ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ใดๆในโลกล้วนอนิจจา...ทันทีที่มีข่าวว่านักการเมืองฝีปากกล้าอย่าง ‘ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จากพรรคเพื่อไทย ป่วยหนัก ! ต้องเข้ารับการรักษาอาการเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง ถึงขั้นที่ต้องผ่าตัดและนอนพักรักษาตัวในห้องไอซียู เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา เรื่องนี้ก็กลายเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก แต่ที่น่าแปลกใจคือแทนที่คนส่วนใหญ่จะแสดงความห่วงใย ขอให้ ‘ร.ต.อ.เฉลิม’ หายเร็วๆ กลับกลายเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม
ทั้งนี้ แม้คนสนิทของ ร.ต.อ.เฉลิม จะยืนยันว่าอาการของเขาจะไม่มีอะไรน่าห่วง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าถ้านักการเมืองใหญ่อย่างเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก เหตุใดคนสนิทจึงต้องปิดบังอาการป่วยตั้งแต่แรกที่มีข่าวเล็ดรอดออกมา
โดย นายอนันต์ ศรีพันธุ์ ส.ส.อุดรธานี หนึ่งใน ส.ส. ผู้ใกล้ชิด ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 5 ต.ค. หลังจากที่มีข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ว่า “ ร.ต.อ.เฉลิม ได้เข้าตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล เมื่อวานนี้(4 ต.ค.) แต่ไม่ทราบว่าเป็นโรงพยาบาลใด ซึ่งแพทย์วินิจฉัยแล้วเห็นว่า ควรให้นอนพักรักษาตัว ส่วนสาเหตุคาดว่ามาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากทำงานหนัก ทั้งนี้อาการดีขึ้นแล้ว แต่แพทย์ยังสั่งงดเยี่ยม เพราะเกรงว่าจะรบกวนการพักผ่อน”
ทำให้หลายคนตั้งข้อสงเกตว่าเหตุใดคนสนิทของ ร.ต.อ.เฉลิมจึงต้องโกหกว่าแค่หมอให้นอนพักที่โรงพยาบาลเพราะเขาพักผ่อนไม่เพียงพอ อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ ? ถ้าอาการทางสมองของ ร.ต.อ.เฉลิมไม่ได้รุนแรงถึงขั้นที่ถ้ามีข่าวออกมาจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและเก้าอี้ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ?
จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะเข้ารับการรักษาอาการเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองนั้น เขาได้เข้าตรวจสุขภาพประจำเดือนที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และได้แจ้งกับแพทย์ผู้ตรวจว่ารู้สึกมึนศีรษะ แพทย์จึงแนะนำให้เข้ารับการตรวจอาการทางสมองอย่างละเอียด ต่อมาในช่วงบ่ายวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม กำลังทำงานอยู่ที่ กระทรวงแรงงานก็ได้เกิดอาการมึนศีรษะเขาจึงเดินทางเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ในช่วงค่ำด้วยตัวเอง และพบว่ามีอาการเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองจนต้องเข้ารับการผ่าตัดดังกล่าว ซึ่งงานนี้ผู้สันทัดกรณีชี้ว่าหากอาการป่วยของ ร.ต.อ.เฉลิมเกี่ยวข้องกับเส้นเลือดในสมองก็คงยากที่จะหายเป็นปกติ ในทางกลับกันมีแต่อาการจะกำเริบขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดสิ่งที่หลายคนสงสัยก็ได้คำตอบในอีกไม่กี่วันถัดมา เพราะนอกจาก ร.ต.อ.เฉลิมจะเผชิญกับความเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว นักการเมืองเก๋าเกมอย่างเขายังต้องเผชิญกับข่าวร้ายที่เสียดแทงขั้วหัวใจ โดยขณะนี้มีข่าวลือหนาหูว่า ‘นายใหญ่ทักษิณ’ ซึ่งเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง จะใช้เรื่องอาการป่วยของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นข้ออ้างในการปรับ ‘เป็ดเหลิม’ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน !! พร้อมกับเหตุผลที่ดูดีมีน้ำใจคือต้องการให้ ‘พี่เหลิม’ ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จะได้หายวันหายคืน ไม่ต้องฝืนทำงานในฐานะเจ้ากระทรวงให้เหนื่อยยาก
ครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่นายกฯยิ่งลักษณ์จะขจัด ‘จุดบอด’ ในรัฐบาล ด้วยการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีที่ขี้ขลาด ไร้ผลงาน สร้างแต่ปัญหา ท้าตีท้าต่อย และมีข่าวฉาวไม่หยุดหย่อนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม โดยไม่ต้องรอไปถึงสิ้นปีตามที่วางหลักเกณฑ์ไว้ว่าจะพิจารณาปรับเปลี่ยนเก้าอี้ดนตรีเมื่อทำงานครบ 6 เดือน
แว่วว่าการเปลี่ยนตัว รมว.แรงงานครั้งนี้จะมีขึ้นพร้อมกับการปรับ ครม.ในอีก 2 ตำแหน่ง คือ เก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของ ‘วิเชษฐ์ เกษมทองศรี’ และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ของ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’ ซึ่งต่างก็มีปัญหาเรื่องกรณีการถือหุ้น 2 ด้วยกันทั้งคู่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ‘พี่แม้ว’ ได้ส่งสัญญาณถึง ‘น้องปู’ ให้รีบตัดไฟแต่ต้นลม เลิกกระเตงรัฐมนตรีที่มีปัญหาไว้ใน ครม. เพราะจะมีแต่เสียกับเสีย
ทั้งนี้ หากย้อนดูประวัติการทำงานของ ร.ต.อ.เฉลิม ตั้งแต่เข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลเพื่อไทยก็จะเห็นได้ชัดถึง ‘รอยด่าง’ และภาพลักษณ์ที่ติดลบของ ‘ขาใหญ่บางบอน’ ไม่ว่าจะเป็น ‘ความขี้ขลาด’ ของเป็ดเหลิมขณะที่นั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แต่กลับ ‘ปอดแหก’ ไม่กล้าลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่ ‘นายกฯยิ่งลักษณ์’ เคี่ยวเข็ญแล้วเคี่ยวเข็ญอีก ชนิดที่เรียกว่าสั่งกันจนปากเปียกปากแฉะเพราะต้องการให้รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงลงพื้นที่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในขณะที่รัฐบาลกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตศรัทธาเพราะไม่สามารถแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ รองเหลิมก็ยังทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงอยู่ปีกว่า ปรากฏว่ารองเหลิมก้าวเท้าลงไปสัมผัสพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เพียงแค่ครั้งเดียว
นอกจากนั้น รองเหลิมยังก่อวีรกรรม ‘เมากร่าง’ ขณะร่วมประชุมสภา ทำเอารัฐบาลเพื่อไทย ‘ขายหน้า’ กันทั้งพรรค แม้รองเหลิมจะอ้อแอ้แถว่า “ไม่เมาเหล้าแต่เมารัก” ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะดูจากอาการที่เดินเป๋เซไปเซมาพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว คนทั้งสภาฟันธงตรงกันว่า ‘เมาชัวร์’
อย่างไรก็ดี แม้จะไม่ได้มีอาการมึนเมา แต่พฤติกรรม ‘กร่าง’ ของ ‘เหลิม บางบอน’ ก็ยังคงเส้นคงวา กร่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม จนหลายคนเข้าใจว่าความกร่างนั้นฝังอยุ่ในดีเอ็นเอของนักการเมืองผู้นี้ เอาเฉพาะช่วงที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลเพื่อไทยก็นับกันไม่หวาดไม่ไหว แต่ที่กร่างจนกลายเป็นข่าวฉาวไปทั่วก็คงหนีไม่พ้นกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม เมื่อครั้งที่ยังดำรงตำแหน่งรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ได้เปิดศึกปะทะคารมอย่างดุเดือดกับ ‘สมจิตต์ นวเครือสุนทร’ ผุ้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 อันเนื่องมาจากรองเหลิมซึ่งกำลังให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการในการจัดการกับ ‘ม็อบเสธ.อ้าย’ ที่มาชุมนุมขับไล่รัฐบาล ไม่พอใจกับคำถามของสมจิตต์ที่ว่า “ทำไมรัฐบาลจึงดูแลผู้ชุมนุมกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามแตกต่างจากที่ดูแลผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง” ซึ่งแทนที่รองเหลิมจะชี้แจงเหตุผลกลับสวนกลับว่า “ คุณสมจิตต์ฝักใฝ่ประชาธิปัตย์ ” งานนี้รองเหลิมจึงเจอนักข่าวย้อนกลับจนหน้าหงายกลับไปว่า “ ถ้าการที่ท่านกล่าวหาว่าหนูฝักใฝ่ประชาธิปัตย์ไม่ใช่การหมิ่นประมาท แล้วถ้าหนูเรียกท่านว่าขี้ข้าทักษิณ จะเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่”
ทั้งนี้หากย้อนไปดูท่าทีของ ร.ต.อ.เฉลิมในหลายครั้งผ่านมาก็คงได้คำตอบว่าข้อกล่าวหาของสมจิตต์นั้นไม่ได้เกินเลยไปจากความจริงแม่แต่น้อย เพราะตัวของ ร.ต.อ.เฉลิม เองก็เคยออกปากยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานหลายครั้งหลายคราว่าเขาเป็น ‘ขี้ข้าทักษิณ’
“ ผมเป็นขี้ข้าทักษิณ และเป็นมานานแล้ว ผมเต็มใจ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวในการประชุมสภา เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2555
“ผมเป็นขี้ข้าทักษิณ แต่เป็นขี้ข้าทางใจ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวในการปราศรัยกับคนเสื้อแดง ที่เวทีทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 24 พ.ค.2556
แต่งานนี้ คนที่ปวารณาตัวเป็น ‘ขี้ข้าทักษิณ’ อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม คงจะเจ็บลึกไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ เพราะในยามป่วยไข้นอกจาก ‘นายใหญ่’ จะไม่เห็นใจสงสารแล้ว แว่วว่าอาจจะถูก 'ถีบ' ตกบัลลังก์ให้ไปนั่งเลี้ยงหลานอยู่กับบ้านก็เป็นได้ !!