รอยเตอร์ – การเจรจาผ่าวิกฤตงบประมาณระหว่างประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ และแกนนำสภาคองเกรส ล้มเหลวไม่เป็นท่าวานนี้(2) โดยทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันต่างกล่าวโทษกันและกันว่าเป็นต้นเหตุของปัญหา ขณะที่การปิดหน่วยงานรัฐบาลย่างเข้าสู่วันที่ 3 โดยไร้สัญญาณทางออก
หลังสิ้นสุดการเจรจานานกว่า 1 ชั่วโมง จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฏรพรรครีพับลิกัน ออกมาแถลงว่า โอบามา ไม่ยอมประนีประนอมด้วย ขณะที่ แนนซี เพโลซี แกนนำ ส.ส. เดโมแครตเสียงข้างน้อย และ แฮร์รี รีด แกนนำ ส.ว. เดโมแครต ก็กล่าวหารีพับลิกันว่าคิดจะใช้กฎหมายปฏิรูประบบสาธารณสุขหรือ “โอบามาแคร์” เป็นตัวประกัน
รีด ให้สัมภาษณ์ว่า โอบามา ประกาศ “จะไม่อดทน” กับกลยุทธ์ของ ส.ส.รีพับลิกัน และต่อมาทำเนียบขาวก็มีถ้อยแถลงว่า ประธานาธิบดียังคงหวังว่าทุกฝ่ายจะใช้ “สามัญสำนึก” แก้ปัญหาได้ในที่สุด
เวลานี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งบอกว่าวิกฤตงบประมาณที่ทำให้สหรัฐฯ ต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลเป็นวันที่ 3 และพนักงานรัฐนับแสนๆคนต้องหยุดงานโดยไม่ได้รับเงินค่าจ้าง จะยุติได้โดยเร็ว
แกนนำรีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรและผู้นำ ส.ว.เดโมแครต ต่างยื่นข้อเสนอกันพอเป็นพิธีโดยรู้ทั้งรู้ว่าจะถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างแน่นอน ขณะที่ประธานาธิบดี โอบามา ก็จำใจยกเลิกกำหนดการเยือนมาเลเซียและฟิลิปปินส์ และยังไม่แน่ว่าจะเข้าร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ในอินโดนีเซีย และประชุมซัมมิตเอเชียตะวันออกที่บรูไนสัปดาห์หน้าได้หรือไม่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นความเสียหายต่อนโยบาย “ปักหมุด” ในเอเชียของสหรัฐฯ
การปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่เที่ยงคืนวันจันทร์(30) ก่อให้เกิดคำถามว่า วอชิงตันจะยังสามารถสานต่อภารกิจสำคัญๆของประเทศได้หรือไม่ และแม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกามากนักในระยะสั้น แต่หากสภาคองเกรสไม่สามารถขยายเพดานก่อหนี้ของสหรัฐฯที่กำลังจะชนเพดานในอีกไม่กี่สัปดาห์หน้า ก็จะสร้างความผันผวนต่อตลาดโลกมากยิ่งขึ้น
ผลพวงจากการปิดหน่วยงานรัฐทำให้สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน ต้องปิดรับนักท่องเที่ยว รายงานตัวเลขเศรษฐกิจถูกชะลอออกไป ขณะที่ผู้ป่วยมะเร็งบางรายต้องพลาดการรักษาด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัย
บริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ คอร์ป ซึ่งผลิตเฮลิคอปเคอร์ “ไซกอร์สกี” และยุทโธปกรณ์อื่นๆ ให้แก่กองทัพสหรัฐฯ ยอมรับว่าพนักงานราว 4,000 คนอาจต้องถูกพักงาน หากการปิดหน่วยงานรัฐยังยืดเยื้อไปจนถึงสัปดาห์หน้า ทั้งนี้เนื่องจากไม่มีผู้ตรวจสอบคุณภาพของรัฐบาลเข้าไปดูแล
แม้จะปิดสำนักงานรัฐได้ แต่ โบห์เนอร์ และ ส.ส. รีพับลิกันก็ไม่อาจขัดขวางกฎหมายปฏิรูประบบสาธารณสุขของโอบามา ซึ่งเริ่มเปิดให้ชาวอเมริกันลงทะเบียนขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเพื่อทำประกันสุขภาพ ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา(1)
ขณะที่ ส.ส.รีพับลิกันสายกลางบางคนเริ่มไม่มั่นใจในยุทธศาสตร์ของพรรค แต่ โบห์เนอร์ ก็พยายามรวบรวมเสียงให้เป็นหนึ่ง โดยเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายย่อยๆ ที่จะช่วยให้บางหน่วยงานที่สำคัญสามารถเปิดทำการได้อีกครั้ง
เมื่อวานนี้(2) สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างงบประมาณสำหรับสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health) ซึ่งทำหน้าที่วิจัยด้านการแพทย์ รวมถึงร่างงบประมาณสำหรับอุทยานแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เช่น พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน, หอศิลป์แห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกรุงวอชิงตัน ขณะที่วันนี้(3) ก็คาดว่าจะมีการผ่านร่างงบประมาณสำหรับอุดหนุนทหารผ่านศึก, ฝ่ายบริหารกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และกำลังพลสำรอง
ร่างงบประมาณเหล่านี้คาดว่าจะถูกขัดขวางโดยวุฒิสภาซึ่งฝ่ายเดโมแครตคุมเสียงข้างมากอยู่ และ โอบามา เองก็เคยประกาศชัดว่าจะไม่เซ็นรับรองให้ด้วย
อย่างไรก็ดี หากเดโมแครตปฏิเสธร่างงบประมาณเหล่านี้ ก็จะเป็นโอกาสให้ฝ่ายรีพับลิกันตอกกลับได้ว่า พวกเขาไม่ต้องการช่วยเหลือทหารผ่านศึกและผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ผลสำรวจโดยรอยเตอร์/อิปซอส พบว่า ชวอเมริกันร้อยละ 24 โทษรีพับลิกันว่าเป็นต้นเหตุของการปิดหน่วยงานรัฐบาล, ร้อยละ 19 คิดว่าเป็นความผิดของ โอบามา และพวกเดโมแครต ขณะที่ร้อยละ 46 เชื่อว่าเป็นความผิดของทุกฝ่าย