xs
xsm
sm
md
lg

หยุดทักษิณบงการประเทศไทย

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

หลังพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง และได้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด ระบอบทักษิณก็กลับมาเถลิงอำนาจอีกครั้ง ฮึกเหิมและย่ามใจยิ่งกว่าเก่าทำราวกับว่า พวกเขาสามารถควบคุมทุกองคาพยพของสังคมไทยไว้ได้หมดแล้ว

โดยมีทักษิณเป็นคนที่มีอำนาจเหนือรัฐบาล เหนือฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติทั้งหมด กลายเป็นระบอบประชาธิปไตยที่สั่งการโดยคนคนเดียว

บรรยากาศที่เกิดขึ้นทำให้ดูเหมือนว่า ฝ่ายตรงข้ามทักษิณกำลังพ่ายแพ้ ท้อถอย ขัดแย้งกันเอง สังคมไทยส่วนใหญ่มุ่งหน้าทำมาหากินกลายเป็น “ไทยเฉย” ที่ไม่อินังขังขอบในเรื่องราวความเป็นไปของประเทศ

ไม่คิดว่า สังคมไทยที่เราดูเหมือนยอมจำนนต่อระบอบทักษิณนี้ จะกลับมาแสดงพลังให้ทักษิณเห็นว่า คนไทยอีกจำนวนมากไม่ยอมจำนนต่ออำนาจบาตรใหญ่ของพวกเขาได้อีก

แต่เมื่อทักษิณย่ามใจสั่ง ส.ส.ลุยแก้กฎหมายเพื่อให้ตัวเองพ้นผิดได้กลับบ้านแบบเท่ๆ กระแสสังคมทุกภาคส่วนก็ได้แสดงพลังลุกขึ้นมาอีกครั้ง และได้กลายเป็นพลังกดดันให้รัฐบาลต้องส่งสัญญาณให้สภาบนซึ่งเป็นพวกเดียวกันยับยั้งร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้หรือตีให้ตกไป

ไม่ง่ายนะครับที่เราจะเห็นองค์กรสภาวิชาชีพต่างๆ มหาวิทยาลัยเกือบทุกแห่ง โรงพยาบาล แม้กระทั่งผู้พิพากษาที่ต้องตั้งอยู่บนความเป็นกลางไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองจะออกมาแสดงพลังกันอย่างเพียบพร้อมเพื่อช่วยกันคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้

ขัดขวางร่างกฎหมายที่เสียงข้างมากในสภาฯ ลุแก่อำนาจผ่านการพิจารณาแบบทำลายหลักการและกระบวนการของการออกกฎหมาย ขัดกับรัฐธรรมนูญ ปิดปากไม่ให้ฝ่ายค้านแปรญัตติ อ้างว่าล้มล้างผลพวงรัฐประหาร แต่เขียนกฎหมายครอบจักรวาลย้อนหลังไปถึงปี 2547 ย้อนไปก่อนการรัฐประหารเกือบ 3 ปี และมีเจตนาจงใจทำลายกระบวนการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน ล้มอำนาจศาล ลงมติผ่านสภาตีสี่ครึ่งแบบ “ลักหลับ” ข่มขืนประเทศไทย ทำลายหลักนิติธรรมและนิติรัฐทั้งหมด

ทำตามคำสั่งของผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาลและเหนือรัฐธรรมนูญ

ใช้ประเทศเป็นตัวประกัน ใช้คนในสังคมเป็นเหยื่ออ้างว่า ถ้าไม่สามารถนิรโทษกรรมได้สังคมไทยจะไม่เกิดความปรองดอง เดินไปข้างหน้าไม่ได้ น่าสงสารยิ่งกว่าก็คือ คนเสื้อแดงที่ถูกทักษิณและลิ่วล้อหลอกให้มาต่อสู้จนใช้ความรุนแรงและถูกจับกุมคุมขัง ในตอนแรกนั้นสังคมไม่ได้คัดค้านร่างนิรโทษกรรมฉบับนายวรชัย เหมะ ที่นิรโทษกรรมเฉพาะมวลชนไม่นิรโทษกรรมแกนนำ ผู้สั่งการทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เมื่อทักษิณลุแก่อำนาจเปลี่ยนแปลงกฎหมายเป็นล้างผิดคดีทุจริตของตัวเอง สังคมจึงลุกฮือขึ้น

คนเสื้อแดงที่ติดคุกจึงกลายเป็นตัวประกันของทักษิณ ถ้าทักษิณกลับบ้านไม่ได้ก็ติดคุกต่อไป ถึงวันนี้ไม่รู้ว่าคนเสื้อแดงจะมองเห็นถึงความโหดเหี้ยมของทักษิณหรือยัง

ที่เคยบอกให้มาสู้เพื่อประชาธิปไตยเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง แต่จริงแล้วสู้เพื่อให้ทักษิณนำมาใช้เป็นเกมต่อรองทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม พลังสังคมที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้สะท้อนให้เห็นว่า เรายังคงเชื่อยึดมั่นได้ว่าสังคมไทยยังคงยึดมั่นกับความถูกต้องชอบธรรม และแสดงให้เห็นว่า การลุแก่อำนาจครั้งนี้ของทักษิณเป็นการประเมินพลังสังคมผิดพลาดอีกครั้งของทักษิณและทีมยุทธศาสตร์ของเขา ซ้ำรอยความผิดพลาดเมื่อครั้งเกิดปรากฏการณ์สนธิในปี 2548

แต่อย่าเพิ่งดีใจนะครับ เพราะหลังจาก ส.ว.ตีร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ตกไปแล้ว ตามขั้นตอนกฎหมายจะต้องทิ้งไว้ 180 วัน หลังจากนั้นสภาผู้แทนราษฎรจะหยิบมาพิจารณาว่าจะยัง “ยืนยัน” ร่างนี้หรือไม่ ถ้า “ยืนยัน” ก็สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ทันที

เราจึงไว้ใจอะไรรัฐบาลของทักษิณไม่ได้หรอกครับ เพราะรัฐบาลนี้ไม่เคยทำอะไรตรงไปตรงมา แต่สับขาหลอกประชาชนตลอดเวลา

ดังนั้น พลังทางสังคมที่ลุกตื่นขึ้นมานี้ ยังคงประมาทระบอบทักษิณไม่ได้ จนกว่าจะได้ยินคำสัญญาต่อสังคมว่า จะไม่มีการนำร่างกฎหมายฉบับนี้มาพิจารณาหรือต้องยืนยันว่า หลังครบ 180 วันที่ ส.ว.ตีตกแล้วสภาฯ เสียงข้างมากจะไม่กลับมา “ยืนยัน” ร่างกฎหมายฉบับนี้อีกแล้ว หรือให้ง่ายที่สุดรัฐบาลจะต้องถอนร่างทุกฉบับที่มีเนื้อหาในทำนองเดียวกันออกไปจากสภาฯ

นอกเหนือจากนั้น ผมคิดว่า ถึงตอนนี้คนในสังคมต้องออกมาร่วมกันตั้งคำถามว่า เราจะยอมให้รัฐบาลชุดนี้ใช้เสียงข้างมากอย่างขาดความชอบธรรมต่อไปหรือไม่

พูดกันตรงๆ ก็คือ เราจะไล่รัฐบาลนี้กันเลยไหม การไล่รัฐบาลนี้ไม่ใช่เพื่อการเปลี่ยนขั้ว แต่เป็นการนำไปสู่การปฏิรูปทางการเมือง

โดยส่วนตัว ผมคิดว่า โอกาสนี้สังคมไทยต้องไปต่อครับ เราจะมาหยุดอยู่แค่เป้าหมายการยับยั้งร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้

และเชื่อว่าประชาชนหลายภาคส่วนที่ออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มต่างๆ ในเวลานี้นั้น มีความคิดที่ก้าวไกลไปแล้วว่า จะต้องล้มล้างรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม ร่วมกันส่งคำถามต่อไปยังสังคมส่วนใหญ่ว่า เราจะยอมให้รัฐบาลที่ใช้เสียงข้างมากแบบลุอำนาจและไม่ชอบธรรมนี้บริหารประเทศของเราต่อไปหรือไม่

ส่งคำถามไปถึงสังคมไทยว่าเราจะยอมให้รัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ไร้สมองเป็นผู้นำพาประเทศนี้ต่อไปอีกหรือไม่

ตอนนี้กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยนั้น ส่งสัญญาณมาล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าจะยกระดับเป็นการขับไล่รัฐบาลเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง ปัญหาจึงตกอยู่ว่า แกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ที่อาสาพรรคออกมานำประชาชนนั้นจะมีความคิดเห็นอย่างไร จะสู้เพื่อล้มล้างพ.ร.บ.ฉบับนี้ หรือจะฉวยโอกาสที่สังคมตื่นตัวนี้ไปสู่การเรียกร้องให้ปฏิรูปการเมือง

คำถามก็คือว่า พรรคประชาธิปัตย์จะกลับไปสู้ในการเมืองแบบเก่า ที่ไม่มีวันกลับมาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งเพื่อเสียงข้างมากในสภาฯ ได้เลย หรือจะถือโอกาสนี้ “เซ็ทซีโร่” ทางการเมือง เสียสละ “อาชีพนักการเมือง” เพื่อช่วยกันปฏิรูปการเมืองให้ประเทศไทยไปสู่การเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่สอดคล้องกับสังคมไทย

แกนนำบนเวทีปชป.ต้องตอบสังคมนะครับว่า ที่สุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศบนเวทีว่าจะต่อสู้จนได้รับชัยชนะนั้น ชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ตรงไหน แต่ก่อนนั้นก็อย่าลืมถามใจมวลชนด้วยว่า เป้าหมายที่พวกเขาต้องการคืออะไร เพราะผมคิดว่าตอนนี้เป้าหมายของมวลชนนั้นล้ำหน้าไปไกลกว่าเป้าหมายของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว

วันนี้มวลชนได้ตื่นขึ้นแล้ว เราจึงไม่ควรถอยให้ทักษิณบงการสั่งการประเทศไทยให้ซ้ายหันขวาหันได้อีกต่อไป แน่นอนว่า ฝ่ายของทักษิณเป็นฝ่ายเสียงข้างมากในระบอบประชาธิปไตย มาจากการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ แต่อำนาจในระบอบประชาธิปไตยนั้นจะต้องใช้อย่างชอบธรรมด้วย และเมื่อรัฐบาลใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมประชาชนก็มีสิทธิลุกขึ้นมาไล่ให้ออกไป

สังคมไทยพร้อมแล้วครับที่จะเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศ แต่ถามนักการเมืองครับว่า พร้อมเปลี่ยนแปลงร่วมกับประชาชนหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น