xs
xsm
sm
md
lg

สนพ.ชงพีดีพีใหม่ หวังเบรกค่าไฟพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “สนพ.”คาดแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพี 2013 จะสรุปธ.ค.นี้เพื่อเสนอ”พงษ์ศักดิ์”เคาะ จ่อยื่น 3 ทางเลือก 1. เลิกใช้ก๊าซฯผลิตช่วงปลายแผนลงให้เหลือ 50% จาก 56% โดยเน้นซื้อไฟเพื่อนบ้านและถ่านหินเบรกค่าไฟพุ่งจากการนำเข้าLNG 2.ตัดนิวเคลียร์ออกดึงพลังงานทดแทนเสริม 3. ถ่านหินไม่เกิดอาจเปิด IPPรอบใหม่
นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ภายในธ.ค.นี้สนพ. จะเสนอแนวทางการปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพี 2013 ซึ่งจะเป็นการประเมินโรงไฟฟ้าใหม่ช่วงปี 2555-2573 ต่อนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานโดยแผนพีดีพีเบื้องต้นยังคงยึดกรอบกำลังการผลิตของแผนเดิมที่สิ้นสุดปี 2573 จะอยู่ที่ 70,847 เมกะวัตต์หรือเพิ่มขึ้น 55,065 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ 32,629 เมกะวัตต์ ซึ่งได้พิจารณาสอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และโครงการลงทุนรถไฟฟ้าความเร็วสูง 4 เส้นทางแล้วโดยแผนพีดีพีดังกล่าวจะเน้นเพียงการปรับประเภทเชื้อเพลิงเพื่อลดผลกระทบค่าไฟฟ้าเป็นหลักแทนซึ่งจะเสนอแนวทางการพัฒนา 3 แนวทางดังนี้
แนวทางที่ 1. ยกเลิกการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติลงทั้งหมดช่วงปลายแผน เพื่อลดสัดส่วนการใช้ก๊าซฯซึ่งตามแผนเดิมเมือสิ้นสุดปี 2573 จะใช้ก๊าซฯผลิตไฟ 56% ซึ่งเมื่อปรับใหม่คาดว่าจะลดใช้ก๊าซฯเหลือ 50% และยังคงนิวเคลียร์ โดยเหตุผลหลักคือการลดผลกระทบค่าไฟฟ้าเนื่องจากสัดส่วนกรใช้ก๊าซฯดังกล่าวในอนาคตจะเป็นรูปของการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)ซึ่งมีราคาแพงกว่าก๊าซฯอ่าวไทยเท่าตัว โดยจะเน้นการซื้อไฟจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะจากจีน ลาว พม่าที่สนใจขายไฟเพิ่มจากพลังงานน้ำที่มีราคาต่ำ และอีกส่วนหนึ่งจากถ่านหินซึ่งจะคงค่าไฟเมื่อสิ้นสุดปี 2573 ไม่เกินที่ 4.50 บาทต่อหน่วยหรืออาจลดลงต่ำก่วานี้ได้
แนวทางที่ 2 ตัดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เดิมปลายแผนจะมี 2 โรงกำลังการผลิต 2,000 เมกะวัตต์ออกทั้งหมดซึ่งก็จะต้องหาแนวทางในการเพิ่มสัดส่วนการซื้อไฟจากต่างประเทศ ถ่านหิน และยังต้องมองหาพลังงานทดแทนอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเช่น โครงการผลิตไฟจากหญ้าเนเปียร์ซึ่งพลังงานทดแทนบางอย่างยังไม่มีความเสถียรประกอบกับจะต้องลงทุนระบบสายส่งให้เชื่อมโยงกันมากขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อค่าไฟให้สูงกว่า 4.50 บาทต่อหน่วยช่วงปลายแผนได้
แนวทางที่ 3 กรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ไม่สามารถขึ้นได้หรือที่สุดต้องตัดโรงไฟฟ้าถ่านหินออกไป ก็จะต้องเสนอแนวทางรัฐให้เจรจาซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากกรอบเดิมซึ่งเรื่องนี้หากซื้อในสัดส่วนมากเกินไปก็จะมีผลกระทบต่อความมั่นคง ดังนั้นก็อาจจะเสนอให้เปิดโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนรายใหญ่หรือ IPP รอบใหม่
ซึ่งเชื้อเพลิงจะเป็นถ่านหินหรือไม่กำหนดประเภทเชื้อเพลิงก็จะต้องดูรายละเอียดอีกครั้งเพราะเป็นเรื่องค่อนข้างอ่อนไหว
ทั้งนี้ ตามแผนกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ในช่วงปี พ.ศ.2555-2573 อยู่ที่ 55,065 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน9,516 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าระบบ Cogeneration ที่ 6,374 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าความร้อนร่วม (ก๊าซธรรมชาติ) ที่ 25,451เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด ที่ 4,400 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ 2,000 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้ากังหันแก๊สที่750 เมกะวัตต์ และรับซื้อจากต่างประเทศที่ 6,572 เมกะวัตต์
กำลังโหลดความคิดเห็น