xs
xsm
sm
md
lg

ปรับครม.ครั้งสุดท้าย-เร่งลุยแก้รธน.ก่อนยุบสภาเลือกตั้งปีหน้า !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แน่นอนว่า ถ้าไปถามนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่องปรับคณะรัฐมนตรี ที่เรียกว่า "ปู 6" ก็คงไม่ได้คำตอบ เพราะท่าทีที่เห็นก็คือ ยิ้มไม่ตอบ หรือไม่ก็พูดออกมาแบบลอยๆ ว่า "ให้ถึงเวลาเหมาะสม" เสียก่อน ความหมายก็คือ ตัวเอง "ไม่รู้เรื่อง" เพราะการปรับคณะรัฐมนตรีทุกครัั้ง มาจากต่างประเทศ คือ จากตัว "คนเชิด"คือ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งสังคมรับรู้กันดี ทุกคนทุกฝ่าย รวมถึงคนเสื้อแดงก็รู้ว่า คนที่มีอำนาจสั่งการให้ปรับคณะรัฐมนตรี จะให้ใครมาเป็นรัฐมนตรี หรือจะโละใครออกก็อยู่ที่ทักษิณ เท่านั้น
อาจจะมีบ้างบางตำแหน่งที่ นายกฯยิ่งลักษณ์ อาจขอให้เพื่อนที่รู้ใจให้อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีบางเก้าอี้ เช่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ต้อง"ถูกกัน" ออกมาต่างหาก แต่ก็นั่นแหละ หากพิจารณาจากแบ็กกราวด์ก็ต้องเข้าใจกันดีว่า "เสี่ยโต้ง" คนนี้ก็รับใช้ใกล้ชิด ทักษิณ มาอย่างดี ตั้งแต่เมื่อครั้งรั้งเก้าอี้สำคัญในตลาดหลักทรัพย์มาก่อน เคยช่วยเหลือเกื้อกูลมาก่อน
**ดังนั้นสถานะก็คือ ทักษิณ เป็น"คนเชิด" ส่วน ยิ่งลักษณ์ ก็เป็น "คนถูกเชิด" เท่านั้น นี่แหละคือสถานะที่เป็นอยู่แท้จริง ไม่ต้องดัดจริตเข้าใจเป็นอีกแบบนอกเหนือไปจากนี้เป็นอันขาด
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากสติปัญญาที่สะท้อนออกมาทั้งพฤติกรรมและคำพูดที่แสดงให้เห็นประจำวันของ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ผ่านมาสองปีกว่า มองอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากเข้าใจว่า "เธอไม่มีสติปัญญา" ที่จะเป็นผู้นำประเทศ สามารถใช้อำนาจบริหารบ้านเมืองได้ตามลำพัง เพราะสิ่งที่เห็นทุกวันนี้ชัดเจนขึ้นทุกวันคือ ทักษิณ เป็นคนสั่งการ ผ่านทางรัฐมนตรี รวมทั้งสั่งการข้าราชการประจำ และแม้กระทั่งทำตัวป็นผู้นำประเทศเดินทางไปเจรจากับผู้นำต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา โดยให้ "น้องสาว" คือ ยิ่งลักษณ์ ใช้ตำแหน่งนายกฯไป "แสตมป์" ตามหลังอีกทีหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็จะเป็นแบบนี้ให้เห็นทุกครั้งที่ เธอนำคณะไปเยือนต่างประเทศ ซึ่งอย่าได้แปลกใจที่มักมีข่าวที่ปรากฏทางสื่อต่างประเทศทุกครั้งในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนจนแยกไม่ออกระหว่างธุรกิจครอบครัวกับผลประโยชน์ของชาติ
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จของครอบครัวนี้ ที่นำโดย ทักษิณ ชินวัตร เพียงใดก็ตาม แต่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งนานไปยิ่งสะท้อนให้เห็นความ "ห่วยและด้อยประสิทธิภาพ" ออกมาให้เห็นเรื่อยๆ อย่างที่ปรากฏในเวลานี้ ที่สร้างความเดือดร้อนในเรื่อง"ของแพง" ชาวบ้านมีหนี้สิน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ จนล่าสุดมีการประเมินผลการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ ทั้งนี้จะออกมาประมาณไม่เกินร้อยละ 3.7 หรือน้อยกว่านั้น จากเดิมที่เคยคาดหมายว่า จะโตร้อยละ 5 และลดลงมาเหลือร้อยละ 4 จนล่าสุด หดลงมาเหลือแค่ร้อยละ 3 ซึ่งการเติบโตแค่นี้ มันย่อมมีผลต่อการ "จ้างงานใหม่ " ความหมายก็คือ ต่อไปพวกบัณฑิตจบใหม่ จะหางานทำได้ยากขึ้น ก็จะยิ่งซ้ำเติมให้สาหัสกว่าเดิม
ด้วยปรากฎการณ์ "ขาลง"ดังกล่าวนี่เอง ที่ทำให้ ทักษิณ ต้อง "รีบจัดการ" ให้เร็วกว่าเดิม เพราะยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนานไปเท่าไร่ ยิ่งไม่เป็นผลดี และที่สำคัญต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ครบวาระ 4 ปี เพราะถ้ารอให้ถึงตอนนั้น ทุกอย่างจะพังทลายเสียก่อน
อย่างได้แปลกใจที่เวลานี้กำลังได้ห็นความเคลื่อนไหวปรับคณะรัฐมนตรี มีพวกที่หวังจะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีตัวเดิม หรือบางคนอยากโยกไปที่ตำแหน่งสำคัญกว่าเดิม ทำมาหากินได้ดีกว่าเดิม รวมไปถึงพวกที่ไม่เคยนั่ง ก็อยากจะมานั่งก็ต้องวิ่งเต้นไปพบ ทักษิณ ซึ่งหากจับทิศทางล่าสุด เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนสิงสถิตย์อยู่ที่ สิงคโปร์ แต่ล่าสุดย้ายไปที่ปักกิ่ง นั่นก็แสดงให้เห็นว่าบรรดา "นักวิ่งเต้น" ต้องบินไปหา ไปกราบเท้ากันชุลมุนวุ่นวาย
**สำหรับเหตุผลที่ต้องปรับคณะรัฐมนตรี "ปู 6 " ก็คือ เมื่ออยู่ในภาวะ "ขาลง" แล้ว ก็ต้องรีบจัดการโดยเร็ว ต้องรีบ "จัดคิว" ตบรางวัลให้กับพวก "ขี้ข้า" ที่เหลือที่ยังไม่เคยได้เป็นรัฐมนตรีก็เข้ามาสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาบ้าง อย่างน้อยก็เพื่อรักษาน้ำใจ และยังมีผลต่อการเลือกตั้งในคราวหน้า คนพวกนี้จะได้ไม่งอแง ขณะเดียวกันก็ได้สั่งการให้ ส.ส.ทั้งหลายขยันลงพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่กำลงจะมาถึง
ขณะเดียวกันสิ่งที่น่าจับตาก็คือ ภายในสมัยประชุมสภาคราวนี้มีการสั่งให้ "เดินเครื่องเต็มกำลัง" สำหรับกฎหมายสำคัญ ทั้งเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท งบประมาณปี 57 และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งร่างกฎหมายนิรโทษกรรม แม้ว่าจะยังสะดุดอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ความหมายก็คือ "พร้อมแตกหัก" และถ้าไม่ผ่านก็ "ยุบสภา" เพื่อนำไปเป็นข้ออ้างว่า "ถูกแกล้ง" นำไปหากินได้อีกรอบ
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากตารางเวลาทั้งในศาลรัฐธรรมนูญ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาวุฒิสมาชิกที่ทูลเกล้าฯไปแล้ว ก็ต้องรอว่าจะโปรดเกล้าฯ ลงมาหรือไม่ และตามกำหนดหรือไม่ รวมไปถึงร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท
ถ้านับตามเวลาก็ล้วนออกมาในช่วง 90 วัน ไปตกเอาช่วงต้นปีหน้า พอดี ถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะสมหากมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ เพราะถ้ารอให้ครบวาระรับรองว่า "เละแน่" แม้ว่าถ้าพิจารณาจากผลสำรวจในพื้นที่สีแดงเข้มอย่างในภาคอีสานจะยังชนะ แต่ผลที่ออกมาก็คือ ความนิยมลดลงฮวบฮาบ นี่แหละมันน่าคิด และเชื่อว่าคนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร คงไม่รอให้สถานการณ์เลวร้ายจนถึงขนาดนั้น ต้องชิงลงมือก่อน เพื่อให้กลับมายึดอำนาจรัฐอีกรอบ ซึ่งมีทางเดียวก็คือต้องรีบยุบสภาเสียก่อน
**แต่ข้อแม้คือ ต้องได้เงิน 2 ล้านล้านบาท งบประมาณปี 57 ผ่าน กฎหมายนิรโทษฯผ่านเสียก่อน ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าไปป๊อกที่ศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะนำไปอ้างว่าถูก "อำมาตย์แกล้ง" ซึ่งมุกนี้ก็ยังใช้ได้อยู่ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น