“ประชา” เผยใช้ พ.ร.บ.มั่นคง 10 วัน ผลาญงบ 206 ล้าน ใช้ตำรวจ 2 หมื่นนาย แย้มเพิ่มวัน-ขยายพื้นที่หรือไม่อยู่ที่ประเมินสถานการณ์ แถตำรวจไม่ได้แต่กินกะเพราทุกมื้อ ครั้งแรกใช้ 284 ครั้งที่สอง 295 ล้าน ยันเงินเหลือส่งคืน ด้าน “วัชระ” บี้ “ปู” แจงผลการใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ 3 ครั้งกลางสภา
วันนี้ (17 ต.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี เรื่อง ความจำเป็นและความเหมาะสมในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 และการบริหารราชการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ระบุว่า ตนขอถามรัฐบาลมีเหตุผลอะไรในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงของรัฐบาล มีการประกาศใช้มาแล้วกี่ครั้ง ใช้เจ้าหน้าที่ไปเท่าไหร่ ใช้งบประมาณไปเท่าไหร่ และเหลืองบเท่าไหร่ คืนคลังหรือไม่ ครั้งนี้ใช้งบไปเท่าไหร่ และพ.ร.บ.ความมั่นคงจะหมดอายุในวันพรุ่งนี้ (18 ต.ค.) จะขยายเวลาต่อไปหรือไม่ และขยายพื้นที่ออกไปหรือไม่ ครั้งนี้ใช้ตำรวจไปกี่นาย งบประมาณเท่าไหร่ งบที่เหลือ 20 ล้านบาทนำไปเก็บไว้ที่ใคร และนายกฯ ต้องรายงานผลการปฏิบัติงานต่อสภา มีการประกาศมาแล้ว 3 ครั้ง จะมารายงานเมื่อไหร่
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีว่า รัฐบาลจำเป็นต้องออกประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงในช่วง 10 วัน ระหว่างวันที่ 9-18 ต.ค.นั้น เพราะเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมามีกลุ่มมวลชน 4-5 กลุ่มไปรวมตัวกันรอบทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องเรื่องต่างๆ ทางรัฐบาลได้ส่งผู้รับผิดชอบไปเจราจา ชี้แจง และขอร้องให้สลายตัวไป ปรากฏว่า 4 กลุ่มเข้าใจและสลายการชุมนุมไป แต่ยังเหลืออีก 1 กลุ่ม คือ กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) จำนวน 400-500 คน ไม่ยอมสลายการชุมนุมแม้เจ้าหน้าที่จะไปพบปะเจรจาแล้ว ให้กลับไปที่สวนลุมพินี ซึ่งรัฐบาลเข้าใจดีว่าการชุมนุมของประชาชนเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องเป็นการชุมนุมสงบและปราศจากอาวุธ
พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า จากการติดตามและประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มนี้พบว่าได้มีการปลุกระดม และแสดงแนวทางที่จะล้มล้างรัฐบาล นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบอาวุธปืน มีด และอาวุธอื่นๆ การชุมนุมจึงไม่ใช่การชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ประกอบกับวันที่ 11 ต.ค. นายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนเดินทางมาเยือนรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งรัฐบาลประสงค์ให้เป็นไปอย่างสมเกียรติ และให้การชุมนุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย ป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งจากประเมินสถานการณ์แล้ว จึงมีการเสนอ ครม. ให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตามมาตรา 15 ส่วนการใช้งบประมาณที่ใช้ เป็นงบสำหรับกาประกอบเลี้ยง การเคลื่อนย้ายกำลัง งบดูแลกำลังพลเป็นส่วนใหญ่ ใช้กำลังเท่าที่จำเป็น 56 กองร้อย และมีกำลังพลสำรองอีกส่วนหนึ่ง
นายวัชระทวงถามต่อว่า พล.ต.อ.ประชาไม่ตอบคำถามเรื่องจะขยายเวลาการประกาศใช้และขยายพื้นที่ออกไปอีกหรือไม่ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะมารายงานผลต่อสภาเมื่อไหร่ ที่ผ่านมามีการปิดล้อมไม่ให้นำน้ำ ข้าว รถสุขาเข้าไปในที่ชุมนุม ด้วยการใช้กำลังถึง 21,550 นาย ควรไปช่วยประชาชนที่น้ำท่วมมากกว่า ส่วนแท่งปูนที่มากั้นจนรถติด ควรนำไปกั้นไม่ให้น้ำท่วม นอกจากนี้ตนยังมีภาพตำรวจกินข้าวกล่องผัดกระเพรา ไข่ต้ม 1 ฟอง ทั้งที่ได้งบวันละ 800 บาท และประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแต่ละครั้ง ผบ.ตร.เอาเงินงบราชการลับไปแจกให้กับตำรวจปราบจลาจล ขณะที่ตำรวจใช้ความรุนแรงด้วยการยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมสวนยางที่ภาคใต้ ตนถามว่าจะมีการถอนประกันแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ หลังจากที่ศาลได้ยกคำร้องไปแล้ว รวมถึงข้าราชการฝ่ายการเมืองมีการยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม.ให้ดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมในข้อหาตากผ้าแกะกะ ทั้งที่ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ
พล.ต.อ.ประชาชี้แจงอีกว่า การที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ไม่ใช่เรื่องใหม่ รัฐบาลนี้ประกาศไป 3 ครั้ง ครั้งแรกใช้งบ 284 ล้านบาท ครั้งที่สอง 295 ล้าน ส่วนครั้งที่สามตั้งไว้ 206 ล้าน แต่ถ้าเหลือก็จะส่งคืนคลัง ขณะที่รัฐบาลที่แล้วประกาศใช้ถึง 15 ครั้ง ซึ่ง 11 ครั้งเป็นการประกาศเมื่อมีเหตุชุมนุม แต่ที่เหลืออีก 4 ครั้งเป็นการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยที่ไม่มีการชุมนุม ยืนยันว่ารัฐบาลมีเหตุผลต่อการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะจากประสบการณ์ที่เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ถ้าไม่ใช่มาตรการทางกฎหมายป้องกัน ถามว่าอยากเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นหรือ ส่วนจะมีการยื่นถอนประกันตัวแกนนำอีกหรือไม่นั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
“ที่เห็นภาพตำรวจกินผัดกะเพราไข่ดาว ไม่ได้กินทุกมื้อ มีเปลี่ยนทุกมื้องบในการจัดก็สอดคล้องกับอัตรากำลัง ใช่พันล้านอย่างที่พูด แค่ 206 ล้านบาท แต่ถ้ามีการเหลือจ่ายก็จะต้องส่งคืนคลังตามหลักการ ส่วนการจะขยายเวลา หรือขยายพื้นที่ต้องขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์” พล.ต.อ.ประชากล่าว
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า เหตุผลที่รัฐบาลตนประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ทั้งที่ไม่มีการชุมนุม เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสามารถรักษาความปลอดภัยในการประชุมนานาชาติได้ เพราะมีบทเรียนแล้วจากการที่ผู้ชุมนุมไปล้มการประชุมอาเซียน ที่พัทยา จากนั้นเมื่อมีการประชุมนานาชาติก็ต้องมีมาตรการป้องกัน และบทเรียนที่ผ่านมา 2-3 ปี ถ้าการชุมนุมสงบปราศจากอาวุธ การแก้ปัญหาก็ไม่ยาก ไม่มีความสูญเสีย แต่ถ้าการชุมนุมมีการก่อการร้าย ใช้อาวุธสงคราม ปัญหาก็จะลุกลามบานปลาย
