ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-
ว่าด้วย “งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557”ที่โหวตผ่านวาระ 3 ไปแล้ว ขณะที่ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ชะลอการนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2557 ขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อประกาศใช้ออกไปตามที่เลขาธิการรัฐสภาได้แจ้งต่อครม.ให้รับทราบกรณีส.ส.และส.ว.จำนวนหนึ่งยื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภาเพื่อให้ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบฯปี 2557 กรณีการตัดลดงบประมาณขององค์กรอิสระ
“วราเทพ รัตนากร”รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้ความเห็นว่าว่า แม้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 57 จะไม่สามารถประกาศใช้ได้ทันวันที่ 1 ตุลาคม ก็จะไม่กระทบในส่วนของงบที่เกี่ยวของกับบุคลากร เพราะกฏหมายสามารถให้ใช้หลักการงบประมาณปีที่ผ่านมาได้ก่อน แต่จะกระทบต่องบลงทุนที่รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลมั่นใจว่าไม่ได้ขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
เชื่อมั่นว่าเรื่องดังกล่าว หากศาลชี้ว่าขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ก็เป็นเรื่องของมาตรานั้นๆ ไม่กระทบต่อภาพรวม
ล่าสุด 25 ก.ย.2556 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ไว้วินิจฉัย
หลังมีคำร้องที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กับคณะรวม 50 คน และคำร้องของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กับคณะรวม 62 คน ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย
ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่ง (1 ) ว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปีพ.ศ. 2557 มาตรา 27 ในส่วนของสำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานศาลปกครอง มาตรา 28 ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขัดหรือแย้ง หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้อง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 168 วรรคแปด วรรคเก้า หรือไม่
จากกรณีหน่วยงานทั้ง 3 ได้ขอจัดสรรงบประมาณประจำปีไปยังคณะรัฐมนตรี แต่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาปรับลด และในชั้นแปรญัตติ ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีสภาผู้แทนราษฏร หน่วยงานทั้ง 3 ก็ได้ขอเสนอเพิ่มงบประมาณ เพื่อให้เพียงพอต่อการบริหารงาน แต่คณะกรรมาธิการฯ ไม่ได้เชิญหน่วยงานทั้ง 3 มาหารือ และใช้ดุลยพินิจฝ่ายเดียวไม่จัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานดังกล่าว
โดยให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งไปยัง ประธานกรรมาธิการฯ สำนักงบประมาณ สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานป.ป.ช.ทำคำชี้แจงเป็นหนังสือยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 1 ต.ค. และให้ประธานกรรมาธิการฯ หรือผู้แทน รวมถึงผู้แทนหน่วยงานทั้ง 4 องค์กรมาชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 2 ต.ค. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
ที่จะต้องลุ้นกันต่ออีกเฮือก!
เรื่องนี้รัฐบาล โดยครม.ได้ออกมติให้อนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ไปพลางก่อน เพื่อให้ส่วนราชการจ่ายเงินผูกพันได้อย่างต่อเนื่องจนกว่างบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 จะเริ่มใช้
มติดังกล่าวเพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และสภากาชาดไทย จ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 56 อันเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 จนกว่าพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 จะประกาศใช้บังคับ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยมีสาระสำคัญของหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
1.วงเงินงบประมาณที่อนุญาต ให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินกึ่งหนึ่งของแต่ละแผนงานตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 งบประมาณรายจ่ายงบกลาง และงบประมาณรายจ่ายเพื่อเป็นกองทุนหรือเงินทุนหมุนเวียน ให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินกึ่งหนึ่งของแต่ละรายการงบกลาง และรายการงบประมาณรายจ่ายสำหรับกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 สำหรับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ หรือที่มีการรวมการโอนหรือการยุบในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินจำนวนวงเงินงบประมาณรายจ่ายแต่ละแผนงานที่สำนักงบประมาณกำหนดให้ในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2556
2.กรณีที่มีความจำเป็นต้องจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในข้อ 1ให้สำนักงบประมาณมีอำนาจจัดสรรงบประมาณได้ตามความจำเป็นไม่เกินจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานหรือรายการของปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 เฉพาะกรณี ดังต่อไปนี้ มีข้อผูกพันตามสัญญา ต้องดำเนินการตามข้อตกลงที่รัฐบาลทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ สถาบันการเงินระหว่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ มีความจำเป็นและเร่งด่วน ซึ่งหากไม่ดำเนินการจะเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
3.งบประมาณรายจ่ายที่จัดสรรให้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในข้อ 1 และข้อ 2 ดังกล่าว ให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ซึ่งต้องหักออกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และสภากาชาดไทย รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายงบกลางและงบประมาณรายจ่ายกองทุนและเงินทุนหมุนเวียน เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ประกาศใช้บังคับแล้ว
4.การบริหารงบประมาณรายจ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขนี้ ให้เป็นไปตามวิธีปฏิบัติที่สำนักงบประมาณกำหนด
รัฐบาลให้ใช้มติครม.นี้ เพื่อแก้ปัญหาไม่กระทบในส่วนของงบที่เกี่ยวของกับบุคลากร ส่วนใหญ่เป็นเงินเดือนของข้าราชการ ที่จะต้องจ่าย โดยเฉพาะเงินเดือนตุลาคม พ.ศ.2556 นี้ ซึ่งนายวราเทพ ย้ำว่าไม่กระทบ แน่นอน แต่นายกิตติรัตน์ ณ ระรอง รองนายกฯและรมว.คลัง ก็ระบุว่า จะกระทบกับโครงการต่าง ๆที่จะแก้ที่ตัวทีโออาร์เท่านั้น
พูดถึงเงินเดือนข้าราชการ เลยขอพูดถึง มติครม.อีกเรื่องที่เกี่ยวกับข้าราชการ หลังจากที่ลุ้นกันมานาน ตั้งแต่ปี 2554 ข้ามมาปี 2555 ถึงปี 2556
มติ ครม.ให้อัดเงินงบประมาณที่ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง บอกว่า เป็นงบค้างท่อที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายในปีที่ผ่านมา ประมาณ 40,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายโบนัสให้ข้าราชการ สำหรับปี 2554 และ 2555
ตามโครงการที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กำหนด เพื่อจัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 สำหรับส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา ที่ได้จัดทำคำรับรองและประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 จากเดิมที่มีการจัดสรรไว้แล้วในงบกลางปี 2556
ในรายการค่าใช้จ่ายการปรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ จำนวน 2,000 ล้านบาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีประมาณ พ.ศ. 2555 ของส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา ที่เหลือจ่ายประมาณ 345 ล้านบาท โดยรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,745 ล้านบาท
ที่ผ่านมารัฐบาล เคยให้โบนัสข้าราชการมาแล้ว เช่น 25 ธันวาคม 2555 ให้เป็นเงินรางวัลปีใหม่ของงบปี 2554 วงเงิน 3,563 ล้านบาท
19 มิถุนายน 2556 ใช้งบประมาณ 2556 เพิ่มเติมงบปี 2555 วงเงินกว่า 6,835 ล้านบาทให้กับ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการการเมืองอื่นของกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และเทศบาล รวมไปถึง ผู้บริหารและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล
ล่าสุดก็เป็นงบประมาณ 2556 งบกลางจำนวน 1,400 ล้านบาท เพิ่มเติม เพื่อจัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ต่อกรณีดังกล่าว ส่วนหลักเกณฑ์เหมือนเดิม ๆ
แต่เรื่องนี้แทนที่ข้าราชการ จะเฮ! ตามพาดหัวข่าวหลายแห่ง
ล่าสุดมีเสียงดัง ๆจาก “พนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐ” ออกมาโอดครวญ มติ ครม.ที่จ่ายโบนัสข้าราชการ ว่าไม่ครอบคลุมถึงพนักงานมหาวิทยาลัยรัฐ ที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ในสถาบันอุดมศึกษา
มีการให้ข้อมูลว่า จำนวนบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐทั้ง 79 แห่ง มี 165,341 คน และมีข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาในระบบที่มีสิทธิรับโบนัสเพียง 33,649 คน โดยพนักงานมหาวิทยาลัยเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในระบบ กำเนิดมาจาก มติ ครม. เมื่อปี 2542 ที่มีมติให้จ้างพนักงาน ทดแทนอัตราข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย เพื่อรองรับการออกนอกระบบในปี 2545 และทุกคนมีส่วนร่วมในการผลักดันองค์กรของรัฐ จึงไม่ยุติธรรมที่จะเลือกปฏิบัติในการให้โบนัสของรัฐบาล
ก.พ.ร. เสนอ ครม. ให้โบนัสบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา เป็นเงินรางวัลให้กับบุคลากรที่สร้างสรรค์ผลงานให้สถาบันตนเอง โดยให้เป็นเงินพิเศษโบนัส แต่โบนัสเหล่านี้กลับห้ามแจกจ่ายให้พนักงานมหาวิทยาลัย ส่วนผู้บริหารกว่า 80 %รับหลักหลายแสนบาท
ในปัจจุบัน พนักงานมหาวิทยาลัยส่วนหนึ่ง ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมในการปรับเงินเดือน ที่ไม่ครบตามเกณฑ์กลางที่กำหนด และยังมาถูกบั่นทอนขวัญกำลังใจจากโบนัสรางวัลของภาครัฐและผู้บริหารมหาวิทยาลัย ที่มีการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจนอีก
แต่ที่แน่ๆ หากงบประมาณรายจ่ายปี 2557 ประกาศใช้ มีข่าวแว่วๆว่าโบนัสข้าราชการ ปี 2556 คงต้องพับไปก่อนอีกหลายปี
