วานนี้ ( 7 พ.ย.) ภาคีเครือข่ายเสริมสร้างพลังคุณธรรม จริยธรรมของแผ่นดิน 7 องค์กร ได้จัดเสวนาเรื่อง “พลังคุณธรรมจริยธรรมของแผ่นดินกับการแก้ไขปัญหาของชาติ" โดยนางผานิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะประธานภาคีเครือข่ายฯ กล่าวบรรยายตอนหนึ่งในหัวข้อ การปฎิรูปเพื่อเพิ่มพลังคุณธรรมจริยธรรมของแผ่นดิน”ว่า วิกฤตคุณธรรม จริยธรรมในสังคมไทย เกิดมานานแล้วและนับวันจะเลวร้ายลงทุกวัน เพราะเราเห็นแก่เงินตรา เห็นแก่อำนาจนิยม จนลืมว่าเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ไม่ใช่เรื่องอำนาจ แต่เกิดจากเนื้อในของบุคคล ที่เสริมสร้างมาตั้งแต่เราเป็นเด็ก
“เรื่องคุณธรรมจริยธรรม เป็นฐานรากที่สำคัญสุดของการใช้อำนาจรัฐ ใช้หลักนิติธรรมปกครองประเทศ ที่ผ่านมาเราพูดกันแต่ว่าจะทำอย่างไร ให้ได้คนดีเข้ามาในสภา มาปกครองประเทศ หรือมีอยู่ในทุกที่ทุกแห่ง รัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ในมาตรา 279 วรรค 4 ว่า การพิจารณา สรรหา กลั่นกรอง หรือแต่งตั้งบุคคลใดเข้าดำรง่ตำแหน่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้อำนาจรัฐ การโยกย้าย การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนเงินเดือน และการลงโทษบุคคลนั้น จะต้องเป็นไปตามระบบคุณธรรม และคำนึงถึงพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลดังกล่าวด้วย แต่กลับไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ การแต่งตั้งบุคคลที่ใช้อำนาจรัฐตั้งแต่ระดับสูงสุด จนถึงระดับล่างสุด ยังไม่มีการคำนึงถึงหลักคุณธรรมและพฤติกรรมทางจริยธรรมตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ซึ่งที่มีการพูดว่าจะยุบองค์กรอิสระที่ตรวจสอบอำนาจรัฐ ความจริงยุบได้และยุบง่าย ถ้าผู้ใช้อำนาจรัฐใช้อำนาจโดยยึดหลักคุณธรรม นิติธรรม ในบ้านเมืองไม่จำเป็นต้องมีองค์การอิสระตรวจสอบสักแห่งเลย แต่ทั่วโลกก็ยังมีองค์การตรวจสอบเหล่านี้อยู่ก็เพราะเหตุที่ว่า การปกครองบ้านเมืองผู้ใช้อำนาจรัฐยังคงมีปัญหาอยู่” นางผานิต กล่าว และว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ทั้งผู้ใช้อำนาจ ประชาชน รวมถึงทุกภาคส่วนของสังคม ควรจะได้ตระหนักและมาร่วมกัน เซตซีโร่ สังคมทีไร้คุณธรรม ให้เริ่มต้นการเป็นสังคมที่มีคุณธรรม จริยธรรม คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม
นายกล้านรงค์ จันทิก อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย ที่เราต้องเขียนเรื่องจริยธรรม และนิติธรรมไว้ในรัฐธรรมนูญ เพราะทั้ง 2 เรื่อง ควรจะอยู่ในจิตสำนึกของคนไทย ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ ก็เพราะเราขาดเรื่องจริยธรรม และนิติธรรม การทุจริตคอร์รัปชัน นักการเมืองลำพังเพียงฝ่ายเดียวทำได้ไม่สำเร็จ ต้องได้รับความร่วมมือจากข้าราชการ ขณะเดียวกันกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระ ที่เป็นองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐไม่เข้มแข็ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะถูกกดดันอย่างหนัก อย่างศาลรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาก็ถุกม็อบนำเอาเบอร์โทรศัพท์ ชื่อคนในครอบครัวไปเปิดเผย ดังนั้นการจะแก้ปัญหาได้คือ สังคมต้องคิดว่าทำอย่างไรจะปกป้อง และปลุกให้องค์กรเหล่านี้กล้าที่จะทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดได้อย่างเข้มแข็ง
“ผมว่าผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบจริยธรรมนักการเมือง ก็ต้องกล้าดำเนินการ เอาผิดกับนักการเมืองที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดจริยธรรม ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ป.ป.ช.ก็ต้องกล้าตัดสินคดี อย่างเวลานี้ที่ผมว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่ในวันข้างหน้าก็คือ การอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานความผิด เป็นผู้บงการสั่งฆ่า ในการสั่งสลายการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผ็ดจการแห่งชาติ เมื่อปี 53 เมื่อสั่งฟ้องคดีนี้ ก็ต้องไปสู่กระบวนการศาลยุติธรรม คือศาลชั้นต้น แต่ขณะเดียวกันเรื่องนี้อยู่ในการพิจารณาไต่สวนของป.ป.ช. เพราะมีการกล่าวหาว่า เป็นการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ถ้าสมมุติว่าป.ป.ช.มีมติชี้มูลว่านายอภิสิทธิ์ และสุเทพผิด ก็ต้องส่งให้อัยการสูงสุด ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ปัญหาคือ เมื่อเป็นความผิดหลายกรรม อัยการสูงสุดสั่งฟ้องต่อศาลยุติธรรมไปก่อนแล้วที่ป.ป.ช.ส่งชี้มูลไปอัยการสูงสุดจะสั่งคดีอย่างไร หรือถ้าสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งก็จะต้องนำไปสู่การตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่าย คือของอัยการสูงสุด กับป.ป.ช. แต่ก็จะเกิดคำถามว่า แล้วเหตุใดอัยการจึงจะสั่งไม่ฟ้องในคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลได้ ในเมื่อก่อนหน้านี้อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้ว ตรงนี้เป็นปัญหาที่อัยการสูงสุดจะต้องไปแก้ไข เพราะเป็นผู้ผูกขึ้นเอง " อดีตกรรมการ ป.ป.ช. กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.วิสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวว่า เรื่องจริยธรรมไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่เป็นเรื่องศีลธรรม ที่เวลานี้เราละเลยการปลูกฝังเรื่องศีล เรื่องธรรม ข้าราชการยอมร่วมมือกับนักการเมือง ทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหาโกงบ้านโกงเมือง ปรากฏการณ์การเคลื่อนไหวคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมที่เกิดขึ้นขณะนี้ เป็นสิ่งที่เราอยากจะเห็นมานานแล้ว และเมื่อมันเกิดขึ้น ก็ไม่อยากจะให้หยุดแค่นี้ เวลานี้เรามีสื่อออนไลน์ มีเฟสบุ๊ก ก็ควรให้สื่อเหล่านี้เป็นช่องทางในการนำเสนอว่าอะไรถูกต้องไม่ถุกต้อง
“เราต้องช่วยกันประนาม ต้องชี้หน้าคนที่ทำผิด อย่างคนยศพ.ต.ท. ที่เป็นนักโทษหนีโทษไปอยู่ต่างประเทศ ความจริงแล้วต้องถูกถอดยศ พ.ต.ท. กฎระเบียบต่างๆ เขียนไว้ก็ทำได้ แต่ข้าราชการที่มีอำนาจหน้าที่ก็กลับงอมือ งอตีน ไม่ทำอะไร ดังนั้นถ้าอยากจะให้บ้านเมืองดี สังคมต้องร่วมกันหันหลังกลับไปยึดศีล ยึดธรรมกัน
ขณะที่ พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา มองว่า การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้กับเยาวชน เป็นเรื่องสำคัญ คนที่มีคุณธรรมจริยธรรมเขาจะปฏิบัติโดยไม่ต้องอ้างอิงกฎหมาย แต่คนที่ยึดกฎหมาย แล้วเวลาจะทำอะไรก็บอกว่ากฎหมายไม่ได้ห้าม คนอย่างนี้ไม่ควรเอามาเป็นผู้นำ เพราะเมื่อเข้ามาก็จะมาแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เอื้อประโยชน์แก่ตนเอง พวกพ้อง ปัญหาทุจริตที่ดำรงอยู่ไม่ใช่เพราะนักการเมืองฝ่ายเดียวแต่ข้าราชการเข้าไปร่วมด้วย ยิ่งในระยะหลัง ๆ เราเน้นลัทธิบริโภคนิยม อยากมีอยากได้ ทำให้ข้าราชการละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง ซึ่งตรงนี้อยากเรียกร้องให้ข้าราชการได้คิดทบทวนแล้วหันกลับมาช่วยบ้านเมือง
“เรื่องคุณธรรมจริยธรรม เป็นฐานรากที่สำคัญสุดของการใช้อำนาจรัฐ ใช้หลักนิติธรรมปกครองประเทศ ที่ผ่านมาเราพูดกันแต่ว่าจะทำอย่างไร ให้ได้คนดีเข้ามาในสภา มาปกครองประเทศ หรือมีอยู่ในทุกที่ทุกแห่ง รัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ในมาตรา 279 วรรค 4 ว่า การพิจารณา สรรหา กลั่นกรอง หรือแต่งตั้งบุคคลใดเข้าดำรง่ตำแหน่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้อำนาจรัฐ การโยกย้าย การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนเงินเดือน และการลงโทษบุคคลนั้น จะต้องเป็นไปตามระบบคุณธรรม และคำนึงถึงพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลดังกล่าวด้วย แต่กลับไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ การแต่งตั้งบุคคลที่ใช้อำนาจรัฐตั้งแต่ระดับสูงสุด จนถึงระดับล่างสุด ยังไม่มีการคำนึงถึงหลักคุณธรรมและพฤติกรรมทางจริยธรรมตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ซึ่งที่มีการพูดว่าจะยุบองค์กรอิสระที่ตรวจสอบอำนาจรัฐ ความจริงยุบได้และยุบง่าย ถ้าผู้ใช้อำนาจรัฐใช้อำนาจโดยยึดหลักคุณธรรม นิติธรรม ในบ้านเมืองไม่จำเป็นต้องมีองค์การอิสระตรวจสอบสักแห่งเลย แต่ทั่วโลกก็ยังมีองค์การตรวจสอบเหล่านี้อยู่ก็เพราะเหตุที่ว่า การปกครองบ้านเมืองผู้ใช้อำนาจรัฐยังคงมีปัญหาอยู่” นางผานิต กล่าว และว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ทั้งผู้ใช้อำนาจ ประชาชน รวมถึงทุกภาคส่วนของสังคม ควรจะได้ตระหนักและมาร่วมกัน เซตซีโร่ สังคมทีไร้คุณธรรม ให้เริ่มต้นการเป็นสังคมที่มีคุณธรรม จริยธรรม คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม
นายกล้านรงค์ จันทิก อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย ที่เราต้องเขียนเรื่องจริยธรรม และนิติธรรมไว้ในรัฐธรรมนูญ เพราะทั้ง 2 เรื่อง ควรจะอยู่ในจิตสำนึกของคนไทย ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ ก็เพราะเราขาดเรื่องจริยธรรม และนิติธรรม การทุจริตคอร์รัปชัน นักการเมืองลำพังเพียงฝ่ายเดียวทำได้ไม่สำเร็จ ต้องได้รับความร่วมมือจากข้าราชการ ขณะเดียวกันกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระ ที่เป็นองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐไม่เข้มแข็ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะถูกกดดันอย่างหนัก อย่างศาลรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาก็ถุกม็อบนำเอาเบอร์โทรศัพท์ ชื่อคนในครอบครัวไปเปิดเผย ดังนั้นการจะแก้ปัญหาได้คือ สังคมต้องคิดว่าทำอย่างไรจะปกป้อง และปลุกให้องค์กรเหล่านี้กล้าที่จะทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดได้อย่างเข้มแข็ง
“ผมว่าผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบจริยธรรมนักการเมือง ก็ต้องกล้าดำเนินการ เอาผิดกับนักการเมืองที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดจริยธรรม ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ป.ป.ช.ก็ต้องกล้าตัดสินคดี อย่างเวลานี้ที่ผมว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่ในวันข้างหน้าก็คือ การอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานความผิด เป็นผู้บงการสั่งฆ่า ในการสั่งสลายการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผ็ดจการแห่งชาติ เมื่อปี 53 เมื่อสั่งฟ้องคดีนี้ ก็ต้องไปสู่กระบวนการศาลยุติธรรม คือศาลชั้นต้น แต่ขณะเดียวกันเรื่องนี้อยู่ในการพิจารณาไต่สวนของป.ป.ช. เพราะมีการกล่าวหาว่า เป็นการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ถ้าสมมุติว่าป.ป.ช.มีมติชี้มูลว่านายอภิสิทธิ์ และสุเทพผิด ก็ต้องส่งให้อัยการสูงสุด ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ปัญหาคือ เมื่อเป็นความผิดหลายกรรม อัยการสูงสุดสั่งฟ้องต่อศาลยุติธรรมไปก่อนแล้วที่ป.ป.ช.ส่งชี้มูลไปอัยการสูงสุดจะสั่งคดีอย่างไร หรือถ้าสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งก็จะต้องนำไปสู่การตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่าย คือของอัยการสูงสุด กับป.ป.ช. แต่ก็จะเกิดคำถามว่า แล้วเหตุใดอัยการจึงจะสั่งไม่ฟ้องในคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลได้ ในเมื่อก่อนหน้านี้อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้ว ตรงนี้เป็นปัญหาที่อัยการสูงสุดจะต้องไปแก้ไข เพราะเป็นผู้ผูกขึ้นเอง " อดีตกรรมการ ป.ป.ช. กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.วิสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวว่า เรื่องจริยธรรมไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่เป็นเรื่องศีลธรรม ที่เวลานี้เราละเลยการปลูกฝังเรื่องศีล เรื่องธรรม ข้าราชการยอมร่วมมือกับนักการเมือง ทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหาโกงบ้านโกงเมือง ปรากฏการณ์การเคลื่อนไหวคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมที่เกิดขึ้นขณะนี้ เป็นสิ่งที่เราอยากจะเห็นมานานแล้ว และเมื่อมันเกิดขึ้น ก็ไม่อยากจะให้หยุดแค่นี้ เวลานี้เรามีสื่อออนไลน์ มีเฟสบุ๊ก ก็ควรให้สื่อเหล่านี้เป็นช่องทางในการนำเสนอว่าอะไรถูกต้องไม่ถุกต้อง
“เราต้องช่วยกันประนาม ต้องชี้หน้าคนที่ทำผิด อย่างคนยศพ.ต.ท. ที่เป็นนักโทษหนีโทษไปอยู่ต่างประเทศ ความจริงแล้วต้องถูกถอดยศ พ.ต.ท. กฎระเบียบต่างๆ เขียนไว้ก็ทำได้ แต่ข้าราชการที่มีอำนาจหน้าที่ก็กลับงอมือ งอตีน ไม่ทำอะไร ดังนั้นถ้าอยากจะให้บ้านเมืองดี สังคมต้องร่วมกันหันหลังกลับไปยึดศีล ยึดธรรมกัน
ขณะที่ พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา มองว่า การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้กับเยาวชน เป็นเรื่องสำคัญ คนที่มีคุณธรรมจริยธรรมเขาจะปฏิบัติโดยไม่ต้องอ้างอิงกฎหมาย แต่คนที่ยึดกฎหมาย แล้วเวลาจะทำอะไรก็บอกว่ากฎหมายไม่ได้ห้าม คนอย่างนี้ไม่ควรเอามาเป็นผู้นำ เพราะเมื่อเข้ามาก็จะมาแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เอื้อประโยชน์แก่ตนเอง พวกพ้อง ปัญหาทุจริตที่ดำรงอยู่ไม่ใช่เพราะนักการเมืองฝ่ายเดียวแต่ข้าราชการเข้าไปร่วมด้วย ยิ่งในระยะหลัง ๆ เราเน้นลัทธิบริโภคนิยม อยากมีอยากได้ ทำให้ข้าราชการละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง ซึ่งตรงนี้อยากเรียกร้องให้ข้าราชการได้คิดทบทวนแล้วหันกลับมาช่วยบ้านเมือง