xs
xsm
sm
md
lg

ผู้การคนใหม่ “ขอเป็นผู้บังคับบัญชาที่เลวน้อยที่สุด” ย้ำ ตร.ภูเก็ตอย่าเป่าคดีทิ้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้การภูเก็ตคนใหม่เปิดใจ “ขอเป็นผู้บังคับบัญชาที่เลวน้อยที่สุด” พร้อมย้ำตำรวจในพื้นที่อย่าเป่าคดีทิ้ง ต้องรับแจ้งความทุกกรณี โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยว ขณะที่ชาวบ้านถือเป็นนายจ้างที่จะต้องได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ขอเวลา 1 เดือน พบตำรวจทุกนาย หวังลดช่องว่างระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา

วันนี้ (30 ก.ย.) พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต คนใหม่ เปิดเผยกับ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ภายหลังเดินถึงจังหวัดภูเก็ต เพื่อรับตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.56 ว่า ชีวิตการรับราชการที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะอยู่ภาคอีสานเกือบทั้งชีวิต โดยช่วงที่เป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธร เคยไปช่วยราชการที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ สำหรับภูเก็ตเคยเข้ามาทำงานเพียงแค่ 2 เดือน โดยเข้ามาทำงานเป็นกรณีพิเศษนอกเครื่องแบบเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคง หลังจากนั้นชีวิตก็ทำงานอยู่ในพื้นที่ทางอีสานทั้งหมด

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับมอบหมายให้เข้ามาทำงานที่จังหวัดภูเก็ต ถึงแม้จะมีเวลาเพียงแค่ 1 ปี ก็พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งที่จะต้องทำคือ เรื่องของการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้บังคับบัญชาในการรับใช้สังคม ซึ่งความพร้อมของตำรวจไม่มีอะไรมาก เพียงแต่ผู้บังคับบัญชาทำตัวให้เป็นภาระแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาให้น้อยที่สุด ตนในฐานะที่เป็นหมายเลขหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต ก็จะต้องสร้างขวัญกำลังใจให้ลูกน้องเพื่อให้ลูกน้องมีกำลังใจในการทำงาน หลักการง่ายๆ คือ การซื้อใจกัน ทำอย่างไรที่จะให้เขาไม่มีความรู้สึกว่าทำงานภายใต้ความกดดัน ไม่ถูกบีบคั้นจากผู้บังคับบัญชา ทำอย่างไรให้จิตสำนึกในการเป็นตำรวจอาชีพ รับใช้สังคม ไม่ยุ่งการเมือง ไม่ว่าจะเป็นสีไหนๆ ก็ตาม ตำรวจก็ต้องวางตัวเป็นกลาง ตนเคยอยู่จังหวัดนครราชสีมา มา 2 ปี มีกำลังพลในการดูแลเกือบ 5,000 นาย ซึ่งตนมีความสุขมีความพอใจว่า วันที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทราบว่าตนถูกโยกย้าย ก็ไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชาคนไหนสาปแช่งมีแต่คนอยากให้อยู่ต่อ

พล.ต.ต.องอาจ กล่าวต่อไปว่า ตัวเองเป็นคนลูกทุ่ง เท้าจมดินมาทั้งชีวิต ตั้งแต่จบโรงเรียนนายร้อยก็คลุกคลีอยู่กับรากหญ้า อยู่กับผู้ปฎิบัติมาโดยตลอด เพราะตนเองก็เป็นผู้ปฏิบัติมาทั้งชีวิต โดยเป็นตำรวจที่เป็นหัวหน้าสถานีมา 17 ปี เคยอยู่มาทั้งพื้นที่ทุรกันดาร และในเมือง ในความเป็นตำรวจอาชีพถือว่าตนเองมีความรู้พอสมควร สิ่งหนึ่งที่อยากบอกถึงความในใจของคนที่เป็นตำรวจ คือ ตำรวจที่ไกลปืนเที่ยง ผู้บังคับบัญชามักไปค่อยเข้าไปเหลียวแล ส่วนตำรวจที่อยู่ใกล้นาย ก็มีความพร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะขวัญกำลังใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนเองจะลดช่องว่างลงให้ได้ “ผมจะทำตัวให้เป็นผู้บังคับบัญชาที่มีความเลวน้อยที่สุด สำหรับผู้ใต้บังคับบัญชา” ไม่ต้องพูดถึงชาวบ้าน เพราะชาวบ้านคือนายจ้างที่เสียภาษีจ้างตัวเองกับลูกน้องมาทำงานในหน้าที่ของตำรวจ เราจะต้องดูแลจนสุดความสามารถ

พล.ต.ต.องอาจ ยังได้กล่าวต่อไปถึงนโยบายในการทำงานในฐานะผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ว่า ปัญหาเรื่องของการท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องสำคัญ และปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องได้รับการดูแล ปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทาง ผบ.ตร.ย้ำเน้นมากเรื่องนี้ รวมถึงรัฐบาลชุดนี้ เพราะภูเก็ตเป็นแหล่งเงินแหล่งทองที่ทำรายได้เข้าประเทศสูงสุด ซึ่งคงต้องลงไปเน้นในระดับผู้ปฏิบัติเรื่องการรับแจ้งความ รับคำร้องทุกข์ โดยจะลงไปขอร้องพนักงานสอบสวนว่าห้ามเป่าคดีที่เกิดกับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติ เมื่อมีการแจ้งความต้องรับแจ้งความไว้ทั้งหมด รับทุกเรื่อง ซึ่งตนจะลงไปดูแลอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกัน คนไทยก็ต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมเพราะหากตำรวจรับใช้สังคมตามหน้าที่ สังคมย่อมไม่มีวันวิปริต

ส่วนเรื่องคดีค้างเก่าต่างๆ ที่ยังติดตามจับกุมคนที่ก่อเหตุไม่ได้ โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวนั้น จะต้องเข้ามาเร่งรัดติดตามต่อไปทั้งหมด แต่วันนี้สิ่งที่ตนอยากขอร้องคือ พนักงานสอบสวนอย่าเป่าคดี อย่างทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และสิ่งหนึ่งที่ตนยอมไม่ได้คือ คดีเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด สำหรับเรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องที่จะไม่มีการประนีประนอมอย่างเด็ดขาด เรื่องนี้จะต้องปราบปรามกันอย่างจริงจัง วันนี้มีกลุ่มบางกลุ่มกำลังใช้ยาเสพติดทำลายล้างประเทศไทย แต่ถ้าถามว่าระยะเวลาแค่ 1 ปีจะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้ตนคิดว่าอยู่ที่ใจ ถ้าผู้บังคับบัญชาให้ใจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่มีช่องว่างระหว่างกันก็จะได้รับความร่วมมือในการทำงานอย่างแน่นอน ศักดิ์ศรีของคนมีเท่ากัน ถ้าไม่ถือเขาถือเราเชื่อว่าปัญหาเกิดขึ้นน้อยมาก ตนไม่ยอมที่จะให้เกิดความล้มเหลวจะทำทุกอย่างให้จบด้วยดี และสังคมรับรู้ ตนพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของคนทุกคน ถ้าตำรวจในภูเก็ตผิดตนจะต้องยอมรับผิดก่อน สำหรับลูกน้องทุกคนนั้นตนตั้งใจว่าจะเดินไปพบปะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายภายในเดือน ต.ค.นี้

พล.ต.ต.องอาจ ยังได้กล่าวต่อไปถึงการดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ว่า สำหรับประชาชนนั้นถือเป็นนายจ้างของตำรวจทุกคน ซึ่งนายจ้างมีความสำคัญเท่าเทียมกันทุกคน และจะต้องได้รับการดูแลที่เท่าเทียมกัน แต่ด้วยความที่ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว เรื่องของนักท่องเที่ยวก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะโลกอินเทอร์เน็ตเป็นโลกที่ทุกคนสามารถเข้าไปดู และเห็นได้ตลอดเวลา นักท่องเที่ยวพอมีปัญหาก็จะโพสต์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตทำให้ภาพลักษณ์ของเราเสียหายได้ เพราะฉะนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจึงต้องให้ความสำคัญ เมืองท่องเที่ยวจะเป็นเมืองนักเลงไม่ได้เด็ดขาด ตนยอมไม่ได้ ใครที่ทำตัวเป็นนักเลงก็จะต้องจัดการไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ หรือชาวบ้าน

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น