เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (17ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้เป็นประธานการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงโดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศอ.รส. พล.ต.อ.วรวงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขา สมช. เข้าร่วม
หลังการประชุม พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ผอ.ศอ.รส. ได้มารายงาน และประเมินสถานการณ์ การที่ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่ผ่านมา ตำรวจพยายามทำความเข้าใจอย่างเต็มที่กับผู้ชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมก็ยังยืนยันว่า หลังจากครบกำหนดประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงในวันที่ 18 ต.ค. จะเคลื่อนย้ายเข้ามาใกล้ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาอุปสรรค หรือข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานของทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา ดังนั้นตอนนี้สถานการณ์จึงมีเหตุผลความจำเป็นอยู่ ที่จะต้องนำเสนอต่อครม.ชุดเล็ก ในวันที่ 18 ต.ค. เวลา 13.30 น. จึงจะรู้คำตอบสุดท้ายว่า จำเป็นต้องต่ออายุพ.ร.บ. ความมั่นคงหรือไม่ หรือ ต่อออกไปกี่วัน เพราะการป้องกันจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น และเป็นปัญหาการแก้ไขที่ยุ่งยาก
เมื่อถามว่าจะขยายพื้นที่การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เท่าที่ประเมินตอนนี้ จะอยู่ในขอบเขตพื้นที่เดิม เพราะยังสามารถควบคุม และจัดระเบียบได้ แต่ถ้าจะมีการขยายพื้นที่ จะต้องรอดูที่ประชุมวันที่ 18 ต.ค. เท่าที่เราประเมิน ไม่จำเป็นต้องขยาย ถ้าจะมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จะยังอยู่ใน 3 เขต 8 แขวง
เมื่อถามว่า แนวโน้มจะมีการขยายออกไปอีก 9 วัน หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ที่ประชุมมีการประเมินไว้แล้ว แต่ยังบอกไม่ได้ เพราะต้องนำเข้าที่ประชุมชุดเล็กก่อน เมื่อถามว่าแสดงว่าที่จะมีการประกาศขยายเพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมบุกทำเนียบฯ อย่างเดียวเลยหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ครับ การจัดระเบียบได้ เพราะ พ.ร.บ.ความมั่นคง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการชงครม.เพื่อต่ออายุการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงรอบนี้ คาดว่าจะยาวไปจนถึงการปิดสมัยประชุมสภา วันที่ 29 พ.ย. เนื่องจากยังมี ร่างกฎหมายหลายฉบับ ที่จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายในสมัยประชุมนี้ ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวมทั้งการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว จะครอบคลุมถึงช่วงเวลาที่มีการตัดสินคดีปราสาทพระวิหารของศาลโลก ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ที่มีการประเมินว่า สถานการณ์จะร้อนแรงขึ้น
** ใช้พ.ร.บ.มั่นคง 10 วันถลุง 200ล.
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (17ต.ค.) นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้สด ถามนายกรัฐมนตรี เรื่อง ความจำเป็น และความเหมาะสมในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 และการบริหารราชการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ว่า ตนขอถามรัฐบาลมีเหตุผลอะไรในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง มีการประกาศใช้มาแล้วกี่ครั้ง ใช้เจ้าหน้าที่ไปเท่าไร ใช้งบประมาณไปเท่าไร และเหลืองบเท่าไร คืนคลังหรือไม่ ครั้งนี้ใช้งบไปเท่าไร และ พ.ร.บ.ความมั่นคง จะหมดอายุในวันที่ 18 ต.ค. แล้วจะขยายเวลาต่อไปหรือไม่ รวมทั้งขยายพื้นที่ออกไปหรือไม่ ครั้งนี้ใช้ตำรวจไปกี่นาย งบประมาณเท่าไร งบที่เหลือ 20 ล้านบาท นำไปเก็บไว้ที่ใคร และนายกฯ ต้องรายงานผลการปฏิบัติงานต่อสภา หลังมีการประกาศใช้มาแล้ว 3 ครั้ง แล้วนายกฯจะมารายงานเมื่อไร
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีว่า รัฐบาลจำเป็นต้องออกประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ระหว่างวันที่ 9-18 ต.ค. เพราะ เมื่อวันที่ 7ต.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มมวลชน 4-5 กลุ่ม ไปรวมตัวกันรอบทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องเรื่องต่างๆ ทางรัฐบาลได้ส่งผู้รับผิดชอบไปเจราจา ชี้แจง และขอร้องให้สลายตัวไป ปรากฏว่า 4 กลุ่มเข้าใจ และสลายการชุมนุมไป แต่ยังเหลืออีก 1 กลุ่ม คือ กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) จำนวน 400-500 คน ไม่ยอมสลายการชุมนุม แม้เจ้าหน้าที่จะไปพบปะเจรจา ขอให้กลับไปที่สวนลุมพินี ซึ่งรัฐบาลเข้าใจดีว่าการชุมนุมของประชาชนเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องเป็นการชุมนุมสงบ และปราศจากอาวุธ
แต่จากการติดตามและประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มนี้ พบว่าได้มีการปลุกระดม และแสดงแนวทางที่จะล้มล้างรัฐบาล นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบอาวุธปืน มีด และอาวุธอื่นๆ การชุมนุมจึงไม่ใช่การชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ประกอบกับวันที่ 11 ต.ค. นายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เดินทางมาเยือนรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งรัฐบาลประสงค์ให้เป็นไปอย่างสมเกียรติ และให้การชุมนุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย ป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา เมื่อประเมินสถานการณ์แล้ว จึงมีการเสนอ ครม.ให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตาม มาตรา15 ส่วนงบประมาณที่ใช้ เป็นงบสำหรับการประกอบเลี้ยง การเคลื่อนย้ายกำลัง งบดูแลกำลังพล เป็นส่วนใหญ่ ใช้กำลังเท่าที่จำเป็นคือ 56 กองร้อย และมีกำลังพลสำรองอีกส่วนหนึ่ง
นายวัชระ ทวงถามต่อว่า พล.ต.อ.ประชา ไม่มีการตอบคำถามเรื่องจะขยายเวลาการประกาศใช้ และขยายพื้นที่ออกไปอีกหรือไม่ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมารายผลต่อสภาเมื่อไร ที่ผ่านมามีการปิดล้อมไม่ให้นำน้ำ ข้าว รถสุขา เข้าไปในที่ชุมนุม ด้วยการใช้กำลังถึง 21,550 นาย ทั้งที่ควรจะไปช่วยประชาชนที่ถูกน้ำท่วมมากว่า แท่งปูนที่มากั้นจนรถติด ควรนำไปกั้นไม่ให้น้ำท่วม
นอกจากนี้ตนยังมีภาพตำรวจกินข้าวกล่องผัดกระเพรา ไข่ต้ม 1 ฟอง ทั้งที่ได้งบวันละ 800 บาท และประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแต่ละครั้ง ผบ.ตร. เอาเงินในงบราชการลับไปแจกให้กับตำรวจปราบจลาจล ขณะที่ตำรวจใช้ความรุนแรงด้วยการยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมสวนยางที่ภาคใต้ ตนถามว่า จะมีการถอนประกันแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ หลังจากที่ศาลได้ยกคำร้องไปแล้ว รวมถึงข้าราชการฝ่ายการเมือง มีการยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯกทม.ให้ดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมในข้อหาตากผ้าเกะกะ ทั้งที่ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ
พล.ต.อ.ประชา ชี้แจงอีกว่า การที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงไม่ใช่เรื่องใหม่ รัฐบาลนี้ประกาศไปแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกใช้งบ 284 ล้านบาท ครั้งที่สอง 295 ล้าน ส่วนครั้งที่สามตั้งไว้ 206 ล้าน แต่ถ้าเหลือก็จะส่งคืนคลัง ขณะที่รัฐบาลที่แล้วประกาศใช้ถึง 15 ครั้ง ซึ่ง 11 ครั้ง เป็นการประกาศเมื่อมีเหตุชุมนุม แต่ที่เหลืออีก 4 ครั้ง เป็นการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยที่ไม่มีการชุมนุม ยืนยันว่า รัฐบาลมีเหตุผลต่อการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะจากประสบการณ์ที่เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สิน ถ้าไม่ใช่้มาตรการทางกฎหมายป้องกัน ถามว่าอยากเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นหรือ ส่วนจะมีการยื่นถอนประกันตัวแกนนำอีกหรือไม่นั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
“ที่เห็นภาพตำรวจกินข้าวผัดกระเพรา ไข่ดาว ไม่ได้กินทุกมื้อ มีเปลี่ยนทุกมื้อ งบในการจัดก็สอดคล้องกับอัตรากำลังไม่ใช่พันล้านอย่างที่พูด แค่ 206 ล้านบาท แต่ถ้ามีการเหลือจ่าย ก็จะต้องส่งคืนคลังตามหลักการ ส่วนการจะขยายเวลา หรือขยายพื้นที่ต้องขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์”
** รัฐบาล"ใจดำ"ฟ้องผู้ว่าฯกทม.ส่งรถสุขา
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า เหตุผลที่รัฐบาลตนประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ทั้งที่ไม่มีการชุมนุม เพื่อสร้างความมั่นใจว่า สามารถรักษาความปลอดภัยในการประชุมนานาชาติได้ เพราะมีบทเรียนแล้วจากการที่ผู้ชุมนุมไปล้มการประชุมอาเซียน ที่พัทยา จากนั้นเมื่อมีการประชุมนานาชาติ ก็ต้องมีมาตรการป้องกัน และบทเรียนที่ผ่านมา 2-3 ปี ถ้าการชุมนุมสงบ ปราศจากอาวุธ การแก้ปัญหาก็ไม่ยาก ไม่มีความสูญเสีย แต่ถ้าการชุมนุมมีการก่อการร้าย ใช้อาวุธสงคราม ปัญหาก็จะลุกลามบานปลาย
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณี พรรคเพื่อไทยเตรียมฟ้อง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ฐานสนับสนุนผู้ชุมนุมเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบว่า ตนยังไม่คิดว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือ กทม.ไปทำผิดกฎหมาย กทม.ก็ดูแลตามหลักมนุษยธรรม เหมือนสมัยกลุ่มเสื้อแดงชุมนุม พอมาถึงตอนนี้ ทำไมถึงจะฟ้อง ตนใช้คำว่า“ใจดำ”ได้หรือไม่
**คปท.ยังปักหลักชุมนุมแยกอุรุพงษ์
ผู้สื่อข่าวการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. บริเวณสี่แยกอุรุพงษ์ ว่า ยังคงมีประชาชนทยอยเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยทางแกนนำได้มีการขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมการเปิดเพลงปลุกใจ เรียกความครึกครื้น กลับมาอีกครั้ง หลังจากในช่วงเช้าเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้มวลชนต้องกระจัดกระจายไปหลบฝนตามสถานที่ต่างๆ
นายอุทัย ยอดมณี แกนนำ คปท. กล่าวว่า จะทำหนังสือชี้แจงต่อ สน.พญาไท หลังพบว่ามีประชาชนในพื้นที่ ร้องเรียนเรื่องการได้รับผลกระทบในการชุมนุม พร้อมทั้งจะมีการเคลื่อนไหวพบปะกับประชาชนในละแวกพื้นที่ เพื่อทำความเข้าใจด้วย
สำหรับการจาราจรโดยรอบสี่แยกอุรุพงษ์ ยังคงสามารถเคลื่อนตัวไปได้ เนื่องจากสถานที่ชุมนุมได้ปิดพื้นที่ถนน พระราม 6 ฝั่งขาออกไปเพียงประมาณ 300 เมตร ทำให้ ถนนพระราม 6 ฝั่งขาออก หลังสถานที่ชุมนุม ก็สามารถใช้การได้ตามปกติ
ด้านชุมชน ตลาดโคลิเซี่ยม ซอย พระราม 6 ที่ 27 บริเวณพื้นที่การชุมนุมในวันนี้ ก็ได้มีการเปิดการค้าขาย ตามปกติ แม้ว่า การชุมนุมจะล่วงเลยมา ถึงวันที่ 8 แล้ว ก็ตาม แต่พ่อค้าแม่ขายหลายก็มองว่า เป็นเรื่องปกติ ขณะที่บางรายบอกว่า ขาดรายได้ไปมาก
หลังการประชุม พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ผอ.ศอ.รส. ได้มารายงาน และประเมินสถานการณ์ การที่ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่ผ่านมา ตำรวจพยายามทำความเข้าใจอย่างเต็มที่กับผู้ชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมก็ยังยืนยันว่า หลังจากครบกำหนดประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงในวันที่ 18 ต.ค. จะเคลื่อนย้ายเข้ามาใกล้ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาอุปสรรค หรือข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานของทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา ดังนั้นตอนนี้สถานการณ์จึงมีเหตุผลความจำเป็นอยู่ ที่จะต้องนำเสนอต่อครม.ชุดเล็ก ในวันที่ 18 ต.ค. เวลา 13.30 น. จึงจะรู้คำตอบสุดท้ายว่า จำเป็นต้องต่ออายุพ.ร.บ. ความมั่นคงหรือไม่ หรือ ต่อออกไปกี่วัน เพราะการป้องกันจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น และเป็นปัญหาการแก้ไขที่ยุ่งยาก
เมื่อถามว่าจะขยายพื้นที่การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เท่าที่ประเมินตอนนี้ จะอยู่ในขอบเขตพื้นที่เดิม เพราะยังสามารถควบคุม และจัดระเบียบได้ แต่ถ้าจะมีการขยายพื้นที่ จะต้องรอดูที่ประชุมวันที่ 18 ต.ค. เท่าที่เราประเมิน ไม่จำเป็นต้องขยาย ถ้าจะมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จะยังอยู่ใน 3 เขต 8 แขวง
เมื่อถามว่า แนวโน้มจะมีการขยายออกไปอีก 9 วัน หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ที่ประชุมมีการประเมินไว้แล้ว แต่ยังบอกไม่ได้ เพราะต้องนำเข้าที่ประชุมชุดเล็กก่อน เมื่อถามว่าแสดงว่าที่จะมีการประกาศขยายเพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมบุกทำเนียบฯ อย่างเดียวเลยหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ครับ การจัดระเบียบได้ เพราะ พ.ร.บ.ความมั่นคง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการชงครม.เพื่อต่ออายุการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงรอบนี้ คาดว่าจะยาวไปจนถึงการปิดสมัยประชุมสภา วันที่ 29 พ.ย. เนื่องจากยังมี ร่างกฎหมายหลายฉบับ ที่จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายในสมัยประชุมนี้ ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวมทั้งการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว จะครอบคลุมถึงช่วงเวลาที่มีการตัดสินคดีปราสาทพระวิหารของศาลโลก ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ที่มีการประเมินว่า สถานการณ์จะร้อนแรงขึ้น
** ใช้พ.ร.บ.มั่นคง 10 วันถลุง 200ล.
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (17ต.ค.) นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้สด ถามนายกรัฐมนตรี เรื่อง ความจำเป็น และความเหมาะสมในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 และการบริหารราชการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ว่า ตนขอถามรัฐบาลมีเหตุผลอะไรในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง มีการประกาศใช้มาแล้วกี่ครั้ง ใช้เจ้าหน้าที่ไปเท่าไร ใช้งบประมาณไปเท่าไร และเหลืองบเท่าไร คืนคลังหรือไม่ ครั้งนี้ใช้งบไปเท่าไร และ พ.ร.บ.ความมั่นคง จะหมดอายุในวันที่ 18 ต.ค. แล้วจะขยายเวลาต่อไปหรือไม่ รวมทั้งขยายพื้นที่ออกไปหรือไม่ ครั้งนี้ใช้ตำรวจไปกี่นาย งบประมาณเท่าไร งบที่เหลือ 20 ล้านบาท นำไปเก็บไว้ที่ใคร และนายกฯ ต้องรายงานผลการปฏิบัติงานต่อสภา หลังมีการประกาศใช้มาแล้ว 3 ครั้ง แล้วนายกฯจะมารายงานเมื่อไร
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีว่า รัฐบาลจำเป็นต้องออกประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ระหว่างวันที่ 9-18 ต.ค. เพราะ เมื่อวันที่ 7ต.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มมวลชน 4-5 กลุ่ม ไปรวมตัวกันรอบทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องเรื่องต่างๆ ทางรัฐบาลได้ส่งผู้รับผิดชอบไปเจราจา ชี้แจง และขอร้องให้สลายตัวไป ปรากฏว่า 4 กลุ่มเข้าใจ และสลายการชุมนุมไป แต่ยังเหลืออีก 1 กลุ่ม คือ กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) จำนวน 400-500 คน ไม่ยอมสลายการชุมนุม แม้เจ้าหน้าที่จะไปพบปะเจรจา ขอให้กลับไปที่สวนลุมพินี ซึ่งรัฐบาลเข้าใจดีว่าการชุมนุมของประชาชนเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องเป็นการชุมนุมสงบ และปราศจากอาวุธ
แต่จากการติดตามและประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มนี้ พบว่าได้มีการปลุกระดม และแสดงแนวทางที่จะล้มล้างรัฐบาล นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบอาวุธปืน มีด และอาวุธอื่นๆ การชุมนุมจึงไม่ใช่การชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ประกอบกับวันที่ 11 ต.ค. นายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เดินทางมาเยือนรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งรัฐบาลประสงค์ให้เป็นไปอย่างสมเกียรติ และให้การชุมนุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย ป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา เมื่อประเมินสถานการณ์แล้ว จึงมีการเสนอ ครม.ให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตาม มาตรา15 ส่วนงบประมาณที่ใช้ เป็นงบสำหรับการประกอบเลี้ยง การเคลื่อนย้ายกำลัง งบดูแลกำลังพล เป็นส่วนใหญ่ ใช้กำลังเท่าที่จำเป็นคือ 56 กองร้อย และมีกำลังพลสำรองอีกส่วนหนึ่ง
นายวัชระ ทวงถามต่อว่า พล.ต.อ.ประชา ไม่มีการตอบคำถามเรื่องจะขยายเวลาการประกาศใช้ และขยายพื้นที่ออกไปอีกหรือไม่ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมารายผลต่อสภาเมื่อไร ที่ผ่านมามีการปิดล้อมไม่ให้นำน้ำ ข้าว รถสุขา เข้าไปในที่ชุมนุม ด้วยการใช้กำลังถึง 21,550 นาย ทั้งที่ควรจะไปช่วยประชาชนที่ถูกน้ำท่วมมากว่า แท่งปูนที่มากั้นจนรถติด ควรนำไปกั้นไม่ให้น้ำท่วม
นอกจากนี้ตนยังมีภาพตำรวจกินข้าวกล่องผัดกระเพรา ไข่ต้ม 1 ฟอง ทั้งที่ได้งบวันละ 800 บาท และประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแต่ละครั้ง ผบ.ตร. เอาเงินในงบราชการลับไปแจกให้กับตำรวจปราบจลาจล ขณะที่ตำรวจใช้ความรุนแรงด้วยการยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมสวนยางที่ภาคใต้ ตนถามว่า จะมีการถอนประกันแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ หลังจากที่ศาลได้ยกคำร้องไปแล้ว รวมถึงข้าราชการฝ่ายการเมือง มีการยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯกทม.ให้ดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมในข้อหาตากผ้าเกะกะ ทั้งที่ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ
พล.ต.อ.ประชา ชี้แจงอีกว่า การที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงไม่ใช่เรื่องใหม่ รัฐบาลนี้ประกาศไปแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกใช้งบ 284 ล้านบาท ครั้งที่สอง 295 ล้าน ส่วนครั้งที่สามตั้งไว้ 206 ล้าน แต่ถ้าเหลือก็จะส่งคืนคลัง ขณะที่รัฐบาลที่แล้วประกาศใช้ถึง 15 ครั้ง ซึ่ง 11 ครั้ง เป็นการประกาศเมื่อมีเหตุชุมนุม แต่ที่เหลืออีก 4 ครั้ง เป็นการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยที่ไม่มีการชุมนุม ยืนยันว่า รัฐบาลมีเหตุผลต่อการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะจากประสบการณ์ที่เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สิน ถ้าไม่ใช่้มาตรการทางกฎหมายป้องกัน ถามว่าอยากเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นหรือ ส่วนจะมีการยื่นถอนประกันตัวแกนนำอีกหรือไม่นั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
“ที่เห็นภาพตำรวจกินข้าวผัดกระเพรา ไข่ดาว ไม่ได้กินทุกมื้อ มีเปลี่ยนทุกมื้อ งบในการจัดก็สอดคล้องกับอัตรากำลังไม่ใช่พันล้านอย่างที่พูด แค่ 206 ล้านบาท แต่ถ้ามีการเหลือจ่าย ก็จะต้องส่งคืนคลังตามหลักการ ส่วนการจะขยายเวลา หรือขยายพื้นที่ต้องขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์”
** รัฐบาล"ใจดำ"ฟ้องผู้ว่าฯกทม.ส่งรถสุขา
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า เหตุผลที่รัฐบาลตนประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ทั้งที่ไม่มีการชุมนุม เพื่อสร้างความมั่นใจว่า สามารถรักษาความปลอดภัยในการประชุมนานาชาติได้ เพราะมีบทเรียนแล้วจากการที่ผู้ชุมนุมไปล้มการประชุมอาเซียน ที่พัทยา จากนั้นเมื่อมีการประชุมนานาชาติ ก็ต้องมีมาตรการป้องกัน และบทเรียนที่ผ่านมา 2-3 ปี ถ้าการชุมนุมสงบ ปราศจากอาวุธ การแก้ปัญหาก็ไม่ยาก ไม่มีความสูญเสีย แต่ถ้าการชุมนุมมีการก่อการร้าย ใช้อาวุธสงคราม ปัญหาก็จะลุกลามบานปลาย
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณี พรรคเพื่อไทยเตรียมฟ้อง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ฐานสนับสนุนผู้ชุมนุมเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบว่า ตนยังไม่คิดว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือ กทม.ไปทำผิดกฎหมาย กทม.ก็ดูแลตามหลักมนุษยธรรม เหมือนสมัยกลุ่มเสื้อแดงชุมนุม พอมาถึงตอนนี้ ทำไมถึงจะฟ้อง ตนใช้คำว่า“ใจดำ”ได้หรือไม่
**คปท.ยังปักหลักชุมนุมแยกอุรุพงษ์
ผู้สื่อข่าวการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. บริเวณสี่แยกอุรุพงษ์ ว่า ยังคงมีประชาชนทยอยเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยทางแกนนำได้มีการขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมการเปิดเพลงปลุกใจ เรียกความครึกครื้น กลับมาอีกครั้ง หลังจากในช่วงเช้าเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้มวลชนต้องกระจัดกระจายไปหลบฝนตามสถานที่ต่างๆ
นายอุทัย ยอดมณี แกนนำ คปท. กล่าวว่า จะทำหนังสือชี้แจงต่อ สน.พญาไท หลังพบว่ามีประชาชนในพื้นที่ ร้องเรียนเรื่องการได้รับผลกระทบในการชุมนุม พร้อมทั้งจะมีการเคลื่อนไหวพบปะกับประชาชนในละแวกพื้นที่ เพื่อทำความเข้าใจด้วย
สำหรับการจาราจรโดยรอบสี่แยกอุรุพงษ์ ยังคงสามารถเคลื่อนตัวไปได้ เนื่องจากสถานที่ชุมนุมได้ปิดพื้นที่ถนน พระราม 6 ฝั่งขาออกไปเพียงประมาณ 300 เมตร ทำให้ ถนนพระราม 6 ฝั่งขาออก หลังสถานที่ชุมนุม ก็สามารถใช้การได้ตามปกติ
ด้านชุมชน ตลาดโคลิเซี่ยม ซอย พระราม 6 ที่ 27 บริเวณพื้นที่การชุมนุมในวันนี้ ก็ได้มีการเปิดการค้าขาย ตามปกติ แม้ว่า การชุมนุมจะล่วงเลยมา ถึงวันที่ 8 แล้ว ก็ตาม แต่พ่อค้าแม่ขายหลายก็มองว่า เป็นเรื่องปกติ ขณะที่บางรายบอกว่า ขาดรายได้ไปมาก