ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เรื่องราวของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ และอุทกภัย (กบอ.) ที่กำลังมีวิวาทะกับกลุ่มพลังสังคมที่ไม่เอาเขื่อนแม่วงก์อยู่ในขณะนี้ ว่าไปแล้วก็มีแต่เรื่องฉาว ดังที่ นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร บันทึกถึง “ท่านปลอดฯ” แบบเชือดนิ่มๆ แต่เห็นภาพความยโสโอหัง ไม่ฟังใคร แถมโอเวอร์แอคชั่น มาแต่ไหนแต่ไร
ศศิน เหน็บเหนมด้วยความเข้าใจดร.ปลอดประสพ ว่าท่านเป็นคนมั่นใจสูง มาจากตระกูลใหญ่ เกิดมาร่ำรวย เรียนเก่ง ทำงานเก่ง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน โดยได้เป็นอธิบดีกรมประมง ตั้งแต่ อายุยังน้อยมาก เข้าใจว่าเป็นสถิติของอธิบดีเมืองไทย และด้วยความเก่งกล้า มั่นใจเต็มร้อยนี่เอง ดร.ปลอดประสพ จึงไม่ลังเลที่จะใส่ชุดพญาเม็งราย รับแขกเมืองคราวเปิดงานประชุมน้ำโลกที่เชียงใหม่ เมื่อไม่นาน มานี้ และก่อนหน้านั้น ท่านก็เคยแต่งชุดนักรบโบราณ ชุดเอลวิส อินเดียนแดง และชุดอื่นๆ อีกมาก่อนแล้ว
วีรกรรมที่ขึ้นชื่อในการทะเลาะเบาะแว้งกับคนโน้นคนนี้ของท่านปลอดฯ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำตั้งแต่ไหนแต่ไร ดังที่ ศศิน บันทึกไว้ “จำได้ว่าท่านเคยวิวาทะเรื่องขุดลอกบึงบอระเพ็ดกับ ดร.สุรพล สุดารา สมัยนั้นนักอนุรักษ์คัดค้านกันว่ามันจะทำลายระบบนิเวศน์ คุณปลอดท่านก็เถียงว่า พื้นที่นี้มันเป็นพื้นที่ธีซิส (วิทยานิพนธ์) ของท่าน สุดท้าย ก็ลอกบึงสำเร็จแต่ผมก็ไม่ทราบว่ามันมีผลอะไรอย่างไร แต่จำแม่นว่า ท่านก็บอกกับสังคมว่า "เชื่อผมสิ ผมเนี่ยนักอนุรักษ์
“ผมมาเห็นทีหลังว่าในช่วงนั้นกรมประมงมีโครงการใหญ่สร้างบ่อเลี้ยงปลาดุกรัสเซียที่ขอบบึงด้านเหนือ ขุดบ่อขนาด 4 ไร่ 425 บ่อ ในพื้นที่ 1,700 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างอีกราวๆ พันไร่ งบประมาณมหาศาล กะว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเลี้ยงปลาแปรรูป สุดท้ายน้ำท่วมปลาหลุด แล้วโครงการก็ยุติลง ผมเคยไป เห็นอาคารบ้านพักร้างหญ้าขึ้นเต็ม บ่อปลาเรียงรายสุดลุกหูลูกตา วันนี้ถ้าใครดูภาพกูเกิ้ลก็จะเห็นบ่อปลาร้างๆ เหล่านี้ชัดเจน ผมไปดูล่าสุดก็ยังมีบ่อร้างๆ บางทีมีคนไปทำนาเล่นๆ ในบ่ออีกด้วย” ศศิน บันทึกผลงานดังกล่าวเอาไว้
แต่ที่ดราม่าสุดๆ และตกเป็นข่าวเกรียวกราวก็คราวน้ำท่วมใหญ่ ปี 38 ช่วงนั้น มีข่าวจระเข้หลุดออกมาหลายตัว ครั้งนั้นสังคมก็ได้เห็นนายปลอดประสพ สวมชุดลายพราง ประทับปืนยิงจระเข้ ประมาณว่าข้านี่แหละเท่สุดๆ
“คุณปลอดประสพ มีชื่อเสียงจากภาพอธิบดีแต่งตัวแรงเยอร์นั่งเรือไล่ยิงไอ้เข้แบบซุปเปอร์ฮีโร่ ซึ่งก็มีคำถามจากสังคมมากมายถึงความเหมาะสมหรือไม่”
หลังจากนั่งในตำแหน่งอธิบดีกรมประมง นายปลอดประสพ ก็ได้ย้ายข้ามห้วยมาอยู่กรมป่าไม้ ชนิดที่เรียกว่าสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคนวงการป่าไม้แบบตกตะลึงพรึงเพริดกันเป็นทิวแถว เพราะใครก็รู้ว่า กรมป่าไม้นั้น คนที่ไต่เต้าขึ้นมาเป็นใหญ่ระดับอธิบดี มักจะเติบโตมาจากสายวนศาสตร์ จากรั้วนนทรี ไม่เคยมีสักครั้งที่จะมีคนจบจากสายประมงอย่างท่านปลอดฯ มาเป็นอธิบดีกรมป่าไม้
“คุณปลอดย้ายมาอยู่กรมป่าไม้ เป็นการย้ายข้ามห้วยครั้งแรกๆ ที่อธิบดีไม่ใช่คนจบวนศาสตร์ ท่านเป็นคนชอบปืนผาหน้าไม้ ก็สนุกใหญ่ในการเข้าป่าเข้าดง คุยเรื่องปืนกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เขาว่าท่านสร้างเสาธงความสูงเท่าลำดับเลขที่แกมาเป็นอธิบดี”
เรื่องเสาธงกรมป่าไม้ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่คนปกติธรรมดาคิดไม่ได้ แต่ท่านพญาปลอดฯ คิดได้ เพราะต้นสักที่กรมป่าไม้ตัดมาให้กับทางการเพื่อบูรณะเสาชิงช้า เมื่อปี 2513 แต่สุดท้ายไม่ได้เอาไปใช้เพราะปลายเสาคดและขนาดของเสาไม่เท่ากัน เสาไม้สักจึงถูกส่งกลับคืนมาที่กรมป่าไม้นาน 20 กว่าปี กระทั่งนายปลอดประสพ เข้าไปเป็นอธิบดี จึงปิ๊งไอเดียสั่งให้เอาเสาไม้สักทำเป็นเสาธงของกรมป่าไม้ ซึ่งความสูงของเสาธงจากพื้นถึงยอด 28 เมตร หมายถึงอธิบดีกรมป่าไม้คนที่ 28 คือนายปลอดประสพ นั่นเอง
กรมป่าไม้ ยุคปลอดประสพ เป็นอธิบดี ยังสร้างชุดเครื่องแบบใหม่ๆ ให้คนกรมป่าไม้ เป็นลายพรางที่เห็นทุกวันนี้ มีชุดอ่อน ชุดพราง วันไหนงานไหนใส่ชุดอะไร กลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ จำได้ว่าเขาบ่นกันเรื่องราคาค่าตัดชุดตั้งแต่ข้าราชการไปยันลูกจ้างเดินป่า
เลขาธิการมูลนิธิสืบฯ ยังบันทึกว่า รู้กันว่าท่านปลอดสร้างโอกาสให้นักป่าไม้สายแพร่ ขึ้นมาทำงานบริหารเพื่อเป็นฐานให้ เพราะท่านไม่ได้จบวนศาสตร์ ซึ่งผลของมันก็สร้างการต่อสู้ช่วงชิงระหว่างรุ่นสายแพร่ กับสายวนศาสตร์มาจนถึงปัจจุบัน
นายปลอดประสพตกเป็นข่าวครึกโครมอีกครั้งเรื่องการส่งเสือไปจีน เรื่องนี้มีการขุดคุ้ยกันจนกระทั่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดโดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นายปลอดประสพ มีความผิดวินัยร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง รวมถึงเป็นความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในการอนุญาตให้บริษัท ศรีราชาไทเกอร์ ซู จำกัด ส่งออกเสือโคร่งจำนวน 100 ตัวไปยังสวนสัตว์ซันหยา ไมตรี คอนเซ็ปท์ จำกัด ซึ่งเป็นสวนสัตว์ของเอกชน สาธารณรัฐประชาชนจีน
การชี้มูลดังกล่าว มาจากเหตุผลที่ป.ป.ช. เห็นว่า นายปลอดประสพ ได้ใช้อำนาจในฐานะอธิบดีกรมป่าไม้ กระทำการอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน เนื่องจากจากการตรวจสอบขณะนั้นไม่พบหนังสือราชการของทางรัฐบาลจีน ที่นายปลอดประสพ อ้างว่าเป็นฝ่ายขอความร่วมมือมายังรัฐบาลไทย ในการส่งเสือโคร่งไปยังสวนสัตว์ในประเทศจีนหรือเป็นการกระทำในลักษณะรัฐต่อรัฐ เพื่อผลประโยชน์ในการศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการ ซึ่งเป็นข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
ด้วยการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช. ส่งผลให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่ง เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 50 ให้ปลดนายปลอดประสพ ออกราชการตามความผิดวินัยที่เกิดขึ้นและมีผลย้อนหลังนับตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. 48 อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการออกพ.ร.บ.ล้างมลทิน พ.ศ. 2550 ทำให้นายปลอดประสพ รอดพ้นความผิดทางวินัย และก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองสังกัดพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยในเวลานี้
แม้จะรอดความผิดทางวินัย แต่ในส่วนของคดีอาญา หลังจากเรื่องเงียบหายไปนานเกือบ 5 ปี นายปลอดประสพ ก็ถูกฟ้องร้องตามหมายเลขคดีดำ อ.4750/2555 โดยพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี จำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่พิจารณาอนุญาตให้บริษัทศรีราชาไทเกอร์ ซู จำกัด ส่งออกเสือโคร่งพันธุ์เบงกอล จำนวน 100 ตัว ที่ได้จากการเพาะพันธุ์ในสวนสัตว์ไปยังบริษัทซันย่า ไมตรี คอนเซป จำกัด โดยไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ซึ่งปัจจุบันคดีก็ยังอยู่ในชั้นศาล
ต่อมา เมื่อนายปลอดประสพ เป็นตัวตั้งตัวตีก่อตั้งไนท์ซาฟารี ตามบัญชาของนายใหญ่ ก็สร้างชื่อกระฉ่อนที่จะเอาเนื้อสัตว์ป่าแอฟริการมาทำเมนูในไนท์ซาฟารี และมีเรื่องถึงขั้นทำร้ายผู้ร่วมรายการทีวี
โครงการสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี นี่ไม่ต้องพูดถึงว่า การเร่งรัดดำเนินการไนท์ซาฟารี มีกระบวนการ ขั้นตอน การก่อกำเนิดแบบมั่วๆ ซั่วๆ ลอยๆ อ้างนายใหญ่สั่ง อ้างระบบฟาสต์แทร็ควิธีพิเศษ จัดซื้อจัดจ้างก็พิเศษ ก่อสร้างก็พิเศษ ไม่ต้องทำ EIA ทั้งๆ ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ เดินหน้าทำโครงการแบบผิดกฎหมายอุทยานฯ ก็ยังดันทุรังทำไป กระทั่งกลายเป็นตำนานสะท้อนความล้มเหลวในการบริหาร และสะท้อนการจัดการแบบเผด็จการบ้าอำนาจขาดความโปร่งใสมาจนถึงวันนี้
แต่นี่ยังไม่พอ เวลานี้มีเรื่องที่ชาวเชียงใหม่เขากำลังคัดค้านหัวชนฝากันด้วยว่า สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) หรือ สพค.ที่มี “เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา” อยู่ในสังกัด กำลังวางแผนเดินเกมโอนย้ายสวนสัตว์เชียงใหม่ องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เข้ามารวมอยู่ในสังกัด ตามใบสั่งของนักการเมือง แม้จะมีเสียงค้านเพราะไม่อยากให้สวนสัตว์เชียงใหม่ที่มีภารกิจเรื่องการอนุรักษ์และวิจัยสัตว์ป่า เป็นเหมือนไนท์ซาฟารีที่มุ่งเน้นการค้าการท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์
กล่าวสำหรับวาจาสามหาวด่ากราดคนอื่นเขาไปทั่ว เป็นเอกลักษณ์ของเอกบุรุษปลอดประสพโดยแท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มเอ็นจีโอที่เปรียบเหมือนขมิ้นกับปูน ล่าสุด เมื่อคราวประชุมน้ำโลกเมื่อกลางเดือนพ.ค. 56 นายปลอดประสพ ก็อัดเอ็นจีโอว่าเป็นพวกขยะ
หลังจากนั้น ยังไปพล่ามบนเวที “เพื่อไทย เพื่ออนาคตประเทศไทย” ซึ่งจัดโดยพรรคเพื่อไทย ณ โรงยิมเนเซียม 2 สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 56 ว่า “ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณทุกคนว่า ช่วงที่ประชุมน้ำ มีไอ้พวกบ้าบอคอแตกอะไรจะมาประท้วง แล้วท่านทั้งหลายก็จัดคณะไปเก็บขยะ (หมายถึงกลุ่มเอ็นจีโอ) มันก็โกธรผมนะ ว่าผมไปด่ามันว่าขยะ ที่จริงยังน้อยไปนะ ในใจเนี่ยผมอยากจะด่าไอ้เหี้ยด้วยซ้ำไป (เสียงเฮ) แต่ผมไม่ได้ด่าเพราะกลัวเค้าฟ้อง”
“เมื่อตอนที่เราประชุมน้ำ มีผู้นำมา 10 ประเทศ มีรัฐมนตรีมา 40 กว่าคน ชาวต่างชาติมาเป็นพัน ตอนนั้นเชียงใหม่ได้เงินเป็นร้อยๆ ล้าน มันประท้วง มันส่งพรรคพวกมาประท้วง ต้องขอบคุณพวกเราทุกคน ที่ช่วยกันป้องกัน ต้องขอบคุณ ส.ส.สงวน (นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน เขต 1 พรรคเพื่อไทย) ปิดทองหลังพระ ถ้ามาอีกทีนึงท่าน เราไม่ต้องไว้ไมตรี กระทืบลูกเดียว” คำปราศรัยของนายปลอดประสพ ในเวทีดังกล่าว สะท้อนความบ้าอำนาจของท่านรองนายกฯ ชัดเจน
“ในวันนี้ ผมจำเรื่องราวท่านมากมาย ไม่รู้ว่าเรื่องราวของท่านจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ แต่จะไม่แปลกใจเลยว่าโครงการน้ำสามแสนล้านนี่มันจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ท่านจะต้องรับผลดีผลร้ายไม่แพ้ผลงานที่ผ่านมาอย่างแน่นอน” เลขาธิการมูลนิธิสืบฯ บันทึกปิดท้าย