ยะลา - ผบ.ทบ.เผยลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ สั่งเพิ่มความเข้ม รปภ.หลังเกิดเหตุปะทะบ่อยครั้ง พร้อมระบุ จนท.ต้องบังคับใช้กฎหมายหากมีการกระทำความผิดในพื้นที่ ส่วนการพูดคุยสันติภาพยังถือว่าอยู่ในขั้นตอนแสวงหาข้อคิดเห็นร่วมกัน
วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยก่อนเข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา หลังจากที่เกิดเหตุในพื้นที่หลายครั้ง ก็จะมาย้ำเตือนให้เพิ่มความระมัดระวัง และเพิ่มมาตรการเชิงรุกให้มากขึ้น ยิ่งมีการปฎิบัติการความรุนแรงจากฝ่ายตรงข้ามมากเท่าไหร่ก็จะต้องมีปฎิบัติการเชิงรุกมากขึ้นเท่านั้น
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย หรือฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตี หรือการทำร้ายด้วยความรุนแรง จึงต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนช่วยกันให้ความร่วมมือในการตรวจสอบตรวจค้น ซึ่งเป็นมาตรการเดียวที่ทำให้ลดการสูญเสียลงได้ เพราะจะได้จำกัดการปฏิบัติของฝ่ายตรงข้ามในการเคลื่อนย้ายวัตถุ สารระเบิด ส่วนประกอบต่างๆ ลงได้
“ในครั้งนี้ก็จะเดินทางไปเยี่ยมกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เพื่อให้กำลังใจหลังจากมีการสูญเสีย ก็คงจะต้องเน้นย้ำในเรื่องของความระมัดระวัง การปฏิบัติงานต่างๆ ให้รัดกุมมากขึ้น ที่ผ่านมามีทั้งผลงาน และความสูญเสีย ในส่วนของผลงานก็ต้องชื่นชมตำรวจทุกคนที่ร่วมกันเสียสละ การปะทะทุกครั้งก็ต้องใช้อาวุธ ไม่ใช่ใช้อาวุธไปไล่ยิงกัน แต่เป็นการปิดล้อมตามข้อมูลข่าวสาร เมื่อมีการปิดล้อมแล้วเกิดการต่อสู้ด้วยอาวุธ ซึ่งตนเองพูดเสมอว่า เข้าใจหรือไม่เข้าใจอะไรก็ตาม ก็ให้ออกมาพูดคุยกัน เรามีโครงการพาคนกลับบ้าน โครงการตามมาตรา 21 หรือกระบวนการยุติธรรมต่างๆ พร้อมที่จะรับฟังผู้ที่เห็นต่าง เพื่อที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ของ กอ.รมน.” ผบ.ทบ. กล่าว
พล.อ.ประยุทธ ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องของการพูดคุยซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีการพูดคุยกันเพิ่มเติม ตนเองก็ได้ให้ความคิดเห็นไปแล้ว ส่วนการตัดสินใจอะไรต่างๆ ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ซึ่งรับผิดชอบในการแก้ปัญหาในภาพรวม ที่จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย เป็นไปตามรัฐธรรมนูญของประเทศไทย อย่าเพิ่งไปวิตกกังวลถึงข้อเสนอต่างๆ อย่างน้อยมีข้อเสนอจากฝ่ายเราที่นำไปให้ทางคณะพูดคุยนำไปเป็นข้อมูล เพื่อพูดคุยกับกลุ่มต่างๆ ซึ่งมีอยู่หลายกลุ่ม และคงจะยกให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นคู่เจรจาไม่ได้ ให้ตกลงกันมาแล้วมาพูดคุยกัน การยื่นข้อเสนอมานั้นก็คงจะปฏิบัติไม่ได้
ตราบใดที่ยังมีความรุนแรงเกิดขึ้น การพูดคุยก็ทำได้เท่าที่ทราบกัน การพูดคุยที่ผ่านมาโดยมีเพื่อนบ้านของเราเป็นผู้อำนวยความสะดวกนั้น เป็นเพียงการพูดคุยเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการสันติภาพอะไร เป็นแค่การพูดคุยเพื่อแสวงหาทางออกร่วมกันเท่านั้น ตนเองยังยืนยันอยู่ว่า ตราบใดที่ยังมีระเบิด ตราบใดที่ยังมีการยิงผู้บริสุทธิ์ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ไม่คล้อยตาม เพราะจะต้องดูแลทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่เห็นต่าง ซึ่งฝ่ายตรงข้ามก็ควรที่จะให้เกียรติให้หยุดความรุนแรงแล้วมาพูดคุยกัน การทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐก็คงจะละเว้นไม่ได้
“หลายประเทศเห็นด้วยกับการแก้ปัญหาเช่นนี้ ตนเองได้ไปอธิบายให้ทูต และผู้นำกองทัพในหลายประเทศให้รับทราบ ซึ่งทุกประเทศเห็นดีกับการแก้ปัญหาของไทย รวมทั้งโอไอซี ในปัจจุบันก็เบาลงไปมาก หลายๆ ประเทศก็ให้การช่วยเหลือการแก้ปัญหาของเรา ประเทศเหล่านี้ก็ยืนยันไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในพื้นที่” ผบ.ทบ. กล่าว