xs
xsm
sm
md
lg

SPCG ฟุ้งฟันกำไรปีละพันล้าน จ่อขยายตลาดเพิ่ม “ญี่ปุ่น-ซาอุฯ-พม่า”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.วันดี กุญชรยาคง ปธ.กรรมการ และกก.ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน)
ซีอีโอ SPCG โตก้าวกระโดดฟัน กำไรปีละ 1 พันล้าน จับตาลุยต่อธุรกิจพลังงานโซลาร์ “ญี่ปุ่น-ซาอุฯ-พม่า” เพิ่มช่องทางธุรกิจโตต่อเนื่อง อวดความพร้อมและเชี่ยวชาญช่วยรับงานโซลาร์รูฟเป็นอันดับหนึ่ง ช่วยชาติมั่นคงด้านพลังงาน

น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน Open house ที่จัดโดยฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ข้อมูลและความรู้แก่นักลงทุน ในธุรกิจกลุ่มพลังงานทางเลือก และโอกาสเติบโตของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ว่า จากนโยบายของภาครัฐเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมาได้ให้การสนับสนุนด้านพลังงานทางเลือก พลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบ

สำหรับในส่วนของเอสพีซีจี ถือเป็นผู้พัฒนาและดำเนินธุรกิจโซลาร์ฟาร์มแห่งแรกในไทยและภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบันมีโครงการทั้งหมดจำนวน 36 โครงการ มีกำลังการผลิตรวมกว่า 260 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุนกว่า 24,000 ล้านบาท และได้รับแอดเดอร์ 8 บาท เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งปัจจุบันนี้บริษัทได้พัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มแล้วเสร็จและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แล้วรวม 24 โครงการ อยู่ระหว่างการเชื่อมต่อเชิงพาณิชย์ 6 โครงการ และกำลังพัฒนาในระยะสุดท้าย 6 โครงการ

“โครงการทั้งหมด 36 โครงการจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และจะเดินหน้าธุรกิจด้านนี้ทุกรูปแบบต่อไปในส่วนอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจากการเป็นผู้นำธุรกิจโซลาร์เซลล์ของเอสซีพีจีทำให้เรามีบุคลากรที่เชี่ยวชาญพร้อมที่จะขยายโอกาสธุรกิจในด้านนี้ในทุกภูมิภาคต่อไป เราพัฒนาโครงการมา 4 ปีถือว่าโตมากแบบก้าวกระโดด ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 3 นี้เราก็มีรายได้ดีขึ้นตามลำดับ คาดว่าสิ้นปีนี้เปิดครบทั้ง 36 โครงการ เราจะสามารถรับรู้รายได้ปีละ 2,500-3,000 ล้านบาท คาดว่ามีกำไรมากกว่า 1,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งเรากำลังมองหาเครื่องมือทางการเงินเพื่อนำมาชำระเงินกู้ เพื่อไปสู่สิ่งที่นักลงทุนปราถนา คือเงินปันผล ที่เรามุ่งมั่นทำให้กับนักลงทุนที่สนับสนุนบริษัทเรามาด้วยดี”

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศจะดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ประมาณ 20,000 เมกะวัตต์เพื่อนำมาใช้ทดแทนพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งเมื่อเอสพีซีจีเสร็จสิ้นโครงการในประเทศไทยแล้ว มีแผนเตรียมเข้าไปลงทุนเพิ่มที่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มอีกด้วย รวมทั้งมีแผนการเข้าไปดำเนินธุรกิจด้านพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศพม่าและซาอุดิอาระเบียเพื่อขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจด้านนี้ต่อไปอย่างมั่นคง

สำหรับกรณีที่นโยบายรัฐบาลให้การส่งเสริมการในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือโซลาร์รูฟท็อป โดยกระทรวงพลังงาน มีมติอนุมัติรับซื้อไฟ จำนวน 200 เมกะวัตต์นั้น น.ส.วันดีกล่าวว่า บริษัทเอสพีซีจีได้ยื่นไปทั้งของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ประมาณ 30-40 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทได้รับการจัดสรรให้เป็นอันดับหนึ่ง และยังมีโครงการที่จะเข้าร่วมมือกับภาครัฐในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน (โซลาร์ฟาร์ม) 1 เมกะวัตต์ ต่อ 1 ชุมชน กำลังผลิตรวม 800 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเข้าสายส่งในปี 2557 ที่บริษัทมีความพร้อมด้านธุรกิจในทุกรูปแบบ ซึ่งทั้งหมดนี้นอกจากธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นธุรกิจโดดเด่นในอนาคตแล้ว ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศชาติด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น