ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอาจจะคิดไม่ถึงว่า ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับ “ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย” จะแผ่ขยายออกไปในทุกองคาพยพของสังคมเช่นนี้
พรรคเพื่อไทยก็อาจจะคิดและประเมินสถานการณ์ผิดพลาดเช่นกัน
และก็เชื่อว่า นักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตรก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เพราะคิดว่า เวลาที่ผ่านไปจะทำให้คนไทยลืมความเลวร้ายที่ได้ก่อเอาไว้ให้หมดสิ้นไปได้ และคิดว่าเงินที่ใช้ฟาดหัวคนเสื้อแดงจะทำให้พวกเขายอมเป็นศพให้นายใหญ่เหยียบย่ำได้ตามใจชอบ
ปัญหาของเรื่องราวทั้งหมดจึงมาหยุดอยู่ตรงประเด็นที่ว่า แล้ว “นักโทษชายหนีคดีผู้นี้” จะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร
จะดันทุรังต่อเพื่อให้ได้กลับบ้าน
หรือจะยอมถอยโดยส่งสัญญาณให้ ส.ว.ที่เป็นทาสในเรือนเบี้ยยกมือร่วมกับ ส.ว.กลุ่มที่คัดค้านการออกนิรโทษกรรมตีตกกฎหมายในชั้นของวุฒิสภา ซึ่งเป็นแนวทางที่บรรดากัลยาณมิตรของพรรคเพื่อไทยพากันส่งสัญญาณออกมาให้เห็นเป็นระยะๆ ทั้ง “โกร่ง กางเกงแดง” และ “ทนง ลำไย”
และสุดท้ายคำตอบก็ปรากฏออกมาเมื่อ “ยิ่งลักษณ์” แถลงข่าวด่วนที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมาว่า นักโทษชายหนีคดียังคงมีคำสั่งให้เดินหน้าต่อไป
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ประกาศชัดเจนว่า การออกกฎหมายฉบับนี้คือทางออกของประเทศ พร้อมยืนยันว่า ไม่ใช่กฎหมายการเงิน ไม่ใช่กฎหมายล้างผิดคนทุจริต เพียงแต่เป็นกฎหมายที่นิรโทษกรรมให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำรัฐประหาร
แปลไทยเป็นไทยว่า คนไทยที่กำลังออกมาต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษฉบับนี้งี่เง่า และโง่อย่างไม่รู้จะหาคำใดมาเปรียบเปรย กระทั่งถูกหลอกให้ออกมาชุมนุมตามท้องถนน
จากนั้น นายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็เสแสร้งเล่นละครลดกระแสว่า ให้วุฒิสภาใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาอย่างเต็มที่และพร้อมจะยอมรับ ซึ่งมองอย่างผิวเผินอาจจะดูเหมือนยอมถอย แต่สุดท้ายก็แบไต๋ออกมาว่า ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ยอมรับ
ด้วยเหตุดังกล่าว ประชาชนจึงไม่อาจหลงกลรัฐบาลและจำต้องเดินหน้ากดดันวุฒิสภาต่อไป เพราะถ้าไม่มีพลังของประชาชน เชื่อว่าวุฒิสภาจะผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างแน่นอน
ดังนั้น ต้องค้านให้สุดซอยและต้องไปไกลถึงขั้นไล่รัฐบาล เพราะฟังถ้อยคำจากนายกฯ ยิ่งลักษณ์แล้วเห็นได้ชัดว่า ตะแบงและบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างหน้าด้านๆ
ไปที่เรื่องอื่นกันบ้าง เริ่มจาก พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช องคมนตรี ผู้แทนพระองค์ ที่มอบรางวัลถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 1 ล้านบาท ให้กับ นายรัฐพล ดาดดา หัวหน้าวง Ratwinit Bangkaeo Wind Symphony ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศประเภท Wind Band (วงเครื่องเป่าขนาดใหญ่ของระดับอุดมศึกษา) ในการแข่งขันประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทยครั้งที่ 14 ประจำปี 2556 (TIWEC2013) ณ หอแสดงดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
นอกจากนี้ ยังมีการมอบถ้วยรางวัลชนะเลิศประเภท Wind Band (วงเครื่องเป่าขนาดใหญ่ของระดับเตรียมอุดมศึกษา) พร้อมเงินรางวัล 300,000 บาทให้แก่ วง Horwang Wind Ensemble ถ้วยรางวัลชนะเลิศ ประเภท Small Wind Esemble (วงเครื่องเป่าขนาดเล็กของระดับอุดมศึกษา) พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาทให้กับ วง Tromba Ranger และถ้วยรางวัลชนะเลิศ ประเภท Small Wind Esemble (วงเครื่องเป่าขนาดเล็กของระดับเตรียมอุดมศึกษา) พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาทให้กับ วง Fire-Yen Saxophone Quartet
ตามต่อด้วย ดร.นพ.เกริกยศ ชลายนเดชะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 1 นพ.สุรัตน์ บุญญะการกุล ผู้อำนวยการศูนย์โรคหลอดเลือดสมองพญาไท รพ.พญาไท1 พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมเปิดตัว “หน่วยกู้สมองเคลื่อนที่:Mobile Stroke Unit” ไอซียูเคลื่อนที่ศักยภาพสูงที่ประกอบด้วยเครื่องมือในการรักษาสภาวะวิกฤตและพยุงชีวิตผู้ป่วย ณ ลานแฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน เมื่อเร็วๆ นี้
และปิดท้ายกับ กิตติ เมฆวิจิตรแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดร.ยุทธศาสตร์ นิธิไพจิตร ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีศูนย์ข้อมูล กัณณิกา วรคามิน ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ ทีมผู้บริหาร บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) ร่วมเปิดตัว IRIS Cloud…The New Possibilities Begin อย่างเป็นทางการ พร้อมให้บริการ “คลาวด์” ครบวงจรเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอีกขั้นเพื่อรองรับระบบงานไอทีทุกแพลตฟอร์ม ณ โรงภาพยนตร์ เอสเอฟ เวิล์ด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเร็วๆ นี้
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ
ลุงอ้วน
managerweekend@yahoo.com
คอลัมน์//หนังสือน่าอ่าน
1Q84
เชื่อว่าหลายคนแทบจะไม่มีเวลาแม้แต่จะแหงนหน้าดูท้องฟ้ายามค่ำคืน ความเปลี่ยนไปของผู้คนที่ต่างจะก้มหน้าก้มตากดสมาร์ทโฟน จำกัดตัวเองอยู่กับพื้นที่ส่วนตัว ทิ้งระยะห่างกับผู้คนมากขึ้น
หนังสือเล่มนี้จะทำให้เรากลับมาสนใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ และทำให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เรามีชีวิตอยู่ถูกที่ถูกทางที่ควรจะเป็นหรือไม่”
เรื่องราวอันแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในโลก 1Q84 ก็ไม่ต่างอะไรกับสภาวะความเปลี่ยนไปของผู้คนในสังคมที่ต่างสนใจแต่เรื่องราวของตัวเอง บางทีก็ถูกกระแสสังคมพัดไปจนลืมที่จะทำในสิ่งที่ภายในจิตใต้สำนึกกำลังเรียกร้องมากที่สุด
โลกที่มูราคามิได้จำลองขึ้นในปี 1Q84 ได้ดึงดูดผู้อ่านเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง คล้ายกับมูราคามิเป็นผู้ยื่นกุญแจให้เปิดประตูบานใหม่เข้าไป ซึ่งประตูที่ว่านี้ มีแต่ทางเข้าเท่านั้นไม่สามารถหาทางออกเพื่อพบกับโลกปัจจุบันได้อีก
มูราคามิได้จำลองโลก 1984 โดยใช้สัญลักษณ์ 1Q84ขึ้นมาแทน โดยตัวละครเอกทั้ง 2 คน ที่มีชื่อว่าอาโอมาเมะ กับเท็งโกะได้ออกตามหากันและกัน โดยมีองค์กรลึกลับเป็นด้ายเกี่ยวยึดโยงทั้งสองให้มาโคจรตามหากันบนโลกคู่ขนาน
ด้วยความรักที่ทั้งสองมีให้กัน การออกเดินทางตามหาทำให้ผู้เขียนสัมผัสถึงอรรถรสความโหยหาเจือความหม่นและน่าเห็นใจ ความสับสนกับโลกที่กีดกันตัวเราออกจากสังคมใหญ่อันสับสนวุ่นวาย
อรรถรสของการอ่านงานวรรณกรรมญี่ปุ่นเล่มนี้ ล้วนแฝงไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว การเล่นกับศีลธรรม คุณงามความดี และการหลอกล่อผู้อ่านอย่างแนบเนียน จนแทบจะแยกแยะไม่ออกเลยว่า เรากำลังอ่านงานมูราคามิอยู่ หรือเราเป็นตัวละครที่ถูกพัดหลงเข้ามากันแน่
หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณได้ใช้เวลาว่าง ออกไปท่องโลกของมูราคามิ เป็นผู้สังเกตการณ์ คอยเอาใจช่วยความรัก ความศรัทธา และความแน่วแน่ยึดสิ่งที่ถูกต้อง ไม่สะดุดล้มพ่ายแพ้ต่อการถูกกดดันจากอำนาจที่เหนือการควบคุม
ถือว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ใครที่ได้ลองซื้อมาอ่านแล้ว จะต้องรู้สึกเหมือนกับผู้เขียนแน่นอนว่า....วางแทบไม่ลงเลยจริงๆ