บีบีซี/เอเอฟพี - บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ “ฟิตช์” กำหนดให้ความน่าเชื่อถือขั้น AAA ของสหรัฐฯ อยู่ภายใต้การทบทวนเพื่อลดอันดับ ขณะที่เส้นตายในการขยายเพดานหนี้คืบคลานเข้ามา ท่ามกลางการเจรจาคลี่คลายวิกฤตกลับสู่ทางตัน หลังเดโมแครตปฏิเสธแผนที่เสนอโดยสภาผู้แทนราษฎรที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมากซึ่งพยายามเอาใจพวกหัวอนุรักษนิยมกลุ่มเล็กๆ ภายในพรรค
ฟิตช์วางอันดับความน่าชื่อถือข้นสูงสุด AAA ของสหรัฐฯ ไว้ที่มีแนวโน้มจะถูกลดอันดับ (negative watch) อ้างถึงความเป็นไปได้ที่กระทรวงการคลังของอเมริกาจะหมดความสามารถในการชำระหนี้หลังจากวันที่ 17 ตุลาคม หากไม่มีการขยายเพดานหนี้ “แม้ฟิตช์ยังคงเชื่อว่าจะมีการเพิ่มเพดานหนี้เร็วๆ นี้ แต่ปัญหาล่อแหลมทางการเมืองและความยืดหยุ่นทางการเงินที่ลดลง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ” ถ้อยแถลงระบุ
ในเรื่องนี้โฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่า “ถ้อยแถลงของฟิตช์สะท้อนว่า สภาคองเกรสต้องดำเนินการโยนภัยคุกคามของการผิดนัดชำระหนี้ที่จะเหนี่ยวรั้งเศรษฐกิจออกไปอย่างเร่งด่วน”
ระหว่างทางตันด้านงบประมาณหนก่อนเมื่อปี 2011 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถืออีกแห่ง นั่นคือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จาก AAA สู่ AA+ ขณะที่วิกฤตคราวนี้อเมริกา จำเป็นต้องบรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้ก่อนวันพฤหัสบดี(17) ไม่อย่างนั้นก็เสี่ยงประสบกับภาวะผิดนัดชำระหนี้
การต่อสู้ด้านงบประมาณเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 15 วันก่อน หลังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรีพับลิกันนำพามาซึ่งการปิดหน่วยงานรัฐบางส่วน ด้วยการเรียกร้องประธานาธิบดีบารัค โอบามา ตัดลดงบประมาณโครงการประกันสุขภาพที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวผู้นำรายนี้ เพื่อแลกกับการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว เช่นเดียวกับการขยายเพดานหนี้
ต่อมารีพับลิกันก็ลดระดับแข็งกร้าวในจุดยืนและในตอนเช้าวันอังคาร (15) ด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรีพับลิกัน แสวงหาแก้ไข “Affordable Care Act” หรือที่รู้จักดีในชื่อ “โอบามาแคร์” ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2010 แค่เล็กน้อย ทว่าตามหลังการออกมาประณามอย่างทันควันของทำเนียบขาวและเดโมแครต พวกเขาก็ปรับแผนในช่วงค่ำวันเดียวกัน ด้วยการโยนข้อเสนอทิ้งไป
ภายใต้ข้อเสนอที่เกือบจะตกลงกันได้ พวกหน่วยงานรัฐบาลกลางซึ่งต้องปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1 ที่ผ่านมาจะได้รับงบประมาณใช้จ่ายเพียงพอที่จะเปิดดำเนินการอีกครั้งไปถึงวันที่ 15 มกราคมปีหน้า ขณะที่จะมีการเพิ่มเพดานก่อหนี้ เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถกู้ยืมเงินได้ตามปกติจนถึงวันที่ 7 ก.พ. ดังนั้นจึงจะเป็นการยุติวิกฤตการคลัง 2 เรื่องซ้อนกัน ซึ่งกำลังทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อสหรัฐฯ และก็กระชากคะแนนนิยมของรีพับลิกันให้ต่ำเรี่ยดิน
ข้อเสนอนี้ยังกำหนดให้เริ่มการเจรจาว่าด้วยการแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณในระยะยาวอย่างเป็นทางการระหว่างสภาสูงและสภาล่าง เพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ โดยที่การแก้ไขเช่นนี้จะมีเป้าหมายประการหนึ่งว่าจะผ่อนคลายมาตรการลดการใช้จ่ายแบบเหมารวมอัตโนมัติ (ซีเควสเตอร์) ทั้งนี้ซีเควสเตอร์เริ่มต้นในเดือนมีนาคมปีนี้ และจะขยายผลเพิ่มขึ้นอีกในเดือนมีนาคมปีหน้า โดยจะมีการตัดงบกลาโหมเพิ่มอีก 20,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ด้วยที่แผนของสภาผู้ทนราษฎรมีข้อแตกต่างจากวุฒิสภา คือ กำหนดให้เลื่อนเก็บภาษีเครื่องมือแพทย์ ซึ่งเป็นภาษีส่วนที่จะนำไปใช้จ่ายในกฎหมายประกันสุขภาพออกไป 2 ปี และมีข้อกำหนดให้สมาชิกสภาคองเกรสและเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกครอบคลุมในกฎหมายประกันสุขภาพนี้ด้วย จึงกลายเป็นอุปสรรคสำหรับขยายเพดานหนี้ก่อนวันที่ 17 ตุลาคม