เอเจนซีส์ - แม้ปีงบประมาณปัจจุบันใกล้สิ้นสุดลงทุกขณะ แต่จนกระทั่งเวลาย่างเข้าสู่วันจันทร์ (30ก.ย.) รัฐสภาสหรัฐฯและทำเนียบขาวยังไม่มีทีท่าต้องการเจรจาผ่าทางตัน เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องปิดทำการหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางอเมริกัน มิหนำซ้ำสองพรรคใหญ่ยังตั้งหน้าตั้งตาโยนความผิดให้กัน และรอให้ฝ่ายตรงข้าม “กระพริบตา” แสดงความเพลี่ยงพล้ำก่อน
ก่อนที่ปีงบประมาณใหม่จะเริ่มต้นขึ้นในวันอังคาร (1ต.ค.) สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาของสหรัฐฯจะต้องตกลงกันผ่านงบประมาณฉบับชั่วคราวฉุกเฉิน ซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยินยอมลงนามประกาศบังคับใช้ จึงจะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางมีงบประมาณในการดำเนินงานต่อไป ไม่เช่นนั้นแล้วส่วนงานซึ่งถือว่าไม่มีความจำเป็นชนิดขาดไม่ได้ ก็จะต้องปิดทำการ
แต่กระบวนการนี้มีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าปกติในปีนี้ เนื่องจากพรรครีพับลิกันที่ถูกผลักดันโดยกลุ่มการเมืองอนุรักษนิยมสุดโต่ง “ทีปาร์ตี้” นำเอาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉุกเฉินนี้ มาผูกโยงกับความพยายามของพวกเขาที่จะยับยั้งกฎหมายปฏิรูประบบสาธารณสุขของประธานาธิบดีโอบามา ทั้งนี้กฎหมายการปฏิรูปดังกล่าวซึ่งเรียกกันว่า “โอบามาแคร์” ได้ผ่านรัฐสภาและบังคับใช้เป็นกฎหมายไปแล้ว ทว่าในทางปฏิบัติยังจะต้องให้คองเกรสอนุมัติงบใช้จ่ายดำเนินการ
สภาผู้แทนราษฎรที่รีพับลิกันควบคุมอยู่ ได้ผ่านร่างงบประมาณฉุกเฉินชั่วคราวที่บวกเงื่อนไขต้องตัดงบรายจ่ายสนับสนุนโอบามาแคร์ ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทว่าวุฒิสภาซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก ได้จัดแจงหั่นเงื่อนไขดังกล่าวออกไป แล้วลงมติในวันศุกร์ (25) เห็นชอบเฉพาะเนื้อหาของงบประมาณชั่วคราว
จากนั้น สภาล่างได้เปิดอภิปรายเผ็ดร้อนในวันเสาร์และลากยาวจนถึงวันอาทิตย์ จึงผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว ซึ่งพ่วงการชะลอการบังคับใช้โอบามาแคร์ออกไป 1 ปี รวมทั้งยกเลิกการจัดเก็บภาษีอุปกรณ์การแพทย์ที่มีจุดประสงค์เพื่อหารายได้มาสนับสนุนการปฏิรูประบบสาธารณสุข
ระหว่างที่สภาผู้แทนราษฎรกำลังพิจารณาร่างกฎหมายอยู่นั้น ส.ว.แฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภา ซึ่งก็คือผู้นำของฝ่ายเดโมแครตในสภาสูง ได้เตือนว่าหากสภาล่างยังผูกเงื่อนไขที่รับไม่ได้เอาไว้ในร่างงบประมาณชั่วคราว เมื่อส่งกลับมาให้วุฒิสภาพิจารณา ก็จะต้องถูกคว่ำอีกอย่างแน่นอน ขณะที่ทำเนียบขาวก็ประกาศว่า กระทั่งถ้าหากผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา ประธานาธิบดีจะใช้อำนาจยับยั้งร่างกฎหมายเช่นนี้
ปรากฏว่าหลังสภาผู้แทนราษฎรยังคงเดินหน้าอนุมัติร่างงบประมาณที่ผูกเงื่อนไขซึ่งมุ่งสกัดโอบามาแคร์ในช่วงก่อนรุ่งสางวันอาทิตย์ รีดได้ตัดสินใจไม่เรียกประชุมสภาสูงเร่งด่วนในช่วงสุดสัปดาห์ แม้ใกล้จะถึงเส้นตายสิ้นปีงบประมาณไปทุกขณะ แต่นัดหมายประชุมกันในตอนเย็นวันจันทร์ โดยที่ แอดัม เจนเทิลสัน โฆษกของรีด ยืนกรานในวันอาทิตย์ว่า วุฒิสภาจะคว่ำมาตรการเหล่านั้นในวันจันทร์ตามที่ประกาศ และรีพับลิกันจะตกอยู่ในสถานการณ์เดิมคือ ยอมรับร่างฉบับของวุฒิสภาหรือบีบให้หน่วยงานรัฐปิดทำการ
ทางฝ่ายรีพับลิกัน เควิน แมกคาร์ธี ผู้นำอันดับ 3 ในสภาผู้แทนฯ แสดงความเชื่อมั่นว่า หากสภาสูงคัดค้านตามที่คาดไว้ สภาล่างจะยังมีเวลามากพอที่จะส่งร่างญัตติทางเลือกใหม่เพื่อป้องกันการปิดหน่วยงานรัฐให้วุฒิสภาพิจารณาอีกรอบและเชื่อว่า วุฒิสภาจะให้การยอมรับร่างดังกล่าวที่จะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในโอบามาแคร์
ร่างญัตติทางเลือกใหม่อาจพุ่งเป้าที่ภาษีอุปกรณ์การแพทย์ที่สภาสูงเองโหวตคัดค้านมาแล้วในเดือนมีนาคม ทว่าเป็นเพียงญัตติที่ไม่มีผลผูกพันกับงบประมาณแต่อย่างใด
ดิ๊ก เดอร์บิน ผู้นำอันดับ 2 ในวุฒิสภา เผยว่า พร้อมพิจารณาร่างใหม่ของสภาล่าง แต่ต้องไม่ถูกสถานการณ์บังคับ เช่น แนวโน้มการปิดหน่วยงานรัฐ
ขณะที่รีพับลิกันและเดโมแครตยังตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมไก่กับไข่ และไม่มีสัญญาณว่า ทำเนียบขาวหรือคองเกรสจะขอเจรจาในนาทีสุดท้ายเพื่อยุติความขัดแย้ง รัฐบาลจึงกำลังนับถอยหลังการสั่งให้ลูกจ้างรัฐนับแสนหยุดอยู่บ้านโดยไม่ได้รับเงินเดือน
และขณะที่สมาชิกรัฐสภาโทษกันไปมา ดูเหมือนผู้นำเดโมแครตจะยอมรับแล้วว่า จะมีการปิดหน่วยงานรัฐจำนวนมาก
ทางตันทางการเมืองในสหรัฐฯครั้งนี้กำลังส่งผลทางลบต่อตลาดการเงินทั่วโลก เป็นต้นว่า ตลาดหุ้นเอเชียยกเว้นเพียงเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันจันทร์ (30) ตกระหว่าง 2.06-0.74% ส่วนดอลลาร์อ่อนลงอยู่ที่ 97.80 เยน จาก 98.24 เยนเมื่อวันศุกร์ และสัญญาสั่งซื้อน้ำมันล่วงหน้าในตลาดนิวยอร์กงวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 1.35 ดอลลาร์ อยู่ที่ 101.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบชนิดเบรนต์ที่ลอนดอนตกลง 95 เซ็นต์ อยู่ที่ 107.68 ดอลลาร์
แม้สถานการณ์นี้ยังห่างไกลจากคำว่า “แตกตื่น” เนื่องจากนักลงทุนชักชินชากับเกมการเมืองในวอชิงตัน ทว่า นักลงทุนทั้งในและนอกอเมริกายังกังวลว่า การปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ อาจทำลายบรรยากาศก่อนที่จะถึงวาระการอภิปรายขยายเพดานการกู้ยืมของรัฐบาลกลางเดือนนี้ ซึ่งหากไม่ผ่านความเห็นชอบของสภา จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขาดแคลนเงินสดและต้องผิดนัดชำระหนี้
ทั้งนี้ ครั้งล่าสุดที่อเมริกาเฉียดใกล้การผิดนัดชำระหนี้จากศึกในคองเกรสเมื่อปี 2011 นั้น ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของวอลล์สตรีทรูดไถลประมาณ 2,100 จุดในช่วงระหว่างวันที่ 21 กรกฎาคมจนถึงวันที่ 9 สิงหาคม และต้องใช้เวลากว่า 2 เดือนในการฟื้นตัว