แม่ทัพภาคที่ 2 รุดถก พล.อ.เจีย มอญ ยัน 2 ฝ่ายไม่สู้รบหลังศาลตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร อ้างร่วมแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี "ยิ่งลักษณ์" โพสต์เฟสบุ๊ก 2 ประเทศเคารพกัน จะหารือให้ได้ข้อยุติที่ทั้งสองฝ่ายรับได้ บุรีรัมย์สั่งปิดกว่า 40 โรงเรียน ตั้งแต่ 11-12 พ.ย. หวั่นได้รับผลกระทบ
เวลา 10.30 น. ที่โรงแรมทองธารินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ร่วมหารือกับพล.อ.เจีย มอญ รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เรื่องความสัมพันธ์ของทหารไทยและทหารกัมพูชา ส่วนกรณีที่ศาลโลกจะตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ทหารทั้งสองฝ่ายใยึดถือนโยบายรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ และจะร่วมกันคณะทำงานปฏิบัติตามคำพิพากษา บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และจะร่วมมือกันแก้ปัญหาโดยสันติวิธี โดยวันที่ 10 -12 พฤศจิกายน ให้ทหารทั้งสองฝ่ายติดต่อสื่อสารกันให้มากขึ้นเป็นรายชั่วโมง เพื่อป้องกันการยั่วยุและเข้าใจผิดกัน
สำหรับการดูแลประชาชน มีข่าวสารทางกัมพูชาระบุว่าชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่ชายแดน จนกระทบถึงความมั่นใจของชาวไทยด้วยเช่นกัน จึงขอให้ฝ่ายกัมพูชาทำความเข้าใจกับประชาชน ไม่ให้เตื่นตระหนก ซึ่งจะนำความสงบสุขมาสู่ประชาชนทั้งสองประเทศ
พล.อ.เจีย มอญ กล่าวว่า ได้ทำความเข้าใจกับชาวกัมพูชาแล้ว และมีความเป็นอยู่เป็นปกติ ส่วนการเคลื่อนย้ายกำลังทหารนั้น นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ให้หน่วยทหารมาแจกสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่ถูกน้ำท่วมใกล้ชายแดนไทยเท่านั้น หากศาลโลกตัดสินอย่างไร ทหารและกองทัพจะปฏิบัติตามนั้น โดยให้รัฐบาลทั้งสองประเทศเป็นผู้ตัดสินปัญหา มั่นใจว่าหลังศาลตัดสินแล้วจะไม่มีการสู้รบกัน
นายชัชชยุติ ภักดี เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยและกัมพูชาว่า ยังมีความสัมพันธ์อันดี ติดต่อสื่อสารกันตามปกติ ทั้งนี้แม้ว่ายังไม่มีสัญญาณของความขัดแย้ง แต่ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว หากมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ผลจะออกมาอย่างไร ก็ไม่ก่อให้ความรุนแรง ถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่ อีกทั้งเป็นการพิจารณาคำตัดสินคดีเดิม ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องอาณาบริเวณ หากล่วงล้ำพิจารณาถึงเรื่องเขตแดนแล้ว ไทยไม่ควรปฏิบัติตามคำตัดสิน
**"ปู" เฟซบุ๊กอ้างไทย-เขมรเคารพกัน
น.ส.ยิงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า รัฐบาลต่อสู้คดีมาอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ไทยและกัมพูชาต้องหารือกันเพื่อให้ได้ข้อยุติซึ่งเป็นที่ยอมรับได้ของทั้งสองฝ่าย โดยต้องคำนึงถึงขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมีประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยเป็นที่ตั้ง โดยช่วงค่ำหลังมีคำตัดสิน รัฐบาลจะแถลงการณ์ถึงท่าทีของประเทศไทย
ทั้งนี้ ไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่ย้ายบ้านหนีกันไม่ได้ จึงต้องรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดี โดยเฉพาะต้องร่วมมือกันที่ดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ซึ่งจะใช้แนวทางการหารือร่วมกันในสาระสำคัญของคำตัดสิน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองฝ่าย ได้ตกลงกันไว้ว่าจะต้อง "ให้เวลา" และ "เคารพในสิทธิและการแสดงออก" ของกันและกัน
"ขอให้ประชาชนไทยเชื่อมั่นได้ว่า การดำเนินงานของรัฐบาลจะเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พร้อมที่จะรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชน เพื่อประโยชน์สุขของประเทศ และสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา"
***บุรีรัมย์ปิด ร.ร.กว่า 40 แห่ง
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.บุรีรัมย์ ว่ากรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก นัดอ่านคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าจะมีปัญหารการสู้รบตามมาหลังศาลมีคำพิพากษานั้น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) บุรีรัมย์ เขต 2 มีหนังสือถึงผู้บริหารสถานศึกษากว่า 40 แห่ง ในอ.บ้านกรวด ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ปิดเรียนวันที่ 11-12 พฤศจิกายน ส่วนครูและผู้บริหารยังต้องประจำอยู่ที่โรงเรียน พร้อมจัดเวรยามดูแลตลอด 24 ชั่วโมง.
เวลา 10.30 น. ที่โรงแรมทองธารินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ร่วมหารือกับพล.อ.เจีย มอญ รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เรื่องความสัมพันธ์ของทหารไทยและทหารกัมพูชา ส่วนกรณีที่ศาลโลกจะตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ทหารทั้งสองฝ่ายใยึดถือนโยบายรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ และจะร่วมกันคณะทำงานปฏิบัติตามคำพิพากษา บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และจะร่วมมือกันแก้ปัญหาโดยสันติวิธี โดยวันที่ 10 -12 พฤศจิกายน ให้ทหารทั้งสองฝ่ายติดต่อสื่อสารกันให้มากขึ้นเป็นรายชั่วโมง เพื่อป้องกันการยั่วยุและเข้าใจผิดกัน
สำหรับการดูแลประชาชน มีข่าวสารทางกัมพูชาระบุว่าชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่ชายแดน จนกระทบถึงความมั่นใจของชาวไทยด้วยเช่นกัน จึงขอให้ฝ่ายกัมพูชาทำความเข้าใจกับประชาชน ไม่ให้เตื่นตระหนก ซึ่งจะนำความสงบสุขมาสู่ประชาชนทั้งสองประเทศ
พล.อ.เจีย มอญ กล่าวว่า ได้ทำความเข้าใจกับชาวกัมพูชาแล้ว และมีความเป็นอยู่เป็นปกติ ส่วนการเคลื่อนย้ายกำลังทหารนั้น นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ให้หน่วยทหารมาแจกสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่ถูกน้ำท่วมใกล้ชายแดนไทยเท่านั้น หากศาลโลกตัดสินอย่างไร ทหารและกองทัพจะปฏิบัติตามนั้น โดยให้รัฐบาลทั้งสองประเทศเป็นผู้ตัดสินปัญหา มั่นใจว่าหลังศาลตัดสินแล้วจะไม่มีการสู้รบกัน
นายชัชชยุติ ภักดี เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยและกัมพูชาว่า ยังมีความสัมพันธ์อันดี ติดต่อสื่อสารกันตามปกติ ทั้งนี้แม้ว่ายังไม่มีสัญญาณของความขัดแย้ง แต่ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว หากมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ผลจะออกมาอย่างไร ก็ไม่ก่อให้ความรุนแรง ถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่ อีกทั้งเป็นการพิจารณาคำตัดสินคดีเดิม ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องอาณาบริเวณ หากล่วงล้ำพิจารณาถึงเรื่องเขตแดนแล้ว ไทยไม่ควรปฏิบัติตามคำตัดสิน
**"ปู" เฟซบุ๊กอ้างไทย-เขมรเคารพกัน
น.ส.ยิงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า รัฐบาลต่อสู้คดีมาอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ไทยและกัมพูชาต้องหารือกันเพื่อให้ได้ข้อยุติซึ่งเป็นที่ยอมรับได้ของทั้งสองฝ่าย โดยต้องคำนึงถึงขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมีประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยเป็นที่ตั้ง โดยช่วงค่ำหลังมีคำตัดสิน รัฐบาลจะแถลงการณ์ถึงท่าทีของประเทศไทย
ทั้งนี้ ไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่ย้ายบ้านหนีกันไม่ได้ จึงต้องรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดี โดยเฉพาะต้องร่วมมือกันที่ดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ซึ่งจะใช้แนวทางการหารือร่วมกันในสาระสำคัญของคำตัดสิน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองฝ่าย ได้ตกลงกันไว้ว่าจะต้อง "ให้เวลา" และ "เคารพในสิทธิและการแสดงออก" ของกันและกัน
"ขอให้ประชาชนไทยเชื่อมั่นได้ว่า การดำเนินงานของรัฐบาลจะเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พร้อมที่จะรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชน เพื่อประโยชน์สุขของประเทศ และสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา"
***บุรีรัมย์ปิด ร.ร.กว่า 40 แห่ง
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.บุรีรัมย์ ว่ากรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก นัดอ่านคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าจะมีปัญหารการสู้รบตามมาหลังศาลมีคำพิพากษานั้น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) บุรีรัมย์ เขต 2 มีหนังสือถึงผู้บริหารสถานศึกษากว่า 40 แห่ง ในอ.บ้านกรวด ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ปิดเรียนวันที่ 11-12 พฤศจิกายน ส่วนครูและผู้บริหารยังต้องประจำอยู่ที่โรงเรียน พร้อมจัดเวรยามดูแลตลอด 24 ชั่วโมง.
