“โซลาร์รูฟท็อป” คึกคัก วันแรก “อาคารธุรกิจ-โรงงาน-ประชาชน” แห่ยื่นคำขอขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาให้ กฟน.-กฟภ.รวมกว่า 1,200 ราย “ปลัด มท.” ปลื้มกระแสตอบรับดีขานรับนโยบายรัฐบาล มั่นใจพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานหมุนเวียน ช่วยลดนำเข้าเชื้อเพลิง สร้างความมั่นคงพลังงาน
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่กระทรวงมหาดไทย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ออกระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยการรับซื้อไฟฟ้าจากการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา พ.ศ. 2556 และประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง การรับซื้อไฟฟ้าจากการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา เพื่อดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนอาคารประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารสำหรับประเภทธุรกิจ โดยมีการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับซื้อ กำหนดยื่นแบบคำขอขายไฟฟ้าและการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 23 กันยายน 2556 ถึงวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2556 ระหว่างเวลา 09.00-15.00 น. ตามที่ตั้งของอาคารในแต่ละพื้นที่
บรรยากาศในวันแรกของการเปิดรับคำขอเพื่อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) เป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนสนใจเดินทางมายื่นแบบคำขอขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นจำนวนมาก โดยในส่วนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่สำนักงานใหญ่ งามวงศ์วาน มีผู้มายื่นแบบคำขอประเภทกลุ่มอาคารธุรกิจหรือโรงงานจำนวนทั้งสิ้น 842 ราย แบ่งเป็นภาคเหนือ 123 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 184 ราย ภาคกลาง 443 ราย ภาคใต้ 92 ราย การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มีผู้ยื่นแบบคำขอขายไฟฟ้าจำนวนทั้งสิ้น 424 ราย แบ่งเป็นประเภทอาคารธุรกิจหรือโรงงานที่ยื่น ณ การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่เพลินจิต จำนวน 312 ราย และประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ยื่น ณ ที่ทำการการไฟฟ้านครหลวงเขตทั้ง 18 เขต จำนวนทั้งสิ้น 111 ราย โดยผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำขอขายไฟฟ้าได้ตามพื้นที่ที่จะติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar PV Rooftop) โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์การไฟฟ้านครหลวง www.mea.or.th หรือสอบถามได้ที่ call center 1130 และเว็บไซต์การไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค www.pea.co.th หรือสายด่วน PEA call center 1129 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2556 ระหว่างเวลา 09.00-15.00 น.
ทั้งนี้ การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะพิจารณาแบบคำขอและประกาศผล การตอบรับซื้อไฟฟ้าบนเว็บไซต์ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไป สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาคำขอขายไฟฟ้าในระบบ Solar PV Rooftop จะใช้วิธีการคัดเลือกโดยเรียงลำดับตามคำขอขายไฟฟ้าที่ได้รับเอกสารครบถ้วนสมบูรณ์ โดยพิจารณาจากคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการเงื่อนไขที่ประกาศกำหนด
นายวิบูลย์กล่าวเพิ่มเติมว่า การรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาของการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นการตอบสนองต่อนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลที่ต้องการลดต้นทุนภาครัฐในการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมาใช้ประโยชน์ จึงเป็นความคุ้มค่าทั้งในด้านราคาและการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศไทย
ทั้งนี้ มีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ให้ความสำคัญต่อการลงทุนการผลิตขายไฟฟ้าโซลาร์รูฟท็อป โดยเฉพาะกับกลุ่ม 6 บริษัท คือ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL โดยเฉพาะบริษัท SPCG ได้จัดตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท เอสพีซีจี แคปปิตอล จำกัด “SPCGC” มี SPCG ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท และเข้าร่วมลงทุนกับบริษัท WHA โดยพุ่งเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งในการพัฒนาธุรกิจและการขยายตลาดบริการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (Solar Roof) ครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรม/โรงงาน กลุ่มครัวเรือนที่อยู่อาศัย และกลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ ขานรับนโยบายรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนโครงการโซลาร์รูฟอย่างเต็มที่