เดโมแครตได้เสียงข้างมากเพิ่มขึ้นในวุฒิสภาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำให้พรรคมีความชอบธรรมทางการเมือง

นอกจากนี้ ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจก็ดีกว่าช่วงที่เกิดความขัดแย้งด้านงบประมาณในเดือนส.ค.2554 อย่างมาก เนื่องจากฐานะทางการคลังของสหรัฐมีความแข็งแกร่งกว่า โดยในขณะนี้สหรัฐมียอดขาดดุลที่ 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เมื่อเทียบกับ 10% ในช่วง 2 ปีก่อน ขณะที่การขยายตัวของจีดีพีทั่วโลกก็กำลังปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี

เจพีมอร์แกน ชี้จังหวะเข้าเอเชีย กลุ่มแบงก์โดดเด่น

เจพี มอร์แกน รีเสิร์ชเปิดเผยว่า ตลาดหุ้นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงสิ้นเดือนก.ย.แทบจะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ก็ไม่ได้มีมูลค่าเมื่อเทียบกับมูลค่าในอดีต จึงแนะกลยุทธ์ในการเข้าซื้ออย่างระมัดระวังสำหรับภูมิภาคดังกล่าว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มการเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกเว้นมาเลเซีย มีการปรับตัวโดดเด่นกว่าดัชนีหุ้นของแต่ละประเทศ นำโดยหุ้นกลุ่มการเงินของไทย และมีแนวโน้มจะยังคงปรับตัวในทิศทางขาขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

ลือ “โอบามา”ยอมอ่อนข้อเพื่อขยายเพดานหนี้

นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวสูงขึ้น เพราะมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐยอมรับการขยายเพดานหนี้สาธารณะเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ด้านนายณาศิส ประเสริฐกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เคเคเทรด กล่าวว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปต่อ เพราะนักลงทุนยังรอดูรายงานประชุมครั้งที่ผ่านมาของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC)ที่จะเปิดเผยวันนี้(9ต.ค.) ซึ่งคาดว่าจะออกมาในทิศทางที่เป็นบวกต่อตลาด

ด้านนายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยผันผวนค่อนข้างมาก แต่เป็นการผันผวนในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ จากปัจจัยฝั่งสหรัฐที่นักลงทุนคาดว่าในระยะสั้นการชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE)ยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐได้รับผลกระทบจากปัญหาการเพิ่มเพดานหนี้(Debt หางบประมาณที่ทำให้สหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานบางส่วนไป ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐยังมีความอ่อนแอ ขณะที่ปัจจัยบวกภายในประเทศ หลังจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ไม่ขัดต่อบทบัญบัติในรัฐธรรมนูญ

ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(9 ต.ค.) คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนต่อเนื่อง โดยจะต้องติดตามว่ามีปัจจัยที่จะเข้ามากระทบการลงทุนเพิ่มเติมหรือไม่ หากมีก็อาจจะส่งผลให้ตลาดแกว่งตัวไปในทิศทางอ่อนตัวลง แต่ถ้าไม่มีตลาดหุ้นไทยอาจจะขึ้นไปทดสอบที่ 1,450 จุดได้ พร้อมให้แนวรับ 1,420-1,425 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น