ประธานสภาฯ ตลาดทุนชี้ 5 ปัจจัยหนุนดัชนีตลาดหุ้นไทย ทะลุ 1,650-1,700 จุดในปีหน้า ส่วนปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นเรื่องปัญหาการคลังในสหรัฐฯ การเมืองในประเทศ และการบริโภคที่ชะลอตัว ส่วนการเจ๊งจำนำข้าว 4.25 แสนล้าน รัฐควรกล้าเปิดข้อมูลจริงต่อสังคม
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มขาขึ้น โอกาสจะเคลื่อนไหวถึงระดับ 1,650-1,700 จุด ในปี 2557 หรือระดับอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิที่ 15 เท่า เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมทั้งตลาดหุ้นไทย ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินต่างชาติไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท
โดยมี 5 ปัจจัยที่สนับสนุนทิศทางขาขึ้นของตลาดหุ้นไทย ได้แก่ 1.ปัญหาการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ในรอบนี้จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แม้ว่าจะเป็นเพียงการขยายเพดานหนี้ชั่วคราวก็ตาม 2.อัตราดอกเบี้ยจะค่อยๆ ขยับขึ้น แต่ยังไม่อยู่ในระดับสูงจนเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้น ผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้นยังน่าสนใจมากกว่าเงินออม 3.เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวโดยเฉพาะยุโรป อเมริกา และจีน จะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกของไทยให้กลับมาเติบโตได้ และจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้า
4.ตลาดเกิดใหม่ยังมีความน่าสนใจ และเชื่อว่าจะมีเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามาลงทุนแน่นอน โดยเฉพาะประเทศไทยที่ก่อนหน้านี้เงินทุนต่างชาติไหลออกไปจำนวนมาก เหลืออยู่เพียง 3,000 ล้านเหรียญสรัฐ ดังนั้น เชื่อว่าจากนี้ไปเงินทุนจะไหลกลับเข้าไทย 5.ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยยังเติบโตต่อเนื่องติดต่อกันถึง 5 ปี ซึ่งคาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะเติบโตร้อยละ 14-15 รวมทั้งประเทศไทยยังมีจุดขายเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถหาแนวทางระดมทุนเพื่อการลงทุนได้ หากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ ปัญหาวิกฤตการคลังสหรัฐฯ ที่ยังกดดันให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน เพราะเมื่อใกล้ช่วงเวลาที่มีการพิจารณาทั้งเรื่องเพดาหนี้สหรัฐฯ มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องรอบที่ 3 (QE) ก็จะมีกระแสข่าวเข้ามากระทบเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงในประเทศ ยังเป็นสถานการณ์การเมืองที่่ทำให้นักวิเคราะห์ต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และยังต้องติดตามว่ารัฐบาลจะมีมาตรการมากระตุ้นการบริโภคที่ชะลอตัวลงให้ฟื้นตัวได้หรือไม่ ซึ่งหากว่ารัฐบาลสามารถทำได้ตามเป้าหมาย ดัชนีตลาดหุ้นไทยก็จะร้อนแรงอย่างแน่นอน โดยหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลดี คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกที่จะฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนั้น นักลงทุนที่ลงทุนระยะยาวสามารถซื้อสะสมได้ แต่นักลงทุนที่เก็งกำไรระยะสั้นให้รอภาวะดัชนีอ่อนตัวลง
ส่วนปัญหาการขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว จะเป็นปัจจัยบั่นทอนเสถียรภาพหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า รัฐบาลควรเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ให้รับทราบ เนื่องจากขณะนี้ตัวเลขขาดทุนที่ออกมา 4.25 แสนล้านบาท เป็นตัวเลขของภาคเอกชน และรัฐบาลควรมีการบริหารจัดการในฤดูกาลใหม่อย่างรอบคอบ และสร้างความเชื่อมั่นว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์