เอเจนซีส์ - ทั่วโลกลุ้นระทึก เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงเส้นตายสำคัญ แต่นักการเมืองอเมริกันยังคงไม่มีบทสรุปเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่จะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจโลก และข้อกังวลนี้ได้รับการตอกย้ำโดยฟิตช์ เรทติ้ง ที่เตือนว่า การเผชิญหน้าในวอชิงตันอาจนำไปสู่การปรับลดความน่าเชื่อถือตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ระดับสูงสุด AAA
ความหวังที่รัฐสภาสหรัฐฯ จะเห็นชอบขยายเพดานการก่อหนี้ของรัฐบาลภายในกำหนดเส้นตายเที่ยงคืนวันพฤหัสบดี (17 ต.ค.) ฝากไว้กับความพยายามเฮือกสุดท้ายของวุฒิสภาในการผ่านร่างกฎหมายและส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่อนุมัติ โดยมีอุปสรรคใหญ่คือกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว “ทีปาร์ตี้” ของรีพับลิกัน ที่ขัดขวางความพยายามประนีประนอมมาแล้วหลายครั้งด้วยวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้เกิดการเผชิญหน้าแบบใครดีใครอยู่ กับประธานาธิบดีบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครต
หากรัฐสภาไม่สามารถขยายเพดานการก่อหนี้เป็น 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ทันเวลา กระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะขาดแคลนเงินสดในการใช้จ่ายต่างๆ ส่งผลให้อเมริกาผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อการฟื้นตัวของประเทศ ผู้บริโภคอเมริกันต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงขึ้น และคุกคามเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบาง
ตลาดหุ้นเอเชียในวันพุธ (16) มีทั้งอยู่ในแดนบวกและแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนไม่แน่ใจขณะเฝ้าจับตาการเผชิญหน้าของนักการเมืองอเมริกัน โดยความหวังในการผ่าทางตันฝากไว้กับการหารือระหว่าง ส.ว.แฮร์รี ของเดโมแครต ที่เป็นผู้นำเสียงข้างมากของสภาสูง กับ ส.ว. มิตช์ แมคคอนเนลล์ แห่งรีพับลิกัน ผู้นำเสียงข้างน้อยของสภาเดียวกัน
ขณะที่ในสภาล่างเมื่อวันอังคาร จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากรีพับลิกัน ล้มเหลวไม่สามารถรวมเสียงสนับสนุนจากส.ส.ภายในพรรคได้มากพอ แต่ก็ไม่เต็มใจใช้เสียงข้างน้อยของเดโมแครตมาเป็นตัวช่วย จึงยังไม่ให้สภาล่างลงมติผ่านร่างกฎหมายเพื่อขยายเพดานการก่อหนี้และเปิดหน่วยงานรัฐบาลที่ปิดทำการมาได้สองสัปดาห์แล้ว
ความชะงักงันเช่นนี้ ทำให้มหาอำนาจทั่วโลกต่างผิดหวังกับยุทธวิธีของนักการเมืองในวอชิงตันที่ทำให้ระบบการเมืองอเมริกันเป็นอัมพาตอย่างแท้จริง
ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นในตลาด ฟิตช์ 1 ใน 3 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ออกคำแถลงเมื่อวันอังคารเตือนว่า อาจลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้สหรัฐฯ ที่ขณะนี้อยู่ระดับสูงสุดที่ AAA เนื่องจากวิกฤตการเมือง
แม้สถานการณ์ยังไร้ความแน่นอน แต่โอบามายังมองการณ์ในแง่ดีเมื่อวันอังคารว่า จะมีทางออกในท้ายที่สุด พร้อมเรียกร้องให้รัฐสภาทำสิ่งที่ถูกต้องคือ จัดการให้หน่วยงานรัฐที่ปิดไปสามารถเปิดดำเนินการได้อีกครั้ง รวมทั้งทำให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ตามกำหนด
ทั้งนี้ เมื่อวันอังคาร ส.ส.รีพับลิกันพยายามเจรจาต่อรองเพื่อเพิ่มเพดานการก่อหนี้ของรัฐบาลจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ปีหน้า และเปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลอีกครั้งจนถึงวันที่ 15 ธันวาคมนี้ ทว่า ร่างข้อเสนอหลายฉบับที่เสนอกันขึ้นมา กลับล้วนพ่วงด้วยเงื่อนไขซึ่งมุ่งลิดรอนกฎหมายปฏิรูประบบสาธารณสุขของโอบามา ที่เรียกกันว่า “โอบามาแคร์” ดังนั้น จึงเท่ากับปิดโอกาสที่ร่างเหล่านั้นจะผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาที่เดโมแครตครองเสียงข้างมาก
โบห์เนอร์นั้นหนุนให้มีเงื่อนไขพ่วงเช่นนี้ ด้วยความประสงค์ที่จะเกลี้ยกล่อมไม่ให้กลุ่มทีปาร์ตี้ออกนอกแถวมากเกินไป ขณะเดียวกันก็ประสงค์ที่จะสร้างแรงกดดันวุฒิสภา แต่ลงท้ายตัวเขาเองกลับไม่สามารถรวบรวมเสียง ส.ส.พรรคเดียวกันให้มากพอแม้กระทั่งเพียงเพื่อนำร่างเหล่านี้เข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาล่าง โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า ส.ส.รีพับลิกันจำนวนมากขึ้นเริ่มเบี่ยงเบนไม่เอาด้วยกับแผนการของผู้นำพรรค
ทางด้านสภาสูงที่ชะลอการเจรจาเพื่อดูท่าทีของสภาล่าง ได้ รีบเปิดหารือใหม่ทันทีในคืนวันอังคาร โดยพวกผู้ช่วยของผู้นำทั้งสองพรรคต่างมองแง่ดีว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้และเปิดโหวตเต็มสภาในวันพุธ
ชาร์ลี เดนต์ ส.ส.รีพับลิกันให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นโดยแสดงความเชื่อมั่นว่า โบห์เนอร์จะสามารถผลักดันให้สภาผู้แทนฯ ผ่านร่างที่แมคคอนเนลล์ตกลงกับรีด และส่งกลับไปให้วุฒิสภาอนุมัติอีกรอบ
ข้อตกลงที่ผู้นำในสภาสูงกำลังหารืออยู่นั้นเรียกร้องให้เดโมแครตยอมประนีประนอมเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับโอบามาแคร์ แต่ไม่ถึงขั้นชะลอหรือระงับการอุดหนุนกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งเป็นจุดยืนแข็งกร้าวของรีพับลิกันอันนำไปสู่การปิดหน่วยงานบางแห่งของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้รีดกล่าวหาโบห์เนอร์ว่า พยายามรักษาตำแหน่งทางการเมืองของตัวเองโดยไม่ใส่ใจว่าประเทศได้รับความเสียหาย
ภาระหนักจึงกลับมาตกอยู่กับโบห์เนอร์อีกครั้งว่า จะยึดมั่นกับจุดยืนของทีปาร์ตี้และปล่อยให้อเมริกาผิดนัดชำระหนี้ หรือพยายามผ่านร่างกฎหมายประนีประนอมที่เป็นที่ยอมรับได้ของเดโมแครตในสภาสูงและโอบามา โดยอาศัยเสียงข้างน้อยของเดโมแครตในสภาล่าง ซึ่งหากเขายอมทำเช่นนี้ ก็อาจต้องแลกด้วยตำแหน่งของตัวเองภายในพรรครีพับลิกัน