น้องเมีย ตอนที่ 11
ค่ำนั้น ภัสสรนั่งอ่านหนังสืออยู่ บัวนั่งพับเพียบกับพื้นนวดขาให้พลางทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ ภัสสรละสายตาจากหนังสือ ถามอย่างสงสัย
“เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ”
บัวสะบัดหางเสียง
“เปล่าค่ะ คุณผู้หญิงนี่แข็งแรงดีนะคะ อายุขนาดนี้แล้วไม่คิดจะเจ็บจะป่วยบ้างเหรอ”
ชมที่เอาน้ำชาและของว่างมาเสิร์ฟ ถามบัวเสียงไม่พอใจ
“อ้าว ไปแช่งคุณผู้หญิงอย่างนั้นทำไมล่ะนังบัว”
“ฉันไม่ได้แช่งนะน้า แค่แปลกใจว่าทำไมถึงไม่เคยเป็นอะไรเลย”
“แกพูดยังกะอยากจะให้ฉันป่วยงั้นแหละ”
“ค่ะ เพราะถ้าคุณผู้หญิงเป็นอะไรไป คุณภพจะได้กลับมาเยี่ยมบ้านไงคะ”
ภัสสรเอะใจ
“แล้วทำไมถึงอยากให้ตาภพกลับมานัก หรือว่าแกคิดอะไรกับลูกชายฉัน”
บัวกลบเกลื่อน
“ปละเปล่าค่ะ บัวแค่แปลกใจว่าทำไมคุณภพถึงไม่กลับมาเยี่ยมบ้านบ้างเลย ไม่รู้ถูกทางโน่นสั่งห้ามหรือเปล่า”
ภัสสรสะดุดใจกับคำพูดบัว ชมรีบช่วยแก้สถานการณ์
“แล้วทางโน่นเค้าจะทำอย่างนั้นทำไม”
“จะไปรู้เหรอ” บัวค้อนชมหันมาพูดกับภัสสร “เอาอย่างนี้มั้ยคะ คุณผู้หญิงแกล้งป่วย ลองดูซิว่าคุณภพจะกลับมาเยี่ยมหรือเปล่า”
“ให้ฉันหลอกตาภพนี่อะนะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก”
“งั้นคุณผู้หญิงไม่ต้องแกล้งก็ได้ แค่อยู่เฉยๆ เดี๋ยวบัวจัดการเอง”
ชมขัดขึ้น
“อย่าไปบ้าจี้ตามมันเลยค่ะ”
บัวยุ
“คุณผู้หญิงจะได้รู้ยังไงคะว่าคุณภพจะติดเมียจนลืมแม่หรือเปล่า หรือว่าคุณผู้หญิงไม่สงสัยเหมือนบัว”
ภัสสรอึ้งไป บัวแอบยิ้มร้าย ชมระอาใจกับความเจ้าเล่ห์ของบัว
เช้าวันต่อมา...งามเนตรหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ายืนอยู่หน้าบ้าน ลาเอกภพไปทำงานต่างจังหวัด
“เสร็จงานแล้วเนตรจะรีบกลับมานะคะ”
“ไม่ต้องห่วงทางนี้นะครับ เดี๋ยวผมดูแลเอง”
“เร็ว ๆเถอะเนตร เดี๋ยวไม่ทันเครื่องหรอก ไป ๆ”
นิดาเข้ามาช่วยหิ้วกระเป๋า ก่อนจะหันมาขยิบตาให้ เอกภพพยักหน้ารับ...ขณะเดียวกันนั้น มะเฟืองเอายานอนหลับใส่ในน้ำเต้าหู้ พลางพูดกับวิภาที่กำลังจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ก่อนจะออกจากบ้าน
“แม่ไปเล่นไพ่ให้สบายใจเถอะ เดี๋ยววันนี้ฉันดูแลพ่อเอง”
วิภาไม่เห็นว่ามะเฟืองกำลังทำอะไรอยู่ ตอบด้วยความสงสัย
“วันนี้มาแปลก ผีเข้าหรือเปล่า”
มะเฟืองใส่ยาเสร็จแกล้งทำเป็นโกรธ หันมาพูดกับแม่
“ถ้าผีเข้าฉันคงออกไปเล่นไพ่กับแม่นานแล้ว หรือว่าแม่ไม่อยากไป งั้นฉันไปเองก็ได้”
มะเฟืองทำท่าจะไป วิภารีบห้ามไว้
“เฮ้ย ๆ อย่านะแก คำไหนคำนั้น ฉันไปล่ะ”
วิภารีบออกจากบ้านไป มะเฟืองยิ้มร้ายสำเร็จแผน
นำโชคกำลังจัดโต๊ะอาหาร มีข่อดอกไม้ เทียมหอมประดับตกแต่งบนโต๊ะอย่างสวยงามตามที่มะเฟืองสั่ง วันชัยรู้แผนการทั้งหมดของมะเฟืองจากนำโชคก็รู้สึกไม่พอใจ
“ว่าไงนะ มะเฟืองคิดจะวางยาคุณเอกภพ”
“ครับ เห็นว่าครั้งก่อนก็ทำอย่างนี้ ผมไม่อยากเห็นมะเฟืองเดินทางผิดอีกต่อไปแล้วครับลุง”
“ขอบใจมากนะที่แกมาบอกลุง”
นำโชคเป็นห่วง
“ลุงจะไม่ทำอะไรรุนแรงมะเฟืองใช่มั้ยครับ”
“อือ ก็แค่กันไม่ให้มันตามคุณเอกภพไปก็เท่านั้น แกทำตามที่ลุงบอกแล้วกัน”
“ครับ”
ทันใดนั้นมะเฟืองก็ถือถาดใส่แก้วน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋เดินเข้ามาถามห้วนๆ
“คุยอะไรกัน...”
นำโชคกับพ่ออึกอัก มะเฟืองหมั่นไส้
“ทำหน้าอย่างนี้นินทาฉันอยู่แหงๆ”
นำโชคกลบเกลื่อน
“เปล่า เราชวนลุงกินข้าวด้วยกันต่างหาก”
มะเฟืองไม่พอใจ
“จะชวนทำไม ฉันเตรียมของให้แล้ว” มะเฟืองยื่นปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ให้พ่อ “นี่ของพ่อ กินซะ จะได้ปล่อยให้เด็ก ๆคุยกัน”
วันชัยรับแก้วน้ำเต้าหู้มากินโดยไม่รู้ว่ามียานอนหลับ มะเฟืองแอบมองพ่อลุ้นให้กินให้หมดแก้ว นำโชคเหลือบมองวันชัยอย่างรู้กัน มะเฟืองสังเกตเห็น
“มองอะไร”
นำโชคกลบเกลื่อน
“เปล่า เราแค่แปลกใจว่าทำไมอยู่ดีๆ มะเฟืองก็พูดดีกับเรา บอกให้เราซื้อของมาตั้งเยอะแยะ”
มะเฟืองโกรธที่รู้ทัน
“ถ้าเรื่องมากไม่อยากกินจะกลับก็ได้ ฉันจะได้กินกับนังดาวสองคน”
วันชัยปราม
“พูดดีๆกับเพื่อนหน่อยสิลูก”
“ก็มันกวนประสาทฉันก่อนนี่พ่อ”
“หมดแล้ว” วันชัยส่งแก้วเปล่าให้ “แกช่วยไปเอาหนังสือสวดมนต์ในห้องให้พ่อหน่อย”
มะเฟืองไม่พอใจ
“แล้วทำไมพ่อไม่ไปหยิบเอง“
วันชัยแกล้งยั่ว
“แล้วทำไมไปหยิบให้พ่อไม่ได้ หรือว่าแกคิดจะทำอะไรอีก”
มะเฟืองตกใจหน้าถอดสีกลัวแผนแตก ละล่ำละลักบอก
“ปละเปล่า ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“งั้นก็ไปหยิบให้พ่อหน่อยสิ”
มะเฟืองสะบัดหน้าเดินไปอย่างเสียไม่ได้ วันชัยพยักหน้าให้นำโชคเดินตามมะเฟืองไป เป็นจังหวะเดียวกับเอกภพที่ส่งงามเนตรเสร็จเดินเข้ามาพอดี
“เรียบร้อยแล้วเหรอครับคุณเอกภพ”
“ครับ...ขอบคุณมากครับพ่อ”
“คุณก็เหมือนลูกชายผมอีกคนไม่ต้องคิดมาก รีบไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าเถอะครับผมให้นิดาโทรเรียกแท็กซี่ให้แล้ว”
เอกภพรับคำ เดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมไว้
มะเฟืองเดินเข้ามาในห้อง รื้อดูข้าวของในห้อง มองหาหนังสือสวดมนต์ของพ่อแต่ไม่เจอ
“ไม่มี...อยู่ไหนนะ...เอาไปลืมวางไว้ที่อื่นอีกล่ะสิ”
มะเฟืองหันมาเห็นนำโชคเดินตามเข้ามาในห้องก็ตกใจ
“เข้ามาทำไม”
“เราขอโทษนะมะเฟือง”
นำโชคเดินเข้ามา มะเฟืองตื่นกลัว
“แกจะทำอะไรฉัน”
มะเฟืองจะวิ่งหนีออกจากห้อง แต่นำโชคไวกว่ารวบตัวไว้ มะเฟืองดิ้นสู้
“ฉันถามว่าแกจะทำอะไรฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้ปล่อย...ปล่อย”
เอกภพถือกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นรถแท็กซี่ออกไปสนามบิน สวนกับแท็กซี่อีกคันที่มาจอดหน้าบ้าน บัวถือตะกร้ากับข้าวลงมาจากรถ มองไม่เห็นเอกภพ
นำโชคเอาโซ่ล่ามขามะเฟืองไว้กับหัวเตียงเหล็กดัด มะเฟืองร้องกรี๊ดไม่ยอมให้ล่ามโซ่ นำโชครู้สึกผิด
“เราขอโทษนะมะเฟือง เราหวังดีกับเธอจริงๆ”
“หวังดีบ้าบออะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
วันชัยเข็นรถเข้ามา มะเฟืองดีใจ
“พ่อช่วยฉันด้วย”
“ฉันกำลังช่วยแกอยู่นี่ไง ไม่ให้ถลำตัวลึกทำผิดไปมากกว่านี้”
มะเฟืองชะงัก
“พูดอย่างนี้หมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่า เลิกคิดจะจับคุณเอกภพซะที เค้าเป็นพี่เขยแกนะ จะทำอะไรถ้าไม่คิดถึงบาปบุญคุณโทษ ก็เห็นแก่หัวหงอกหัวดำอย่างฉันบ้าง”
มะเฟืองตกใจคิดไม่ถึง
“นี่พ่อรู้เหรอ”
“ใช่ ฉันรู้ทุกอย่าง...แล้วรู้ด้วยว่าวันนี้แกคิดจะทำอะไร”
มะเฟืองหันขวับไปถามนำโชคทันที
“แกบอกพ่อใช่มั้ยไอ้นำโชค”
นำโชคพยักหน้ารับอย่างสำนึกผิด
“ไอ้ชาติชั่ว ไอ้เลว แกหักหลังฉัน แกหักหลังฉัน”
มะเฟืองตรงเข้าไปทุบตี นำโชคไม่สู้ได้แต่ปัดป้อง
บัวไม่เห็นใครถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้าน
“ยู้ฮู้ มีใครอยู่บ้าง ฉันมาหาคุณเอกภพ แม่เขาไม่สบาย”
บัวเห็นเทียนหอมและอาหารเต็มโต๊ะ มองอย่างดูถูก
“ชิ ! ทำยังกะจะเช็งเม้ง”
ทันใดนั้นบัวก็ได้ยินเสียงมะเฟืองกรีดร้อง เสียงดังมาจากห้องนอนพ่อที่อยู่หลังบ้าน รีบวิ่งไปดูตามเสียง
วันชัยทนดูต่อไปไม่ได้ เข็นรถเข้าไปกระชากตัวมะเฟืองที่กำลังทุบตีนำโชคออกมา
“เลิกโทษคนอื่นซะที แกมันไม่มีหัวใจ คิดทำร้ายได้แม้กระทั่งครอบครัวพี่สาวตัวเอง”
มะเฟืองน้อยใจ
“ฉันไม่มีหัวใจงั้นเหรอ” มะเฟืองพูดทั้งน้ำตา “ถ้าฉันไม่มีหัวใจ ฉันจะเจ็บทำไมเวลาที่เห็นพ่อเข้าข้างมัน จะปวดทำไมเวลาที่เห็นพ่อดีกับมัน จะเสียใจทำไมเวลาที่รู้ว่าพ่อรักมัน แล้วก็ไม่ใช่เพราะไอ้หัวใจนี่เหรอ ที่ทำให้ฉันรักเป็น โกรธเป็น เกลียดเป็น พ่อเป็นคนทำให้ฉันเป็นคนอย่างนี้”
“นี่แกโทษฉันใช่มั้ย”
“ใช่...ทุกครั้งที่พ่อมองฉัน ในตาพ่อมีแต่มัน พ่อไม่เคยมองเห็นฉันอย่างที่ฉันเป็น...เอาแต่เปรียบเทียบฉันกับมัน พอฉันทำไม่ได้ก็หาว่าฉันเลว พ่อไม่คิดเหรอว่าคนเลว ๆ อย่างฉันก็มีหัวใจเหมือนกัน”
“แล้วสิ่งที่แกทำมันถูกต้องมั้ย”
“แล้วความถูกต้องคืออะไร มันได้ทุกอย่าง แต่ฉันไม่เหลืออะไร”
“ถ้าแม้แต่ผิดชอบชั่วดีแกก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แกก็ไม่สมควรเป็นคนอีกต่อไป” วันชัยหันไปสั่งนำโชค “ล่ามมันไว้ อย่าให้มันออกไปไหน จนกว่าเนตรกับคุณเอกภพจะกลับมาจากฮันนีมูน”
มะเฟืองหน้าตื่น
“ว่าไงนะนังเนตรกับคุณเอกภพไปฮันนีมูน”
“ใช่ ไปโดยไม่มีแกคอยเป็นก้างขวางคอ”
มะเฟืองกรีดร้องคุ้มคลั่ง
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ ฉันจะไปหาคุณเอกภพ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ไอ้นำโชค ฉันบอกให้ปล่อย ปล่อย”
“ต่อให้แกร้องจนน้ำตาเป็นสายเลือด ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปทำชั่วอีกเด็ดขาด”
วันชัยเข็นรถออกไป มะเฟืองกรีดร้องราวกับคนเสียสติ นำโชคได้แต่ยืนมองด้วยความเวทนาไม่รู้จะช่วยยังไงดี
บัวที่แอบดูอยู่เห็นวันชัยเข็นรถออกมาก็ตกใจ รีบวิ่งหนีออกไปเพราะกลัวคนเห็น เธอไม่ทันระวัง ชนโต๊ะ เทียนหอมที่วางอยู่บนโต๊ะล้มลง บัวตกใจหยิบขวดเหล้าที่วางอยู่มาสาดไปบนโต๊ะเพราะคิดว่าเป็นน้ำ ทันใดนั้นไฟลุกพรึ่บ ! บัวกรี๊ด หยิบหนังสือพิมพ์และข้าวของที่ฉวยได้มาตีหวังดับไฟ แต่กลายเป็นว่าไฟยิ่งลุกไปกันใหญ่ สะเก็ดไฟกระจายไปทั่วบ้าน เธอเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งหนีไปชนกับกล่องเครื่องมือตกกระจาย รีบเก็บของใส่กล่องอย่างลวก ๆ ก่อนจะเห็นแม่กุญแจ...ได้ความคิดอะไรบางอย่าง จังหวะเดียวกันนั้น วันชัยเข็นรถออกมาพอดี เห็นเปลวไฟก็ตกใจ
“เข้ามาทำอะไรในบ้านฉัน”
บัวละล่ำละลัก
“ปละเปล่า ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่เกี่ยว ฉันไม่รู้เรื่อง”
บัวรีบวิ่งหนีออกไป
“จะไปไหน”
วันชัยจะตามไปแต่กลับรู้สึกงุนงงและง่วงนอนเพราะฤทธิ์ยานอนหลับ
มะเฟืองเข้าไปกอดขานำโชค ร้องขอให้ช่วย
“นำโชค แกต้องช่วยฉัน จะให้ฉันทำอะไรก็ยอม ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันขอร้อง...”
“เชื่อเรานะ พ่อทำเพราะหวังดีกับเธอจริงๆ”
มะเฟืองโกรธ
“หวังดีเหรอ...ไหนแกเคยบอกว่ารักฉัน งั้นก็ปล่อยฉันไปสิ หรือว่าแกคิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะยอมเป็นของแก ก็ได้ เอาสิ เอาเลย อยากจะทำอะไรฉันก็เอาเลย เอาให้สาแก่ใจแกเลย แล้วปล่อยฉันไปตามทางของฉัน”
มะเฟืองปล้ำจูบ ถอดเสื้อนำโชค นำโชคทนไม่ไหวที่เห็นมะเฟืองเป็นแบบนี้ ระเบิดอารมณ์ใส่
“เลิกบ้าซะทีได้มั้ย...”
มะเฟืองอึ้งคิดไม่ถึงว่าจะถูกนำโชคตวาดใส่
“ถ้าเราจะมีอะไรกับเธอก็เพราะว่าเธอรักเรา แต่ไม่ใช่เพราะอย่างนี้”
“อ๋อ นี่แกกล้าปฏิเสธฉันใช่มั้ยไอ้นำโชค แกกล้าปฏิเสธฉันแบบนี้ได้ไง”
มะเฟืองตรงเข้าไปทุบตี นำโชคได้แต่ปัดป้องไม่สู้
“พอได้แล้วมะเฟือง มะเฟืองเราบอกให้พอได้แล้ว เราบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้”
นำโชคลืมตัวผลักมะเฟืองล้มไปกระแทกไม้เท้าของวันชัยรวมทั้งข้าวของอื่น ๆ ในห้องแตกกระจาย นำโชคได้สติรีบเข้าไปประคอง
“เราขอโทษ...”
มะเฟืองเย็นชา
“อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวฉัน”
นำโชคชะงัก มะเฟืองน้อยใจ
“ฉันเคยคิดว่าแกเป็นคนที่พึ่งได้ สุดท้ายแกก็เหมือนคนอื่น ออกไป” เธอตวาดลั่น “ฉันบอกให้ออกไป...ออกไป”
มะเฟืองหยิบข้าวของปาใส่ นำโชคทนไม่ไหวตัดสินใจเดินออกไป
บัวที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านพูดกับตัวเอง
“ถ้าไม่มีพวกแกซะคน คุณเอกภพก็ต้องกลับไปอยู่บ้าน อโหสิกรรมให้ฉันด้วย”
บัวตัดสินใจคล้องแม่กุญแจ ล็อกประตูหน้าบ้าน
นำโชคเดินออกมาเห็นวันชัย นั่งสะลึมสะลืออยู่ท่ามกลางเปลวก็ตกใจ
“ไฟไหม้!”
นำโชคเข้าไปพยายามจะดับไฟ พลางถาม
“เกิดอะไรขึ้นลุง...”
พ่อสะลึมสะลือไม่ตอบ นำโชครีบเข้าไปเขย่าตัว
“ลุง...ลุงเป็นอะไร”
นำโชคเห็นไฟโหมแรงดับไม่ได้แน่ ก็ขัดใจก่อนจะคิดถึงมะเฟือง
“มะเฟือง!”
นำโชคเข็นรถวันชัยพ่อไปที่ปลอดภัย
“รอฉันอยู่นี่นะ เดี๋ยวฉันมา”
นำโชครีบวิ่งกลับไปช่วยมะเฟือง
มะเฟืองเห็นควันไฟเต็มห้องร้องอย่างเสียขวัญ
“ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย...ช่วยด้วย”
นำโชคผลักประตูห้องเข้ามา
“เรามาช่วยแล้วมะเฟือง”
“งั้นรีบไขกุญแจให้ฉันสิ”
“เราไม่มีกุญแจ...”
“งั้นไปหาอะไรมาตัดสิไอ้โง่”
มะเฟืองบอกนำโชคอย่างฉุนเฉียว...นำโชควิ่งเข้ามาหยุดหันรีหันขวางในครัว ก่อนจะเจอขวานวางรวมกับทลายมะพร้าวรีบหยิบออกไป
มะเฟืองสำลักควันไฟ หายใจไม่ออก นำโชคถือขวานเข้า เขาชูขวาน
“ได้แล้ว...เอาวางกับพื้น แล้วถอยไปห่าง ๆ”
มะเฟืองเอาโซ่วางกับพื้น ก่อนจะถอยไปอย่างว่าง่าย นำโชคใช้ขวานตัดโซ่ 2 - 3 ครั้ง มะเฟืองมองอย่างมีแผน ค่อย ๆ คว้าไม้เท้าของพ่อที่ตกอยู่ มาถือไว้ พอโซ่ขาด มะเฟืองก็พูดกับนำโชคอย่างเลือดเย็น
“นี่คือผลตอบแทนที่แกทำกับฉัน”
นำโชคหันมา มะเฟืองใช้ไม้เท้าของพ่อหวดตรงก้านคอมันอย่างแรงจนหน้าหงายไป ก่อนจะตามเข้าไปซ้ำ
“จำไว้ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นแก ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นแก อย่าทำกับฉันอย่างนี้อีก”
มะเฟืองหวดจนนำโชคแน่นิ่งไป ก็ทิ้งไม้เท้าวิ่งหนีออกจากห้องไป
มะเฟืองวิ่งออกมาเห็นพ่อนั่งสะลึมสะลือ อยู่ท่ามกลางเปลวไฟก็ตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น...”
วันชัยนั่งสะลึมสะลือตอบมะเฟืองไม่ได้ มะเฟืองเลยยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่ เข้าไปเขย่าตัวถาม
“ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น”
มะเฟืองเห็นพ่อไม่ตอบ ทั้งกลัวทั้งตกใจ คิดสับสนเหมือนคนเสียสติ
“หรือว่าแกโกรธที่ฉันวางยาแก แกก็เลยคิดจะเผาฉันทั้งเป็น” เธอหันไปเขย่าตัวพ่อถาม “แกคิดจะเผาฉันทั้งเป็นใช่มั้ย ใช่มั้ย ๆ ๆ”
วันชัยสะลึมสะลือไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ ครางในลำคอเบา ๆ
“พ่อไม่ได้ทำ ช่วยด้วย ช่วยพ่อด้วย”
มะเฟืองคุ้มคลั่ง
“ช่วยเหรอ เมื่อกี๊แกเกือบจะฆ่าฉัน มาอ้อนวอนให้ฉันช่วยทำไม แน่จริงก็ไปขอให้นังเนตรลูกสาวตัวดีของแกช่วยสิ”
“นังลูกทรพี”
มะเฟืองเข้าไปจับตัวพ่อเขย่า
“ใช่ ฉันมันลูกทรพี ส่วนแกมันไม่ได้เรื่อง จะมาทวงบุญคุณห่าเหวอะไรตอนนี้ อยากจะไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกที่ไหนก็ตามใจ”
มะเฟืองผลักพ่ออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ วันชัยโกรธที่มะเฟืองเป็นไปได้ขนาดนี้ ตะโกนสวนออกไปอย่างโกรธเกี้ยว
“ถ้าฉันเลี้ยงให้แกเป็นคนดีไม่ได้ แกก็อย่าหวังจะมีชีวิตอยู่เลยนังมะเฟือง”
วันชัยรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายไปรวบตัวไว้ มะเฟืองร้องกรี๊ด ก่อนจะล้มกลิ้งไปบนพื้นด้วยกัน มะเฟืองดิ้นสู้ ทั้งเตะทั้งถีบ พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด
“อย่านะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังไม่อยากตาย”
มะเฟืองรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย ผลักพ่อเข้ากองไฟ พ่อร้องดิ้นด้วยความเจ็บปวดสาปแช่งมะเฟือง
“โอ๊ยย อ๊ากกก อีมะเฟือง อีลูกทรพี กูขอสาปแช่งมึง ขออย่าให้มึงมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ขอให้มึงฉิบหาย ขอให้มึงมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานกับเวรกรรมที่มึงก่อไว้ กูขอสาปแช่งมึง กูขอสาปแช่งมึง”
มะเฟืองสวนแรงไม่อยากฟัง
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่มีวันเป็นอย่างที่แกสาปแช่ง”
ทันใดนั้นคานหลังคาที่ลุกติดไฟ หล่นลงมาตรงหน้ามะเฟือง มะเฟืองร้องกรี๊ดก่อนจะวิ่งหนีไปที่ประตูบ้านอย่างคนเสียสติ...เธอพยายามเปิดประตูบ้านแต่ประตูบ้านล็อกเปิดไม่ได้ มะเฟืองเสียขวัญ ทุบประตูร้องให้คนช่วย
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย เปิดประตูให้ฉัน...เปิด...ฉันบอกให้เปิด...เปิด...”
มะเฟืองร้องไห้อย่างสิ้นหวัง ทันใดนั้นก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างมาได้
“ประตูหลังบ้าน !”
มะเฟืองลุกขึ้นจะวิ่งออกไปทางประตูหลังบ้าน แต่ต้องตกใจสุดขีด ร้องออกมาเสียงดัง เมื่อเห็นนำโชคร่างโชกเลือดยืนถือขวานมองอยู่
“นี่แกยังไม่ตาย...”
นำโชคเห็นฝ้าเพดานที่ติดไฟกำลังจะถล่มลงมา ร้องบอกมะเฟือง
“ใจเย็น ๆ มะเฟือง...ยืนอยู่ตรงนั้น อย่าขยับไปไหน”
นำโชคจะเดินเข้าไปช่วยมะเฟือง แต่มะเฟืองตกใจกลัวถอยหนีลนลานเหมือนคนเสียสติ
“แกจะทำอะไรฉัน อย่าเข้ามา ฉันบอกอย่าเข้ามา ฉันไม่ได้ตั้งใจ อย่าทำอะไรฉัน”
นำโชคตะโกนห้ามเสียงดัง กลัวมะเฟืองจะเป็นอันตราย
“มีสติหน่อยสิ เรากำลังจะช่วยเธอนะมะเฟือง”
นำโชคทิ้งขวานในมือจะเข้าไปช่วย มะเฟืองตกใจ
“ฉันกลัวแล้ว ฉันกลัวแล้ว...”
มะเฟืองวิ่งหนีไป นำโชค พุ่งเข้าไปรวบร่างของเธอไว้
“มะเฟือง”
ทันใดนั้นฝ้าเพดานก็ถล่มลงมา
สนามบินดอนเมือง...กระเป๋าถือของงามเนตรขาดลง ข้าวของตกกระจายเกลื่อนพื้น เธอชะงักก้มลงเก็บของ นิดาที่ไปส่งขึ้นเครื่องหันมาถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรเหรอเนตร”
“กระเป๋าขาด”
“ใบนี้เพิ่งซื้อไม่ใช่เหรอ”
นิดาเข้าไปช่วยเก็บของ งามเนตรเก็บกระเป๋าตังค์ที่ตกอยู่ขึ้นมา เห็นรูปพ่อตกอยู่ก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
“ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีเลยนิดา”
นิดาหลุดปาก
“จะมาสังเห่าสังหรณ์อะไรตอนนี้ แค่ไปเที่ยวไม่กี่วันเอง”
งามเนตรแปลกใจ
“ว่าไงนะ”
นิดารู้ตัวรีบกลบเกลื่อน
“เอ่อ...ฉันหมายถึงว่าไปเที่ยวนี้แค่ไม่กี่วันเอง ไปถึงแล้วค่อยโทรหาพ่อก็ได้”
งามเนตรพยักหน้ารับรู้ แต่ยังไม่หายกังวล หันมาเก็บของต่อ ทันใดนั้นเท้าใครบางคนเดินเข้ามา งามเนตรชะงัก ก่อนจะเห็นว่าเป็นเอกภพช่วยก้มลงเก็บของให้ งามเนตรลุกขึ้นคุยกับเอกภพ
“คุณภพ ! มาที่นี่ได้ไงคะ”
“พอดีผมมีธุระสำคัญต้องไปภูเก็ตน่ะครับ”
“ไปภูเก็ต”
“ครับ พาภรรยาไปฮันนีมูน...ไปกับผมนะครับ”
นิดาเซ็ง
“บอกให้เจอกันบนเครื่องก็ไม่เชื่อ เดี๋ยวเนตรก็ไม่ยอมไปหรอก”
งามเนตรงง
“นี่เธอรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”
“ก็เออสิ ไปเคลียร์กันเอาเองแล้วกัน ฉันไปดีกว่า”
นิดาปลีกตัวออกมาอย่างเซ็ง ๆ เอกภพอธิบายให้งามเนตรฟัง
“อย่าไปโกรธนิดาเลยครับ เค้าแค่อยากเห็นเราสองคนมีความสุข แล้วผมก็ขออนุญาตพ่อคุณแล้วด้วย ไปกับผมนะครับ แค่ 2 วันเอง พ่อคุณคงดีใจมากถ้าเห็นลูกสาวที่ท่านรักมีความสุข”
งามเนตรลังเล...จะไปดีไม่ดี ทันใดนั้นเสียงข่าวสั้นต้นชั่วโมง จากโทรทัศน์ในห้องพักผู้โดยสารเสียงดังขึ้น
“มีข่าวด่วนแจ้งเข้ามาค่ะว่าเกิดไฟไหม้ในซอยชุมชนร่มเย็น...”
งามเนตรยิ้มอ่อนตอบเขา
“ค่ะ”
เธอยื่นมือให้เขาจับ เอกภพจูงมือไป เสียงจากผู้ประกาศข่าวในโทรทัศน์ดังแว่วมา
“โดยบ้านต้นเพลิงเป็นบ้านของนายโสภณและนางวิภา สุทธิรักษ์...”
งามเนตรที่เดินไปกับเอกภพได้ยินชื่อพ่อก็ชะงักหันมาดูข่าว นิดาที่เดินออกมาเข้ามาสมทบ
“เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระดมกำลังกันดับไฟกว่าหนึ่งชั่วโมงไฟจึงจะสงบ ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ความคืบหน้าเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบให้ข่าวช่วงต่อไป”
นิดาตกใจ
“นั่นบ้านเธอนี่เนตร”
“พ่อ”
งามเนตรคิดถึงพ่อก็รีบวิ่งออกไปด้วยความตกใจ เอกภพกับนิดารีบตามไป
ภัสสรนั่งดูข่าวเดียวกันนั้นก็ผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ
“ตายจริง บ้านหนูเนตรไฟไหม้” ภัสสรหันไปสั่งชม “โทรหาตาภพให้ฉันหน่อย”
“ค่ะ”
ชมรีบลุกขึ้นเดินออกไปอย่างร้อนใจ...บัวเดินเข้ามาด้วยความกลัวลนลาน ชนกับชมที่จะเดินเข้ามาโทรศัพท์พอดี ล้มลง พอชมตั้งหลักได้ก็ด่าบัว
“ซุ่มซ่ามจริงแก” ชมนึกขึ้นได้ “ไหนว่าไปบ้านคุณเนตร เป็นยังไงบ้าง”
บัวกลัวลนลาน
“อะไรเป็นยังไงฉันไม่รู้เรื่อง”
น้องเมีย ตอนที่ 11 (ต่อ)
“ก็ไหนข่าวบอกว่าบ้านคุณเนตรไฟไหม้”
บัวร้อนตัวลนลาน
“ฉันไม่ได้เป็นคนเผาบ้านคุณเนตรนะน้า ฉันไม่รู้เรื่อง”
“เอ๊ะ นังนี่ ฉันก็ไม่ได้บอกว่าแกทำสักหน่อย” ชมสังเกตเห็นบัวท่าทางมีพิรุธ “แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้น หรือว่าไปแอบทำอะไรผิดมาหรือเปล่า”
“ก็ฉันบอกแล้วไง ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่รู้เรื่อง”
บัวรีบวิ่งหนีออกไป ชมงง
“อะไรของมัน” ชมนึกขึ้นได้ “ว้าย ! ลืมไปต้องโทรหาคุณภพ”
ชมรีบวิ่งไปโทรหาเอกภพ
รถพยาบาล รถดับเพลิง ไทยมุงและซากบ้านที่หลงเหลือจากไฟไหม้ เจ้าหน้าที่ช่วยกันลากตัววิภาที่เข้าไปคุ้ยหาของมีค่าจากซากกองเพลิงออกมา
“เข้าไปไม่ได้นะครับคุณ อันตราย”
วิภากอดซองเอกสาร รวมทั้งเสื้อผ้าและข้าวของมีค่าที่หยิบฉวยออกมาได้ ร้องโวยวายเหมือนคนเสียสติ
“ทำไมจะเข้าไปไม่ได้ หรือว่าแกจะขโมยของของฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อย ฉันจะเข้าไปเอาของของฉัน”
เจ้าหน้าที่ดึงวิภาออกมาที่ปลอดภัย วิภาเปิดซองกระดาษเปียกน้ำออกดูเห็นว่าโฉนดบ้านอยู่ครบก็โล่งอก
“โฉนดยังอยู่...”
จังหวะเดียวกันนั้น เอกภพ งามเนตร นิดาวิ่งเข้ามาถึงพอดี เห็นมะเฟืองนั่งซึมอยู่ที่รถพยาบาลหน้าตาท่าทางดูมอมแมมและอิดโรยเพราะเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆมา นำโชคเอาน้ำมาให้กิน แต่มะเฟืองเบือนหน้าหนี อย่างเย็นชา นำโชคถอนหายใจ งามเนตรเห็นน้องยิ้มดีใจ วิ่งเข้าไปหา
“พ่อเป็นยังไงบ้างมะเฟือง”
พอได้ยินคำว่า “พ่อ” มะเฟืองก็ปล่อยโฮออกมา งามเนตรใจไม่ดี พอเห็นวิภาเดินหอบข้าวของมา ก็เข้าไปจับแขนถาม
“พ่อล่ะน้าวิ”
“ฉันจะไปรู้เหรอ”
วิภาสะบัดแขนงามเนตรออก แล้วเดินไป งามเนตรหันรีหันขวางไม่รู้จะขอความช่วยเหลือใคร ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ร้องดังมา
“เจอตัวแล้ว เจอตัวแล้ว”
งามเนตร เอกภพ นิดาหันไปตามเสียงเห็นเจ้าหน้าที่หิ้วห่อผ้าขาวที่มีร่างวันชัยที่นอนหงิกเป็นตอตะโกออกมา พองามเนตรเห็นเสื้อพ่อบางส่วนที่ไหม้ไม่หมด ก็โผเข้าไปกอดพ่อ ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ
“พ่ออออ”
เจ้าหน้าที่ร้องห้าม
“ขอทางด้วยครับ ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อน”
เอกภพกับนิดาต้องเข้าไปช่วยกันลากตัวงามเนตรออกมา งามเนตรกรีดร้องเสียงดังก่อนจะเป็นลมไป
“เนตร”
เอกภพตกใจเข้าไปประคองไว้
ภัสสรพูดโทรศัพท์ ถามเอกภพด้วยความเป็นห่วง
“ลูกกับหนูเนตรปลอดภัยก็ดีแล้ว แล้วนี่จะทำยังไงกันต่อ”
“ก็คงต้องเคลียร์เรื่องพ่อให้เสร็จก่อน ยังไงเย็นนี้คุณแม่ช่วยเตรียมห้องไว้ให้เราด้วยนะครับ ผมคงต้องกลับไปอยู่นั่น”
มะเฟืองที่นั่งอยู่หันมามอง ด้วยความสนใจ
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวทางนี้แม่จัดการเอง...” ภัสสรวางสายหันมาสั่งชม “เตรียมห้องให้ลูกชายฉันด้วย เขาจะกลับมาอยู่บ้าน”
บัวที่แอบฟังอยู่ยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง
รถเอกภพเลี้ยวเข้าประตูรั้วมา มะเฟืองที่นั่งอยู่ตรงเบาะด้านหลัง มองผ่านกระจกรถ เห็นแสงไฟจากตัวบ้านยามค่ำคืน ก็ยิ้มออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ
มะเฟืองเดินดูความโออ่าและข้าวของที่ประดับตกแต่งภายในบ้าน ด้วยสีหน้าแววตามีความหวัง
เหมือนกับว่าได้ของทุกอย่างเป็นของตัวเองหมดแล้ว ขณะเดียวกันบัวก็เดินมาจากอีกมุม พูดกับตัวเองแววตามีความสุข ไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่ตัวเองทำ
“จะว่าฉันร้ายไม่ได้ ในเมื่อแกกับพ่อแกรนหาที่เอง”
บัวยิ้มเยาะ ก่อนจะเดินพ้นเหลี่ยมมุมของบ้านออกมาเจอกับมะเฟืองที่เดินดูข้าวของอยู่พอดี พอบัวเห็นหน้ามะเฟืองก็ตกใจร้องกรี๊ด เพราะคิดว่าผีหลอก
“กรี๊ด ผีหลอก” บัวกลัวลนลาน “ฉันกลัวแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจ อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา”
มะเฟืองเห็นบัวกลัวลนลานก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ถามอย่างเซ็ง ๆ
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก”
มะเฟืองปราดเข้าไปจะเอาเรื่อง บัวยิ่งตกใจ พนมมือไหว้ไม่กล้าสู้เพราะคิดว่าผี
“อย่าทำอะไรฉัน ฉันกลัวแล้ว เดี๋ยวฉันจะทำบุญกรวดน้ำไปให้ อย่าทำอะไรฉัน”
เอกภพกับงามเนตรที่เดินตามหลังมาได้ยินเสียงเอะอะ เข้ามา งามเนตรเข้าไปแยก เอกภพถามเสียงเข้ม
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ก็มันหาว่าฉันเป็นผี”
เอกภพหันมาดุบัว
“ไปว่าเขาทำไมบัว”
บัวชะงัก
“นี่แกยังไม่ตาย”
“ก็เออสิ หรือว่าแกอยากตาย”
มะเฟืองปราดจะเข้าไปเอาเรื่องบัวอีก เอกภพกับวามเนตรต้องช่วยกันจับตัวไว้ ภัสสรกับชมได้ยินเสียงเอะอะ รีบเข้ามาดู
“เสียงเอะอะไรกันบัว”
ภัสสรเดินเข้ามาเห็นเอกภพกับงามเนตร ก็ทักทาย
“อ้าว ! มากันแล้วเหรอ...” ภัสสรเห็นมะเฟืองก็แปลกใจ “แล้วนี่...”
“มะเฟืองครับคุณแม่...เธอจะมาอยู่กับเราด้วย 2 - 3 วันจนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้”
บัวแทรกทันที
“แต่ที่นี่ไม่สถานสงเคราะห์หมาจรจัดนะคะคุณภพ”
“แกสิหมาจรจัด”
มะเฟืองปราดจะเข้าไปเอาเรื่อง ภัสสรตกใจ
“ว้ายนี่มันอะไรกัน”
งามเนตรรีบร้องห้ามน้อง
“หยุดเดี๋ยวนี้มะเฟือง”
มะเฟืองไม่ยอมแพ้
“ก็มันมาด่าฉันก่อน”
บัวไม่ยอมลดละ
“ถ้าจะให้จุดธูปไหว้ก็รีบตายๆ ไปสิ”
บัวปราดเข้าไปจะเอาเรื่อง ชมเสียงดังขึ้น
“นี่ขนาดอยู่ต่อหน้าคุณผู้หญิงนะนังบัว”
“ก็มัน...”
บัวพูดไม่ทันจบ ภัสสรก็พูดเสียงเขียวด้วยความรำคาญ
“พอกันทั้งคู่นั่นแหละ”
พอเห็นว่าภัสสรเอาจริง มะเฟืองกับบัวก็ฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะรามือกันไป ภัสสรมองมะเฟือง
“ถ้าจะอยู่ก็อย่ามาก่อเรื่อง” ภัสสรหันไปหางามเนตร “ฉันเสียใจเรื่องพ่อด้วย”
ภัสสรพูดเสร็จเดินออกไป งามเนตรมองหน้าเอกภพอย่างเกรงใจ
ชมเปิดประตูเข้ามาในห้อง พลางอธิบายให้มะเฟืองที่เดินตามหลังฟัง
“ปกติห้องนี้จะใช้รับรองแขกของคุณผู้หญิง มาอยู่แล้ว ก็ช่วยกันดูแลด้วย”
มะเฟืองมองรอบๆห้อง ก่อนจะนั่งลงเด้งๆ บนเตียงด้วยความพึงพอใจ ชมตำหนิ
“น้ำยังไม่อาบเดี๋ยวก็เปื้อนหมดหรอก”
มะเฟืองชะงักหันมอง ชมพูดอย่างเสียไม่ได้
“ห้องน้ำอยู่ทางโน่น ผ้าขนหนูอยู่ในตู้ ใช้เสร็จก็พับใส่ตะกร้า เดี๋ยวมีคนจัดการให้ มีอะไรสงสัยอีกหรือเปล่า”
มะเฟืองลุกขึ้นถาม
“ฉันอยากรู้ว่านังเนตร...”
ชมสะดุดหูกับคำว่า “นังเนตร” หันขวับมามองหน้ามะเฟืองเชิงตำหนิ มะเฟืองรู้ตัวว่าหลุดปากไป รีบเปลี่ยนคำพูด ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฉันหมายถึงพี่สาวฉันอยู่ห้องไหน”
ภัสสรกำลังเลือกชุดเก่าๆของตัวเองให้มะเฟือง โดยมีบัวคอยช่วยหยิบเสื้อผ้าออกจากตู้มาให้
“เสื้อเก่าๆ พวกนี้ยังดีอยู่เลย แกรุ่นราวคราวเดียวกันช่วยฉันเลือกหน่อย เด็กมะเฟืองนั่นจะได้มีใส่แกขัดไปก่อน”
บัววางเสื้อผ้าลงบนเตียงอย่างไม่พอใจ ภัสสรชะงัก บัวคุกเข่าลงนั่ง
“ทำไมคุณผู้หญิงต้องญาติดีกับมันด้วย มาถึงไม่ทันไรก็พ่นพิษใส่บัวซะแล้ว อีกหน่อยมันคงลุกขึ้นงาบคุณภพไม่เห็นหัวด้วยคุณผู้หญิงแน่ๆ”
ภัสสรตอบไม่สนใจมองบัว
“จะพูดจะจาอะไรระวังปากไว้บ้าง”
“บัวหวังดีนะคะ บัวไม่อยากให้คุณผู้หญิงหรือใครต้องมาเสียใจภายหลัง”
“ลูกนกลูกกาหลงมายังต้องดูแล แล้วนี่นับประสาอะไรกับคนทั้งคน จะให้ฉันดูดายได้ยังไง”
“แต่ช่วยเหลือใครก็ต้องดูด้วยนะคะ ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้า เดี๋ยวจะเข้าตำราชาวนากับงูเห่า”
ภัสสรวางมือจากการเลือกหันมาดุบัว
“ตกลงแกกับฉันใครเป็นเจ้านายใครกันแน่”
บัวจ๋อย
“คุณผู้หญิงค่ะ”
“รู้ตัวก็ดีแล้ว...เด็กมะเฟืองนั่นอาจจะหน้าตาท่าทางไม่น่าไว้ใจ แต่ที่ฉันยอมก็เพราะเชื่อใจและสงสารหนูเนตร ว่าแต่แกเหอะ ถ้ารู้ตัวว่าเป็นขมิ้นกับปูนกับเด็กคนนั้นก็อยู่ห่างๆ กันหน่อยแล้วกัน อย่าทำให้ฉันขายขี้หน้า ฉันไม่อยากให้ใครเอาไปด่าลับหลังได้ว่าคนบ้านนี้แล้งน้ำใจ”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
บัวรับคำเสียงอ่อย ภัสสรหันไปเลือกเสื้อผ้าต่อ บัวเจ็บใจ คิดหาทางกำจัดมะเฟือง
งามเนตรพามะเฟืองเดินดูไปทั่วๆห้อง พอมะเฟืองเห็นว่าห้องงามเนตรใหญ่กว่าสวยกว่าก็ไม่พอใจ หันมาเหวี่ยงพี่สาว
“ทำไมห้องแกสวยกว่าใหญ่กว่าห้องฉัน”
“มันเป็นห้องนอนเดิมคุณเอกภพ”
“งั้นแกก็ไปบอกนังคุณผู้หญิงอะไรนั่นเปลี่ยนให้ฉันสิ”
“จะให้พี่ทำอย่างนั้นได้ไง เราเป็นแค่คนอาศัยนะมะเฟือง”
“แต่แกเป็นเมียเขา แล้วฉันก็เป็นน้องแก ถ้าแกไม่กล้าเดี๋ยวฉันไปบอกเอง”
มะเฟืองทำท่าจะเดินออกจากห้องไป งามเนตรเข้าไปขวางไว้
“หัดเกรงใจคนอื่นบ้างสิ”
“แล้วทำไมต้องเกรงใจ หรือว่าแกกลัวเขาเฉดหัวออกจากบ้าน จริงสิแกมันหลงผัวจนลืมพ่อ ทิ้งให้พ่อตายในกองไฟ ถ้าแกไม่ทิ้งพ่อไประเริงกับผัวใหม่ ป่านนี้พ่อคงไม่ตาย”
คำพูดของมะเฟือง สะกดแผลที่อยู่ในใจ งามเนตรถึงกับสะอึกไป น้ำตาคลอเบ้าพูดไม่ออก
“พี่ไม่เคยคิดอย่างนั้นนะมะเฟือง”
“งั้นแกก็เถียงสิว่าไม่จริง เถียงสิว่าถ้าแกอยู่ด้วยคงช่วยพ่อออกมาทัน เถียงสิว่าแกไม่ดีใจที่ไปฮันนีมูนกับผัวสองคน เถียงสิว่าแกไม่รู้สึกอะไรเลย เถียงสิว่าแกไม่เคยสำนึกว่าทั้งหมดเป็นความผิดแก”
งามเนตรทนไม่ไหว เข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
“พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ”
มะเฟืองก้มลงบีบแขน ยกตัวพี่สาวขึ้นมา
“รู้สึกผิดมากใช่มั้ย งั้นก็ดี รู้สึกผิดให้มากๆ เพราะแกจะต้องอยู่กับมันไปอีกนาน...แกจะได้สำเหนียกได้ว่าแกเป็นคนทำให้พ่อตาย” มะเฟืองเขย่าตัวพี่สาวอย่างแรง “แกเป็นคนทำให้พ่อตาย แกเป็นคนทำให้พ่อตาย”
คำพูดของมะเฟืองทำให้งามเนตรปล่อยโฮออกมาสุดกลั้น แขนขาอ่อนแรง หัวใจเหมือนถูกกรีดออกมาเป็นชิ้นๆ ทันใดนั้นเอกภพก็โผล่เข้ามา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ถามนังเมียตัวดีของคุณดูสิ”
มะเฟืองผลักงามเนตรล้มลง ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่ใยดี เอกภพรีบเข้าไปประคองให้ลุกขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนตร บอกผมได้มั้ย มันเรื่องอะไรกัน”
มะเฟืองกระฟัดกระเฟียดเดินออกจากห้องมาด้วยความไม่พอใจ เจอบัวเดินหอบเสื้อผ้าภัสสรเข้ามาอย่างไม่เป็นมิตร
“คุณผู้หญิงให้เอามาให้”
บัวโยนเสื้อผ้าใส่หน้า มะเฟืองโกรธจะเข้ามาเอาเรื่อง
“นี่ !”
บัวสวนแรงจนมะเฟืองต้องชะงัก
“ฉันรู้ว่าแกมานี่ต้องการอะไร แต่ฉันจะบอกอะไรไว้อย่าง...มันไม่ง่าย ฉันไม่มีวันยอมให้หมาจรจัดอย่างแก เข้ามาลักกินขโมยกินของในบ้านนี้เด็ดขาด”
“ฉันลงทุนทำอย่างเพื่อให้ได้มาที่นี่ แกคิดว่าฉันจะยอมให้คนอย่างแกขวางทางฉันงั้นเหรอ”
“ยอมไม่ยอมฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าคุณภพไม่มีวันชายตามองผู้หญิงอย่างแกเด็ดขาด”
“งั้นเขาคงมองแกสิ ถึงมาเต้นเร่าๆ เห่าคนอื่นเป็นหมาหวงก้าง”
“กะลาคงใหญ่ไม่พอหน้าแก ถึงไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลชะโงกดูเงาหัวตัวเองซะบ้าง ตัวใหญ่ยังกะวัว เหมาะเอาไปไถนามากกว่าทำเมีย”
มะเฟืองโกรธย้อนทันควัน
“แล้วแกล่ะหุ่นยังกะหมากระเป๋า คิดว่าจะมีผู้ชายหน้าไหนจะแกเอาไปทำพันธุ์”
“หุบปากอีวัว”
“งั้นก็เลิกเห่าซะทีสิอีหมากระเป๋า”
ทั้งสองปราดเข้าไปยื้อยุดฉุดกระชากกัน ชมที่เดินผ่านมาพอดี เข้ามาห้ามทัพ
“อ้าวๆไม่ทันไรก็กัดกันเหมือนหมาซะแล้ว อยากถูกเฉดหัวออกจากบ้านนี้ทั้งคู่ใช่มั้ย”
มะเฟืองกับบัวผละออกจากกัน บัวชี้หน้าด่าอย่างไม่สบอารมณ์
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“มาเอาเมื่อไร่บอกแล้วกันจะแถมดอกให้ด้วย”
มะเฟืองหอบเสื้อผ้าที่ภัสสรให้เดินกระแทกไหล่บัวออกไป บัวฮึดฮัดจะเอาเรื่องพอเห็นชมยืนมองก็ด่าชม
“น้าไม่น่ามาห้ามฉันเลย ไม่อย่างนั้น ฉันได้เอาเลือดหัวมันออกแน่”
บัวพูดเสร็จเดินไปอีกทาง ชมตะโกนด่าไล่หลัง
“เออเอ็งมันเก่ง อยากรู้นักถ้าถูกเฉดหัวออกจากบ้านหลังนี้จะทำหน้ายังไง”
ชมส่ายหน้าระอา
เอกภพใช้กระดาษทิชชู่เช็ดน้ำตาให้ งามเนตรไม่อยากให้เขาไม่สบายใจเลยเลี่ยงตอบ
“เนตรหน้ามืดน่ะค่ะ มะเฟืองเลยเข้ามาช่วยประคอง”
เอกภพรู้ว่าเธอโกหก จึงไม่พอใจ
“ทะเลาะกันเสียงดังขนาดนั้นคุณยังโกหกผมอีกเหรอเนตร”
“เนตรเปล่านะคะ”
“งั้นบอกผมมามีเรื่องอะไรกัน ผมจะได้ช่วยเคลียร์ให้ หรือว่ามะเฟืองมาพูดอะไรให้คุณไม่สบายใจอีก”
“เปล่าค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปถามมะเฟืองเอง”
เอกภพทำท่าจะลุกขึ้นไปหามะเฟือง งามเนตรรีบรั้งแขนไว้
“อย่าค่ะ เนตรแค่เสียใจเรื่องพ่อ...”
“แน่ใจนะว่าแค่นี้”
“เอ่อคือว่า...คือ...”
งามเนตรไม่อยากให้เขาเป็นกังวลใจเพราะเรื่องนี้ หาทางเลี่ยง เอกภพเหนื่อยใจ
“ผมเข้าใจแล้ว...ถ้าคุณไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผมแล้วกัน”
เอกภพเซ็ง ลุกขึ้นเดินออกไปอย่างไม่พอใจ
มะเฟืองนั่งดูชุดของภัสสรที่บัวเอามาให้ด้วยความไม่พอใจ
“แหวะ มีแต่ของเก่า”
มะเฟืองโยนชุดทิ้งอย่างไม่ใยดี ลุกขึ้นถอดเสื้อจะไปอาบน้ำ ทันใดนั้นเอกภพก็ถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างลืมตัว
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน...”
มะเฟืองที่กำลังจะถอดเสื้อชะงัก หันมอง เอกภพรู้สึกเก้อกระดากที่ตัวเองเสียมารยามเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตู
“ขอโทษที่” เอกภพทำตัวไม่ถูก “ผมออกไปก่อนดีกว่า”
เอกภพทำท่าจะเดินออกไป มะเฟืองรีบพูดขึ้น
“เรื่องพี่เนตรใช่มั้ยคะ มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ มะเฟืองรำคาญเต็มทีแล้ว”
มะเฟืองเดินออกไปขวางหน้าไว้ เอกภพตัดสินใจพูด
“ผมรู้ว่าคุณไม่ถูกกัน แต่มีอะไรก็น่าจะคุยกันดีๆ ตอนนี้เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง”
มะเฟืองทำเหมือนไม่สนใจ จงใจยั่ว ด้วยการรวบผมหันหลังให้เขาช่วยปลดกระดุมเสื้อให้
“ช่วยปลดกระดุมให้ฉันหน่อยสิคะ...”
เอกภพเห็นต้นคอและแผ่นหลังเนตรก็รู้สึกหวั่นไหว ลังเลว่าจะถอดให้หรือออกไปดี มะเฟืองทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จงใจพูดเรื่องเนตรเพื่อรั้งไว้
“พี่เนตรคงฟ้องคุณอีกตามเคย”
เอกภพจำเป็นต้องช่วยถอดให้
“เนตรไม่ได้ฟ้อง ผมแค่ไม่อยากเห็นคุณสองคนผิดใจกัน เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
มะเฟืองหันมาถอดเสื้อตัวนอกออก พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“งั้นคุณจะมาแคร์ทำไมล่ะคะ”
มะเฟืองเดินเข้าห้องน้ำไป เอกภพกระดาก
“ผมไม่อยากให้แม่รู้สึกไม่ดีกับคุณนะมะเฟือง จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ”
มะเฟืองจงใจแง้มประตูห้องน้ำไว้ไม่ปิดให้สนิท...ได้ยินเสียงเหมือนมะเฟืองเปิดก๊อกน้ำดังมา มะเฟืองพูดออกมาจากใจห้องน้ำด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“แล้วทำไมคุณไม่บอกพี่เนตรบ้างล่ะคะ รู้ทั้งรู้ว่ามะเฟืองเป็นคนแบบนี้ ยังจะขัดใจอีก ถ้าไม่คิดว่ามะเฟืองเป็นน้อง ก็น่าจะเห็นแก่พ่อที่ชีวิตบ้าง...ไม่เห็นต้องเอาชนะกันเลย”
ระหว่างที่มะเฟืองพูด เอกภพอดไม่ได้ตามประสาผู้ชาย ค่อยๆมองมะเฟืองผ่านช่องประตูที่แง้มอยู่อย่างลืมตัว...ขณะกำลังจะเห็นมะเฟืองเปลือย มะเฟืองก็โยนเสื้อผ้ารวมทั้งชุดชั้นในออกมากองหน้าประตู เอกภพได้สติรีบบอกมะเฟือง แก้เกี้ยว
“ผมว่าผมออกไปก่อนดีกว่า คุณจะได้อาบน้ำ พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”
เอกภพทำท่าจะเดินออกไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงมะเฟืองสะอื้นไห้...
“มะเฟืองไม่ดีเอง...มะเฟืองเป็นคนทำให้พ่อตาย”
เอกภพชะงักหันมามองช่องประตูที่แง้มอยู่ ไม่เห็นมะเฟือง ก็ลังเลว่าจะทำยังไงดี ถ้าเข้าไปก็กลัวเสียมารยาท แต่ถ้าถอยออกมาก็เป็นห่วงมะเฟือง กลัวว่าเธอจะคิดมาก จึงค่อยๆเดินไปที่ประตู
“ถ้าตอนนั้นมะเฟืองมีความกล้ามากกว่านี้ มะเฟืองคงจะช่วยพ่อออกมาได้”
มะเฟืองสะอื้นไห้เสียงดังขึ้น
“ตอนนี้มะเฟืองไม่เหลือใครแล้ว ทุกคนรวมทั้งพี่เนตรก็โทษว่าเป็นความผิดมะเฟือง แล้วมะเฟืองจะทนมีชีวิตต่อไปยังไง...”
“คุณยังมีผมนะมะเฟือง อย่าคิดมากสิครับ ไม่มีใครโทษว่าเป็นความผิดคุณหรอก”
“ช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อยสิคะ”
เอกภพที่เดินมาถึงประตูชะงักไป มองหาผ้าเช็ดตัววางอยู่ หยิบส่งให้ผ่านช่องประตู มะเฟืองรับผ้าขนหนูมา
“นอกจากพ่อก็มีคุณนี่คะที่เข้าใจมะเฟือง...”
มะเฟืองนุ่งกระโจมอกเปิดประตูห้องน้ำออกมา เอกภพเห็นหยดน้ำเกาะบริเวณเนินอก หัวไหล่ แขนขาก็รู้สึกหวั่นไหน
“อย่าทิ้งมะเฟืองไปไหนนะคะ” มะเฟืองอ้อน
เอกภพรู้ตัวว่าตบะกำลังจะแตก รีบผละออกมา
“ผมว่ามะเฟืองรีบนอนเถอะ พรุ่งนี้คงต้องวุ่นเรื่องพ่อทั้งวัน”
เอกภพเดินออกจากห้องไป มะเฟืองยิ้มเยาะ
“อยากรู้นักจะทนได้แค่ไหน”
เอกภพนอนบนเตียงด้วยความกระสับกระส่ายงุ่นง่าน คิดถึงภาพมะเฟืองตอนเดินออกมาจากห้องน้ำ พอรู้สึกผิดก็หันไปมองงามเนตร เห็นเธอนอนหันหลังให้เขาทั้งคืน ก็ถอนหายใจ...พยายามข่มตานอนหลับ
วันต่อมา....งานศพวันชัยจัดขึ้นที่วัด เอกภพและกันตาในชุดดำไว้ทุกข์เดินคุยกันมาบริเวณที่ตั้งศพ
“เสียใจด้วยนะคะสำหรับเรื่องพ่อคุณเนตร...ว่าแต่คุณเนตรอยู่ไหนคะ ฉันยังไม่เห็นเลย”
เอกภพหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“คงเตรียมงานอยู่ทางด้านโน่น”
“ทำไมพอพูดถึงคุณเนตรต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะคะ หรือว่ามีปัญหาอะไรกัน”
เอกภพถอนหายใจ เหนื่อยใจ
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเนตรมีอะไรถึงไม่พูดกับผมตรงๆ”
“เพราะเขาไม่อยากให้คุณเป็นห่วงยังไงล่ะคะ”
“แล้วไม่คิดว่าทำอย่างนี้ผมจะยิ่งเป็นห่วงเหรอครับ...”
“ใจเย็นๆสิคะ คุณเนตรเพิ่งเสียพ่อไป น่าจะให้เวลาเธอบ้าง”
“แต่ผมกลัวว่าถ้านานกว่านี้อะไร ๆ จะไม่เหมือนเดิม...”
เอกภพนึกเรื่องเมื่อคืนก็ไม่สบายใจ กันตาสังเกตเห็นความหวั่นวิตกในแววตาเอกภพ
“หมายความว่ายังไงคะ...”
“เปล่าครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณพลอยไม่สบายใจไปด้วย ขอบคุณนะครับที่มา”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ คุณยุ่งขนาดนี้ ยังอุตส่าห์ตามงานให้ฉันไม่ขาดตกบกพร่อง”
กันตายิ้มอ่อนโยนให้ เอกภพยิ้มตอบ
หลังพระสวด เอกภพเดินกระฟัดกระเฟียดมาอย่างไม่สบอารมณ์จากงานศพ เพราะเห็นมาวินนั่งคุยอยู่กับงามเนตรตลอดเวลา ทันใดนั้นเสียงมะเฟืองก็ดังขึ้น
“พี่เนตรก็อย่างนี้ล่ะคะ...”
เอกภพหันไปเห็นมะเฟืองที่ใส่สายเดี่ยวกางเกงขาสั้นไม่ได้ไว้ทุกข์พ่อ ยืนพิงรถยั่วอยู่
“ชอบเห็นคนอื่นดีกว่าคนใกล้ตัว อย่าไปสนใจเลยค่ะ...”
“นี่คุณไม่ได้แต่งดำไว้ทุกข์พ่อคุณเหรอ”
“บ้านมะเฟืองถูกไฟไหม้นะคะ ออกมาแต่ตัว ขนาดชุดชั้นในจะเปลี่ยนยังไม่มี คุณเอกภพพามะเฟืองไปซื้อหน่อยสิคะ...จะได้ออกไปกินกันด้วย”
เอกภพเห็นสายเดี่ยวรัดรูปเห็นร่องอกมะเฟือง กางเกงขาสั้นก็ไม่มีร่องรอยชั้นใน ก็รู้สึกหวั่นไหว มะเฟืองยิ้มยั่ว
เอกภพพามะเฟืองมาที่ห้างสรรพสินค้า ทั้งสองอยู่ที่แผนกเสื้อผ้าผู้หญิง
“คุณชอบชุดไหนเลือกเลย เดี๋ยวผมซื้อให้”
มะเฟืองดีใจ
“คุณไม่ได้หลอกมะเฟืองเล่นนะคะ”
“แล้วผมจะหลอกคุณทำไม”
เอกภพยิ้มอ่อนโยน
“งั้นมะเฟืองไม่เกรงใจนะคะ”
มะเฟืองเข้าไปเลือกเสื้อผ้าอย่างมีความสุข
เอกภพยืนหันหลังรอมะเฟืองอยู่หน้าห้องลองเสื้อ ได้ยินเสียงมะเฟืองดังมาจากข้างใน
“คุณเอกภพ เข้ามาช่วยมะเฟืองดูหน่อยสิคะว่าพอดีมั้ย”
เอกภพชะงัก
“ผมว่ามันไม่เหมาะ”
มะเฟืองงอน
“จะว่ามะเฟืองใส่ไม่สวยเหรอคะ”
เอกภพตกใจไม่ได้เจตนา
“ผมหมายความว่ามันไม่เหมาะสม”
“อยู่กันสองคนจะแคร์อะไร”
มะเฟืองเปิดประตูออกมาฉุดแขนเขาเข้าไปในห้องลองเสื้อ
มะเฟืองหมุนตัวให้เอกภพอยู่ข้างใน กันไม่ให้ออกไปได้ ถามเขาเสียงสดใสร่าเริง
“ชุดนี้เป็นยังไงบ้างค่ะ”
เอกภพอึกอัก มองชุดรัดรูปสุดเซ็กซี่ที่เธอใส่อยู่ก็รู้สึกกระดากอาย
“ผมว่าดีครับ”
“ถ้าแค่ดีไม่เอา...”
มะเฟืองงอนทำท่าจะถอดชุด
“ผมว่าผมออกไปดีกว่า”
เอกภพจะออกไป มะเฟืองมาขวางทางไว้
“หันไปสิคะ”
เอกภพไม่มีทางเลือก...หันไป
“แล้วอย่าแอบมองมะเฟืองในกระจกล่ะ”
มะเฟืองยิ้มยั่ว ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า คำพูดของเธอชวนให้เขาที่ยืนหันหลังอยู่คิดไปไกล เขาค่อย ๆ ขยับตัวเพื่อมองเงาเธอในกระจกตามประสาผู้ชาย มะเฟืองรู้ทันแกล้งพูดยั่วเขามากขึ้นไปอีก
“อย่าหันมาสิ”
เอกภพรีบหันขวับกลับ
“หลับตาด้วย...มะเฟืองมีอะไรเซอร์ไพรส์คุณ ค่อยๆหันมาตอนมะเฟืองบอกนะคะ”
เอกภพหัวใจเต้นแรง ยอมทำตามที่เธอบอกอย่างว่าง่าย...เขาหลับตาครู่หนึ่ง มะเฟืองเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็บอกให้หันมา
“หันมาได้ค่ะ”
เอกภพหันไปเห็นว่าเธอยืนประชิดด้านหลังของเขา จนหน้าเกือบจะชนกัน มะเฟืองยิ้มยั่ว
“มะเฟืองไม่มีอะไรตอบแทนคุณก็เลยเลือกเสื้อให้คุณตัวนึง ลองใส่ดูนะคะ”
มะเฟืองไม่รอคำตอบจะปลดกระดุมเสื้อ เขารีบจับมือเธอไว้ มะเฟืองประสานสายตามองเขาอย่างท้าทาย จนเอกภพต้องยอมให้เธอถอดเสื้อในที่สุด...มะเฟืองปลดกระดุมเสื้อของเขาออกทีละเม็ด...ทีละเม็ด ลมหายใจอุ่น ๆ ของเธอรดตรงแผ่นอกเขา เอกภพหัวใจเต้นระส่ำ
มะเฟืองสวมเสื้อตัวใหม่ที่เธอเลือกให้ ก่อนจะช่วยติดกระดุม แล้วขยับตัวชิดเข้าไปอีก ใช้สองมือค่อยๆไล้ไปตามบ่าทั้งสองข้างและสาบเสื้อ เพื่อให้เสื้อแนบชิดติดลำตัว รสสัมผัสและความใกล้ชิดแบบเนื้อแนบเนื้อ จุดไฟเสน่หาในตัวเอกภพให้คุแรงขึ้น จนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ควบคุมสติไม่อยู่ ค่อยๆโน้มตัวไปจะจูบ มะเฟืองแกล้งยั่วให้อารมณ์ค้าง ด้วยการเบือนหน้าหนี เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เป็นไงคะพอดีมั้ย”
เอกภพงุ่นง่าน
“ครับ...พอดี”
“งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะคะ”
มะเฟืองยิ้มยั่ว เธอต้องการยั่วเขาให้อยู่หมัด จนไม่กล้าปฏิเสธเธออีก
เอกภพถือถุงเสื้อผ้ามะเฟืองเต็มสองมือ ในขณะที่มะเฟืองเดินกินไอศกรีมโคนอยู่ เธอหันไปพูดกับเขาอย่างมีความสุข
“เพิ่งรู้ว่าไอติมยี่ห้อนี้อร่อยดี...ลองชิมดูสิคะ”
มะเฟืองยื่นไอศกรีมให้เขาชิม พอเขายื่นหน้ามาจะชิมเธอก็ชักมือกลับ เอกภพมองอย่างงอน ๆ มะเฟืองใช้นิ้วจิ้มไอศกรีมยื่นให้ชิม พอเขาจะชิมไอศกรีมจากนิ้วมือเธอ เธอก็ชักกลับมาดูดเองอีก ก่อนจะยื่นไอศกรีมให้เขาอีกครั้ง เอกภพรวบถุงเสื้อผ้ามาถือมือเดียว ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มไอศกรีมจากมือเธอมาชิม แต่มะเฟืองไวกว่า ดึงมือเขาไปดูด แล้วหัวเราะ วิ่งหนีไป
“คุณนี่มันร้ายจริงๆมะเฟือง”
เอกภพหัวเราะและวิ่งตามมะเฟืองออกไป
มะเฟืองวิ่งไปถึงที่รถหันมา เอกภพที่ตามมาเบรกไม่ทันชนกัน หลังพิงรถ ทั้งสองจ้องมองหน้ากันเนิ่นนาน มะเฟืองยั่ว
“มะเฟืองเหนียวตัวไปหมดแล้ว อยากอาบน้ำเต็มทีแล้ว กลับกันเถอะค่ะ”
“ผมหยิบกุญแจรถก่อน”
เอกภพที่ถือถุงเสื้อผ้าอยู่สองมือ ทำท่าจะรวบถุงมือถือมือเดียว เพื่อล้วงกุญแจในกระเป๋ากางเกง แต่มะเฟืองเข้ามาประกบตัวเขาก่อน
“มาค่ะ เดี๋ยวมะเฟืองช่วย”
มะเฟืองอ้อมไปทางด้านหลังของเขาก่อนจะใช้สองมือค่อย ๆ ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขาทั้งสองข้าง จนเอกภพตัวเก็งทำอะไรไม่ถูก มะเฟืองซบหน้ากับแผ่นหลังของเขาจนดูเหมือนว่าเธอโอบกอด เขาจากทางด้านหลัง
“ขอบคุณนะคะสำหรับวันนี้ คุณทำให้มะเฟืองมีความสุขมาก แต่มะเฟืองจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าได้ตอบแทนคุณ”
เอกภพหันมามองหน้า มะเฟืองมองตอบอย่างท้าทาย
เอกภพและมะเฟืองกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเข้ามาในห้อง เขาดันตัวเธอจนหลังติดผนัง มะเฟืองกระชากเสื้อเขาออกอย่างร้อนแรง จนกระดุมเสื้อขาดออก เอกภพอุ้มร่างของเธอวางบนเตียง ก่อนจะขึ้นทาบร่างเธอ ระดมจูบซุกไซร้ไปตามใบหน้าและลำคอ มะเฟืองพลิกตัวกลับขึ้นมาอยู่ข้างบน ก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือแต่เพียงเสื้อสายเดี่ยวข้างใน แล้วก้มจูบตอบเขา แต่เอกภพได้สติรีบผละออกมา
“รีบใส่เสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี”
เอกภพรีบออกจากห้องไป มะเฟืองคว้าผ้าขมหนูขึ้นมานุ่งอย่างลวก ๆ พลางพูดด้วยความไม่พอใจ
“อยากจะรู้นัก จะทนไปได้ซักกี่น้ำ”
น้องเมีย ตอนที่ 12
ค่ำนั้น เอกภพนั่งตรวจแบบอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่ใจลอยคิดถึงเรื่องเมื่อเย็นที่มะเฟืองให้ท่า
เขาก็รู้สึกไม่ดี คิดว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี งามเนตรเอานมอุ่นๆ มาให้ เห็นเขาหน้าเครียดก็ถามด้วยความเป็นห่วง
“งานยุ่งเหรอคะ”
เอกภพตื่นจากภวังค์ ฝืนยิ้มหันไปตอบ
“นิดหน่อยครับ”
“แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ หรือว่ายังโกรธเรื่องเมื่อเย็นอยู่”
“ผมจะโกรธเนตรทำไมล่ะครับ ผมแค่คิดถึงเรื่องมะเฟือง”
“มะเฟืองทำอะไรให้คุณไม่สบายใจหรือเปล่าคะ”
เอกภพนึกถึงตอนที่มะเฟืองให้ท่าก็ชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อน เพื่อให้งามเนตรสบายใจ
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมแค่คิดว่าช่วยมะเฟืองยังไงดี ผมไม่อยากเห็นมะเฟืองถลำตัวลึก ทำอะไรผิดๆไปมากกว่านี้”
“เนตรไม่ดีเอง ที่ดูแลน้องไม่ดี”
“ไม่ใช่ความผิดเนตรหรอกครับ ผมรู้ว่าเนตรทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว แต่คนเราไม่เหมือนกัน บางคนเรียนรู้สิ่งดีๆได้ด้วยตัวเอง แต่บางคนต้องการคนช่วยเหลือชี้แนะสั่งสอน ถึงจะเดินไปในทางที่ถูกที่ควร”
“แต่มะเฟืองเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรก็ต้องได้ เนตรกลัวว่ามะเฟืองจะมาสร้างปัญหาให้ครอบครัวคุณ”
“ผมเป็นคนเสนอให้มะเฟืองมาอยู่ที่นี่เอง แล้วมะเฟืองก็เป็นน้องสาวคุณซึ่งก็เหมือนเป็นน้องสาวผมด้วย ถ้าเราไม่ช่วยเหลือมะเฟือง แล้วใครจะช่วยจริงมั้ยครับ ว่าแต่คุณบอกผมได้หรือยังว่าคุณกับมะเฟืองมีเรื่องอะไรกัน”
งามเนตรชะงักไป ไม่อยากบอกเรื่องที่มะเฟืองโทษว่าตนกับเอกภพเป็นสาเหตุทำให้พ่อตาย เพราะกลัวเอกภพจะพลอยไม่สบายใจไปด้วย จึงเลี่ยงตอบไป
“ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ มะเฟืองแค่รำคาญที่เนตรเอาแต่ร้องไห้เสียใจเรื่องพ่อ ก็เลยเสียงดังใส่ จนกระทั่งคุณเข้ามาเห็นนั่นแหละค่ะ”
“ถ้าเรื่องมีแค่นั้นจริงๆก็อย่าคิดมาก เราเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขอดีตไม่ได้ นอกจากทำวันนี้ให้ดี เพื่ออนาคตที่ไม่ผิดพลาดเหมือนในอดีต”
“เนตรขอบคุณคุณกับคุณแม่มากนะคะที่ช่วยเหลือครอบครัวเรา โดยเฉพาะมะเฟือง เนตรสัญญาว่าจะช่วยดูแลน้องไม่ให้ก่อเรื่องที่ไหนอีก”
“งั้นก็รีบนอนเถอะครับ พรุ่งนี้ต้องรีบจัดการเรื่องพ่อคุณให้เสร็จแต่เช้า”
วันใหม่...สัปเหร่อเอากระดูกออกจากเตาเผา พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์และพรมน้ำมนต์ งามเนตรและมะเฟือง เอากระดูกเก็บใส่โกศ ก่อนที่จะเอาเถ้ากระดูกที่เหลือ โปรยริมแม่น้ำ
งามเนตรเดินคุยมากับนิดาที่ท่าน้ำของวัด
“แล้วทำไมเธอไม่บอกคุณเอกภพไปตรงๆล่ะ”
“ฉันไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ เพราะคิดว่าตัวเองมีส่วนกับเรื่องนี้ด้วย” งามเนตรหน้าเศร้า “ฉันไม่ดีเองที่ไม่สืบสาวราวเรื่องให้ดีก่อน”
“ถ้าเธอพูดอย่างนี้ก็ผิดด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ”
มาวินเดินเข้ามาร่วมวงด้วย
“แต่ถ้าผมรู้ว่าถูกใช้เป็นข้ออ้าง ผมจะไม่ยอมให้เนตรไปเด็ดขาด”
นิดาค้อน
“แหม อย่ามาทำเป็นพระเอกหน่อยเลยค่ะคุณวิน เรื่องมันผ่านไปแล้วใครๆก็พูดได้ ที่สำคัญถ้าพ่อเนตรไม่ขอร้อง นิดาก็ไม่ทำหรอกค่ะ”
พอพูดถึงพ่องามเนตรก็เศร้า นิดารู้สึกผิด
“อุ๊ย ฉันขอโทษเนตร”
มาวินให้กำลังใจ
“ถ้าเรื่องนี้เป็นความตั้งใจของพ่อคุณที่อยากเห็นคุณมีความสุขแล้วทำไมคุณไม่ทำให้ความต้องการของท่านเป็นจริงล่ะครับ”
มาวินเว้นวรรคนิดหนึ่ง งามเนตรหันมองด้วยความสงสัย
“ด้วยการก็ใช้ชีวิตทุกวันที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข ทำทุกวันให้มีค่า ไม่ทำให้พ่อคุณหรือใครต้องผิดหวังในตัวคุณ”
“แหมพูดดีๆกับเขาก็เป็นเหมือนกันนะคะคุณวิน”
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเตือนสติฉัน”
งามเนตรยิ้มให้มาวิน ทั้งสองรู้สึกดีต่อกัน มะเฟืองยืนมองอยู่อีกมุมหนึ่ง ครุ่นคิดอย่างมีแผนการอะไรบางอย่าง...
เอกภพเดินคุยกับกันตามาอีกมุมหนึ่งของวัด
“ผู้หญิงเข้าใจไม่ยากหรอกค่ะ ถ้าผู้ชายไม่เข้าใจผิด เรื่องบางเรื่องที่เราไม่พูดตรง ๆก็เพราะไม่อยากอีกฝ่ายไม่สบายใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ไว้ใจ”
“แล้วทำไมผู้หญิงบางคนถึงพูดอะไรออกมาตรงๆชอบก็บอกชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ กล้าแสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ แม้กระทั่งเรื่องเซ็กส์”
“ก็เพราะคนเราไม่เหมือนกันยังไงล่ะคะ แต่ก็ไม่ได้หมายความทุกสิ่งทุกอย่างที่ ผู้หญิงแสดงออกเธอต้องการอย่างนั้นเสมอไป โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์”
“ยังไงเหรอครับ”
“คุณเคยได้ยินมั้ยคะที่เขาพูดว่า ผู้ชายมักจะใช้ความรักเพื่อให้ได้มาซึ่งเซ็กส์ ส่วนผู้หญิงใช้เซ็กส์เพื่อให้ได้มาซึ่งความรัก”
“ผมก็เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละครับ”
“งั้นเอาง่าย ๆ นะคะ ผู้ชายมักจะใช้คำว่ารักมาอ้างเพื่อให้ผู้หญิงยอมมีอะไรด้วย ส่วนผู้หญิงก็ยอมมีอะไรกับผู้ชายก็เพราะหวังจะให้เขารักยังไงล่ะคะ เพราะฉะนั้นบางครั้งที่ผู้หญิงแสดงออกว่าอยากมีอะไรกับผู้ชายก็ไม่ได้หมายความเธออยากมีเซ็กส์เสมอไป แต่มันอาจหมายถึงว่าเธออยากถูกรักก็เป็นได้”
คำพูดของกันตาทำให้เอกภพคิดถึงมะเฟือง
“อาจจะจริงของคุณ”
“ว่าแต่ทำไมจู่ๆ คุณถึงมาชวนฉันคุยเรื่องนี้ หรือว่ามีปัญหากับคุณเนตร”
“นั่นก็ส่วนนึงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด”
กันตาหยั่งเชิง
“งั้นก็แสดงว่าเป็นยัยเด็กมะเฟือง”
เอกภพจริงจัง
“ผมแค่สงสารเด็กคนนั้น แต่ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกว่านั้น”
กันตาแกล้งยั่ว
“แต่ความสงสารเป็นบ่อเกิดแห่งความรักนะคะ”
เอกภพไม่พอใจเสียงเข้ม
“มะเฟืองเป็นน้องภรรยาผมนะครับคุณกันตา”
“ฉันก็แค่ล้อเล่น อย่าโกรธสิคะ”
“ช่วงนี้มีแต่เรื่องยุ่งๆ ผมอาจจะเครียดไปหน่อย ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ทันใดนั้น เสียงมะเฟืองดังขึ้น
“หาตั้งนาน ที่แท้ก็มากระหนุงกระหนิงกันอยู่ที่นี่เอง”
เอกภพกับกันตาหันไปเห็นมะเฟืองเดินเข้ามา กันตาหน้าตึงที่ถูกแซว เอกภพรู้สึกกระดากเพราะคิดถึงเรื่องเมื่อวันก่อน
“พูดจาอะไรกรุณาให้เกียรติคุณกันตาด้วย เขาเป็นลูกค้าผม แล้วเขาก็อุตส่าห์ให้เกียรติมางานของพ่อคุณ”
มะเฟืองไม่สน
“เพื่อนก็ไม่ใช่ แขกก็ไม่ได้เชิญ จะให้คิดยังไงนอกจากตั้งใจมายั่วคุณ”
กันตาหน้าเสียเพราะถูกด่า เอกภพช่วยแก้สถานการณ์ให้
“ถ้าเธอไม่รู้จักคนอื่นก็เหมือนไม่ให้เกียรติตัวเองด้วย...ไปเถอะคุณกันตา อย่าไปเสียเวลาคุยกับคนพาลเลย”
เอกภพและกันตาทำท่าจะเดินไป มะเฟืองรีบสวนออกไป
“ใช่สิ ฉันมันพาล พาลเพราะไม่อยากเห็นใครมาทำบัดสีบัดเถลิงในงานของพ่อ โดยเฉพาะพี่เนตร เผาพ่อควันยังไม่ทันจาง ก็แร่ไปหากิ๊กใหม่แล้ว”
เอกภพชะงักหันขวับมาถามมะเฟืองด้วยความสงสัย
“พูดอย่างนี้หมายความยังไง”
มะเฟืองลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้ เพราะคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า
มาวินพูดเล่นจนงามเนตรหัวเราะขำออกมา นิดาเห็นอย่างนั้นก็อดแซวขึ้นมาไม่ได้
“เห็นเธอยิ้มได้แบบนี้ฉันก็ดีใจ ไม่ใช่เอาแต่ทำหน้าเซ็งอมทุกข์ จนคนรอบข้างพลอยหดหู่ไปด้วย ระวังเถอะซะมี...จะเบื่อ ทิ้งไปมีอีหนูใหม่”
งามเนตรแย้ง
“พูดเป็นเล่น คุณเอกภพไม่ใช่คนอย่างนั้นซะหน่อย”
“ถ้าเขาทิ้งคุณไปก็ดี ผมจะได้เซ้งต่อ”
“พูดยังกะเพื่อนฉันเป็นตึกแถว”
“ผมพูดความจริง” มาวินพูดกับเนตร “ถ้าอยู่กับคนที่คุณรักไม่มีความสุข ก็ลองหันมาคบคนรักคุณดูบ้างก็ได้นะครับ อาจจะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น”
งามเนตรมองหน้าเขาแล้วพูดนิ่มๆ
“ถ้าคุณอยากเห็นฉันมีความสุขจริงๆละก็ แค่ช่วยปิดปากซักครู่ก็พอค่ะ”
นิดาหัวเราะสะใจที่มาวินถูกสวน มาวินยิ้ม
“งั้นคุณคงต้องหาอะไรปิดปากผมซะแล้ว หรือจะใช้ริมฝีปากคุณดี”
นิดาหน้าเหวอ
“แรงอะคุณวิน”
งามเนตรยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงเอกภพดังมาเสียก่อน
“ขนาดในวัดในวายังไม่เว้นนะครับคุณผู้จัดการ”
ทุกคนหันไปเห็นเอกภพเดินมากับกันตา ด้วยหน้าตาท่าทางไม่ค่อยพอใจ
“จะทำอะไรถ้าไม่รู้จักเกรงใจพระเกรงใจเจ้าก็หัดละอายใจตัวเองซะบ้าง”
มาวินกวน
“แล้วผมทำอะไรไม่ดีไม่ทราบ”
“ถ้าผิดชอบชั่วดีแค่นี้ยังไม่รู้จัก ก็ไม่ต้องเสียเวลาพูดกันอีกแล้ว”
เอกภพทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่องมาวิน แต่งามเนตรรีบเข้ามาขวางไว้
“อย่าค่ะ คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ คุณมาวินแค่มาเตือนสติเนตร ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณคิด”
“แล้วทำไมต้องให้มันเตือนสติด้วย มีอะไรทำไมไม่พูดกับผมตรงๆ”
นิดาหันไปหามาวิน
“นิดาว่ากลับก่อนเถอะค่ะคุณวิน”
“งั้นงานส่วนของเนตรคุณรับผิดชอบไปก่อนแล้วกัน” มาวินหันไปบอกงามเนตร “สบายใจ
เมื่อไหร่แล้วค่อยกลับไปทำงานนะครับ”
“ผมจะให้ภรรยาผมลาออก”
มาวินสวนทันควัน
“ผมไม่อนุมัติ...ขี้หึงมากๆ ระวังจะกลายเป็นคนน่าเบื่อนะครับ”
มาวินพูดจบเดินไป เอกภพโมโหจะตามไปเอาเรื่อง แต่กันตามห้ามไว้
“พอเถอะค่ะคุณเอกภพ ฉันว่ามีอะไรน่าจะกลับไปคุยกันที่บ้าน”
เอกภพนี่คุณก็เข้าข้างมันเหรอ
“ฉันไม่ได้เข้าข้างใครแต่ตอนนี้คุณกำลังโกรธอธิบายอะไรก็คงไม่ฟัง กลับไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปส่งคุณเนตรเอง”
เอกภพมองเนตรด้วยความน้อยใจ ก่อนจะฮึดฮัดเดินออกไป เนตรจะตามเอกภพไป แต่กันตารั้งไว้
“คุณเอกภพ”
“รอให้เขาใจเย็นก่อนดีกว่า ขืนคุยกันตอนนี้จะทะเลาะกันเปล่าๆ”
เนตรมองตามเอกภพสีหน้าเป็นกังวล มะเฟืองที่แอบยืนดูอยู่ แอบยิ้มร้ายก่อนจะรีบตามไป
ในห้องปิดสนิทจนมืดมิดเหมือนเป็นเวลากลางคืน แสงสลัวจากเปลวเทียนหอมที่วางประดับตกแต่งอยู่ตามส่วนต่างๆของห้อง ส่องให้เห็นบัวที่นุ่งผ้าถุงกระโจมอกอยู่รำไร บัวถลกผ้านุ่งร่อนเอวเหนือหม้อข้าว ให้ไอน้ำไล้ไปตามเนื้อตัวและแขนขา เรียกเหงื่อเม็ดโตให้หยดลงไปในหม้อข้าว พลางว่าคาถาหงส์ร่อนมังกรรำ
“หงส์ร่อนมังกรรำ กูจะทำให้มึงรัก กูจะทำให้มึงหลง ให้มึงร้อนเร่า มิพักอัดแอ ลืมพ่อลืมแม่ ให้กูข่มหัว เหมือนช้างอ่อนขอ เหมือนคออ่อนเหล้า เหมือนข้าวอ่อนไห โอม พิศวาหะ พิ-ติดอก ศะติดใจ วารักใคร่ หะหลงใหล กาเมสถิต ยาวะชีวิตัง”
เม็ดเหงื่อที่ผุดพรายตามใบหน้าไหลไปตามซอกคอรวมกับเม็ดเหงื่อตรงเนินอก ไหลผ่านผ้าถุงออกไปยังโคนขาด้านในที่ยกสูงขึ้นเหนือหม้อข้าว ก่อนจะเห็นเม็ดเหงื่อหยดลงไปในหม้อข้าว บัวหยิบหม้อขึ้นมามองด้วยความพอใจ
“ฉันไม่มีวันยอมแพ้แกหรอกนังมะเฟือง”
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น บัวสะดุ้งเฮือกหันไปมองตามเสียง ชมเคาะประตูเรียกบัวอยู่หน้าห้อง
“อ้าว มัวแต่มุดหัวอยู่แต่ในห้องนั่นแหละออกมาได้แล้ว”
“เออ ๆ ได้ยินแล้ว เดี๋ยวฉันออกไป เดี๋ยวฉันออกไป”
บัวรีบตะโกนสวนออกไป ก่อนจะลนลานซ่อนหม้อข้าวไว้ใต้เตียง ดับธูปดับเทียนในพิธี
ชมขัดใจตะโกนด่า
“เรียกนานขานช้า ถ้ายังไม่ออกมาอีก ฉันจะไขเข้าไปแล้วนะ”
ชมจะไขกุญแจเข้าไปในห้อง แต่ไม่ทันบัวเปิดประตูผัวะออกมาเสียก่อน
“มีอะไรน้า เคาะยังกะจะสั่งลาผีแม่น้าในโลงงั้นแหละ”
“เอ๊ะนังนี่ ยังจะมาทำสำบัดสำนวนอีก สั่งให้หุงข้าวแค่นี้หายไปทั้งคนทั้งหม้อ”
“หายที่ไหนก็อยู่ในครัวนั่นแหละ หูตาฝ้าฟางแล้วยังมาหาเรื่องด่าคนอื่นอีก”
ชมไม่เชื่อ
“แน่ใจ”
“เออ”
บัวขยับตัวมาบังประตูไว้ กลัวชมเห็นว่าหม้อหุงข้าวอยู่ในห้อง
“ซ่อนอะไรไว้ในห้องหรือเปล่า”
ชมทำท่าจะเปิดประตูเข้าไปดูข้างใน แต่บัวรีบขวางไว้
“ไม่ได้ซ่อน”
ชมมองบัวที่นุ่งผ้ากระโจมอกอยู่
“แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้ อย่าบอกนะว่านี่เป็นชุดหุงข้าวแก”
“แล้วมันใช่ที่ไหนล่ะ ฉันร้อน ก็เลยจะอาบน้ำ”
“ตกลงจะหุงข้าวหรืออาบน้ำจะกันแน่”
บัวขัดใจ
“ก็หุงข้าวเสร็จจะอาบน้ำไม่ได้หรือไง”
ชมมองอย่างไม่เชื่อ แต่ไม่เห็นพิรุธอะไรอื่นอีก ก็เลยไม่ติดใจ
“งั้นรีบแต่งตัวจะได้ไปตั้งโต๊ะ คุณภพคุณเนตรกลับมาจะได้กินข้าว”
บัวเด็ดดอกไม้จากกระถางต้นไม้ที่อยู่แถวนั้นมาทัดหู ก่อนจะหันมาบอกชมด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“เสร็จแล้ว เป็นสาวบาหลีโอเคมั้ย”
บัวนุ่งผ้าถุงทัดดอกไม้ถือหม้อข้าวเดินบ่นกระฟัดกระเฟียดมา ด้วยความไม่พอใจ
“เอะอะอะไรก็สั่ง ๆ ๆ สั่งอยู่ได้ สั่งยังกะมีผัวเป็นตำรวจจราจร”
พลันสายตาเหลือบไปเห็นรถเอกภพเลี้ยวเข้ามาจอดก็ดีใจ
“คุณภพ!”
เอกภพเปิดประตูลงจากรถอย่างไม่สบอารมณ์เพราะโกรธมาวิน บัวรี่เข้าไปหา
“เป็นไงบ้างคะ เหนื่อยมากมั้ย ไปค่ะ วันนี้น้าชมทำอาหารใต้ บัวก็เลยแต่งตัวเป็น สาวบาหลีให้เข้ากับบรรยากาศ” บัวจงใจยั่ว “รอให้คุณมากิน”
มะเฟืองที่นั่งข้างคนขับลงจากรถ
“แต่คุณเอกภพกำลังอารมณ์ไม่ดี แล้วเขาก็ไม่มีวันกินของต่ำ ๆ ของแกด้วย...ไปค่ะ อย่าไปสนใจมันเลย เสียอารมณ์เปล่า ๆ”
มะเฟืองเข้าไปควงแขนเอกภพแสดงความเป็นเจ้าของ บัวเห็นอย่างนั้นก็ไม่พอใจ เข้าไปควงแขนอีกข้างของเอกภพ พลางพูดตอกหน้ามะเฟือง
“ถ้าคุณภพไม่ชอบของต่ำ งั้นแกก็คงหมดหวังสินะ...ไปค่ะ มาเหนื่อย ๆไปหาอะไรกินให้ชื่นใจดีกว่า”
บัวกระชากแขนเอกภพจะเดินไป มะเฟืองเห็นอย่างนั้นก็ไม่พอใจกระชากแขนไปอีกทาง
“กินของโสโครกระวังจะปวดท้องนะคะ”
“คุณภพจะปวดท้องก็เพราะแกนี่แหละ”
ทั้งสองยื้อยุดแขนเอกภพไปมา จนเขาทนไม่ไหวระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความรำคาญ
“พอได้แล้ว เจอหน้ากันทีไรทะเลาะกันทุกที”
บัวฟ้อง
“ก็มันจ้องจะงาบคุณไม่เห็นหรือไงคะ”
เอกภพไม่พอใจ
“แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับมะเฟืองนะบัว”
บัวยิ้มหยัน
“ได้ยินเต็มสองรูหูแล้วใช่มั้ยว่าผู้ชายเขาไม่เอา จะมายืนบื้อหน้าด้านอยู่ทำไม ไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ซะทีสิ”
มะเฟืองโต้ตอบอย่างไม่ยอม
“ใครกันแน่ที่หน้าด้าน เจอผู้ชายทีไรก็กระโจนเข้าใส่ ทำตัวยังกะเป็นเพลี้ยกระโดด เกาะติดแจจนคนเขารำคาญแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”
“ก็ดีกว่าหนอนเงาะอย่างแกแล้วกัน วันๆจ้องแต่จะกินเงาะ ไม่สนใจว่าผู้ชายเขาจะขยะแขยงแค่ไหน”
“ถ้าคุณสองคนยังไม่หยุดอีก งั้นผมไปเองก็ได้”
เอกภพพูดจบเดินไปอย่างไม่สบอารมณ์ บัวจะรีบตามไป
“เดี๋ยวค่ะคุณภพ รอบัวด้วย”
บัวจะวิ่งตามไป แต่มะเฟืองมาขวางไว้ พูดจาข่มขู่
“เดี๋ยว! แกยังไปไหนไม่ได้ ถ้าแกยังไม่เลิกยุ่งกับคุณเอกภพอีก ฉันจะฟ้องคุณหญิงว่าแกจ้องจะกินลูกชายเขา”
บัวท้าทายอย่างไม่กลัว
“ก็เอาสิ ฉันก็จะได้ฟ้องคุณหญิงเหมือนกันว่าแกจ้องจะงาบ คุณภพ”
มะเฟืองเยาะ
“ใครแคร์ อย่างดีฉันก็แค่ออกไปอยู่ที่อื่น เผลอๆคุณเอกภพจะตามพี่สาวฉันออกไปอยู่ด้วย แต่แกจะไม่มีที่ซุกหัวนอน”
บัวโกรธมาก
“ไม่ต้องมาขู่”
“ฉันเหมือนพวกดีแต่ปากหรือไง งั้นก็ได้ฉันจะได้ไปบอกคุณหญิง”
มะเฟืองเดินไปบอกคุณหญิง บัวเจ็บใจรีบสวนออกไป
“งั้นก็ได้ แต่แกก็ต้องช่วยฉัน”
มะเฟืองชะงักหันมาตอบหน้าตาท่าทางยียวนกวนประสาท เพราะถือไพ่เหนือกว่า
“แล้วทำไมฉันต้องช่วยแก ฉันไม่ได้อยู่ในฐานะคนใช้”
บัวไม่ยี่หระ
“งั้นก็ตามใจ ฉันจะได้ยกข้าวยกน้ำไปประเคนให้ถึงปากคุณภพ”
บัวพูดจบเดินลอยหน้าลอยตาไป มะเฟืองกลัวบัวจะมีโอกาสใกล้ชิดเอกภพคนเดียวรีบสวนออกไป
“จะให้ฉันทำอะไร”
บัวแอบยิ้มร้ายเหมือนมีแผนการอะไรบางอย่าง ก่อนจะหันมองหน้ามะเฟือง...บัวยื่นหม้อข้าวที่ผ่านพิธี “หงส์ร่อนมังกรรำ” ของตัวเองให้มะเฟือง
“เอาไปเสิร์ฟให้คุณภพ”
มะเฟืองไม่ไว้ใจ
“ในหม้อมีอะไร”
บัวประชด
“แม่นากมั้ง...แบ่งข้าวใส่โถ ฉันจะไปเตรียมกับข้าว”
บัวพูดเสร็จทำท่าเดินไปอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เหลือบตามองกระทะ ที่วางอยู่อย่างคิดร้าย มะเฟืองขัดใจแต่ก็ยอมทำตาม หันหลังไปหยิบโถข้าวจะเอามาใส่ข้าว อย่างไม่ทันตั้งตัวบัวคว้ากระทะหมับ หันไปฟาดหัวมะเฟืองอย่างแรง จนเสียงดังสนั่นลั่นบ้าน
“โอ๊ย”
โถข้าวตกกระแทกพื้นแตกกระจาย มะเฟืองทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวด บัวเข้าไปกระชากผมมะเฟืองจนหงายหลัง
“คิดว่าฉันจะยอมให้สก๊อยอย่างแกมาขู่ง่ายๆ”
บัวจิกผมลากมะเฟืองมาที่หน้ากรงหมาขนาดใหญ่หลังบ้าน มะเฟืองร้องดิ้นด้วยความเจ็บปวดสู้บัวไม่ได้
“อีหมาลอบกัด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ แน่จริงก็สู้กันตัวต่อตัวสิ”
“แล้วทำไมฉันต้องลงไปฟัดกับหมา หมาบ้าอย่างแกมันต้องอยู่ที่นี่ จะได้ไม่ต้องออกไปแว้งกัดใครอีก”
บัวผลักหัวมะเฟืองอย่างแรงจนฟุบไปกองกับพื้น ก่อนจะหันไปเปิดกรงหมา
“คิดว่ามันจะง่ายอย่างนั้นเหรอ”
มะเฟืองกระโจนเข้าใส่บัวที่กำลังเปิดกรงหมาเสร็จพอดี บัวถีบสวนออกมา มะเฟืองหงายหลังไป ก่อนบัวจะขึ้นคร่อมตบจิกหัวลากเข้าไปในกรงหมา
“เข้าไปเดี๋ยวนี้ อีหมาบ้า”
“แกสิหมาบ้า”
มะเฟืองได้จังหวะถีบสวนบัว เข้าตรงลิ้นปี่ บัวเสียหลักหงายหลังไปกระแทกกรงหมา ทรุดตัวลงกองกับพื้นด้วยความจุก
“คราวนี้ก็ถึงทีแก เข้าไปเดี๋ยวนี้”
มะเฟืองเข้าไปจิกผมบัว กดหัวเข้าไปในกรงหมา
“ไม่ ฉันไม่เข้า”
มะเฟืองถีบก้นบัวอย่างแรงจนเซถลาหน้าคะมำกระแทกกรงหมาอย่างแรงทรุดไป มะเฟืองคว้าโซ่ล่ามหมาที่อยู่แถวนั้นขึ้นมาร้อยประตูกับกรงผูกเอาไว้ด้วยกัน กันไม่ให้บัวออกมาได้ บัวที่จุกอยู่เห็นอย่างนั้นก็หน้าตื่นทุบกรงร้องโวยวาย
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้อีมะเฟือง ฉันบอกให้ปล่อย ปล่อย”
“ร้องโวยวายทำไม หมากระเป๋าอย่างแกมีวาสนาได้อยู่กรงใหญ่ ๆ แบบนี้ควรจะดีใจถึงจะถูก”
มะเฟืองหัวเราะเยาะบัวก่อนจะเดินไป บัวร้องกรี๊ดด้วยความเจ็บใจ
“อย่าให้ฉันออกไปได้นะอีมะเฟือง แกตายแน่ แกตายแน่”
บัวเขย่ากรงหมาร้องด้วยความเจ็บใจ
มะเฟืองวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในครัว ตักข้าวจากหม้อใส่จาน วางรวมกับสำรับกับข้าวที่บัวเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนแรก จะยกไปให้เอกภพ แต่พอหันขวบมาก็ต้องตกใจหน้าถอดสีเมื่อเห็นชมยืนมองอยู่ ชมเห็นโถข้าวแตกกระจายเต็มพื้นก็ถาม
“ทำไมครัวเป็นแบบนี้”
มะเฟืองตอบห้วนๆ
“จะไปรู้เหรอ เข้ามาก็เป็นแบบนี้”
“แล้วบัวอยู่ไหน”
มะเฟืองไม่พอใจ
“นี่ ! ฉันไม่ใช่คอลเซ็นเตอร์นะจะได้มานั่งตอบคำถามทั้งวัน หลีกไป ฉันจะยกข้าวไปให้คุณเอกภพ”
มะเฟืองไม่ยอมฟังคำตอบเดินกระแทกไหล่ชมออกไป
“นังมะเฟือง!”
ชมจะตามไป แต่เท้าเหยียบเศษโถที่ตกอยู่ ร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย ทำไมมันซวยซับซวยซ้อนอย่างนี้เนี่ย”
เอกภพนั่งรองามเนตรอย่างร้อนใจอยู่ในห้องนอน ไม่สบอารมณ์เพราะยังโกรธเรื่องมาวินอยู่ เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ประตูเปิดออกเห็นมะเฟืองถือสำรับกับข้าวเดินเข้ามาในห้อง
“มะเฟืองกลัวว่าคุณจะหิวก็เลยยกข้าวมาให้”
มะเฟืองถือสำรับข้าว ที่มีข้าวที่ผ่านพิธีหงส์ร่อนมังกรรำอยู่ในสำรับ เดินตรงเข้ามาหา เอกภพที่นั่งหน้าตึงอยู่เพราะฤทธิ์เหล้า ตอบมะเฟืองเสียงห้วน ๆ
“ผมยังไม่หิว”
มะเฟืองคุกเข่านั่งตรงหน้า จะตักข้าวป้อนเอกภพอย่างมีจริตแกล้งทำเป็นพูดดี
“กินหน่อยสิคะ เดี๋ยวมะเฟืองป้อนให้”
เอกภพรำคาญ
“ผมบอกว่าผมยังไม่หิว”
เอกภพกระดกบรั่นดีขึ้นดื่ม มะเฟืองเห็นอย่างนั้นแกล้งถามลองเชิง
“ยังโกรธเรื่องพี่เนตรอีกเหรอคะ”
เอกภพไม่ตอบ มะเฟืองได้ทีพูดจายั่วยุให้เขาโกรธงามเนตรมากขึ้นไปอีก
“ความจริงเรื่องนี้พี่เนตรก็ทำไม่ถูก รู้ทั้งรู้ว่าคุณไม่ชอบ ยังจะพากิ๊กเก่ามาพลอดรัก”
เอกภพรู้ทันว่ามะเฟืองตั้งใจจะยุให้โกรธงามเนตร จึงสวนออกไปด้วยความไม่พอใจ
“ถ้าจะมายุให้ผมกับเนตรผิดใจกันก็ออกไปเลย ผมอยากอยู่คนเดียว แล้วทีหลังก็อย่าเข้ามาในห้องผมอีก ผมไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด”
มะเฟืองลุกขึ้นพรวด ถามด้วยความไม่พอใจ
“แล้วมีอะไรกับมะเฟืองมันน่าเกลียดตรงไหน”
เอกภพใจเย็น ลุกขึ้นพยายามประคองสติอธิบายให้เธอเข้าใจ
น้องเมีย ตอนที่ 12 (จบตอน)
“คุณเป็นผู้หญิงนะมะเฟือง แล้วคุณก็เป็นน้องเมียผม ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นมันจะเสียหายไปกันหมด”
“แต่มะเฟืองไม่ถือ แล้วมะเฟืองก็ยินดีเป็นของคุณโดยไม่เรียกร้องอะไร มะเฟืองรักคุณนะคะคุณเอกภพ มะเฟืองรักคุณ”
มะเฟืองเข้าไปปล้ำกอดเอกภพตกใจพยายามปัดป้องมะเฟือง ที่ปล้ำกอดออก
“คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวมั้ย ปล่อยผมเดี๋ยวนี้ ผมบอกให้ปล่อย ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้”
มะเฟืองไม่ฟัง พยายามใช้เสน่ห์มารยากอดจูบเพื่อหวังปลุกอารมณ์ของเขาให้ได้
“มะเฟือง ผมบอกให้หยุด”
มะเฟืองไม่หยุดแต่ถอดเสื้อออกแล้วขว้างทิ้งไปบนเตียง เอกภพตะลึง
“มะเฟือง”
มะเฟืองถอดเสื้อชั้นในออก…เอกภพหันหน้าหนีทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้นะมะเฟือง ผมบอกให้หยุด”
เอกภพผลักมะเฟืองออกจากตัว หนักมือไปนิดจนเธอล้มลงไป
“โอ๊ย...”
เอกภพรีบหันหลังให้มะเฟืองที่เปลือยท่อนบนอยู่
“ออกไปได้แล้ว อย่าทำแบบนี้อีก”
มะเฟืองเห็นท่าจะไม่ได้เรื่องแน่แล้ว เลยแกล้งมารยา บีบน้ำตาร้องไห้
“มะเฟืองผิดไปแล้ว มะเฟืองขอโทษค่ะ…”
“รู้ตัวว่าผิดก็รีบออกไปสิ”
“ก่อนจะไล่มะเฟือง…ฟังเหตุผลของมะเฟืองก่อนได้ไหมคะ”
เอกภพชั่งใจว่าควรทำไงดี มะเฟืองร้องไห้
“ได้โปรดเถอะนะคะ ฟังมะเฟืองก่อน นะคะคุณเอกภพ”
รถกันตาเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านเอกภพ เธอขับรถมาส่งงามเนตร ลงจากรถพลางพูดเตือนสติ
“คุณเอกภพคงน้อยใจคุณที่มีอะไรไม่พูดออกมาตรง ๆ พอมีเรื่องคุณมาวินก็เลยยิ่งไปกันใหญ่”
“ตอนนั้นฉันกำลังสับสนเรื่องพ่อเรื่องน้อง ก็เลยไม่อยากเอาปัญหาไปให้เขาอีก”
“แต่ปัญหาหลาย ๆ ปัญหามันบานปลายเพราะไม่พูดคุยกันตรง ๆ นะคะคุณเนตร โดยเฉพาะกับคนที่เป็นสามีภรรยากัน ก็เหมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ปฏิเสธไม่ได้หรอกค่ะปัญหาของคนนึงจะไม่ส่งผลกระทบอีกคนนึง”
“ตอนนั้นฉันไม่ทันคิด ฉันผิดเอง”
“ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลาเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน อย่างฉันกับปีเตอร์ คู่หมั้นฉัน คบกันมาตั้ง 10 ปี ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ได้ แต่เราก็ผ่านมันไปได้เพียงเพราะความเข้าใจกัน”
กันตาคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาก็ยิ้มออกมาอย่างเป็นสุขใจ ก่อนจะหันไปบอก
“คุณอาจจะผ่านเรื่องราวร้ายๆมามากมาก แต่ว่ามันก็จบไปแล้ว อย่ามัวพะวงถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วจนพลาดสิ่งดีๆที่คุณมีอยู่นะคะคุณเนตร”
งามเนตรรู้สึกดีพูดแซวตัวเองขำๆ ด้วยนำเสียงและท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น
“ยิ่งคุยกับคุณก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองนี่แย่จริงๆ ทำไมไม่คิดได้อย่างนี้ตั้งแต่แรกก็ไม่รู้”
กันตายิ้มเขินที่ถูกชม
“บางทีที่ฉันพูดได้เพราะมันไม่ใช่ปัญหาของฉันยังไงล่ะคะ เหมือนที่เขาบอกว่า คนเรามักจะมองปัญหาของคนอื่นด้วยสมอง แต่มองปัญหาของตัวเองด้วยหัวใจ”
“คุณเป็นผู้หญิงเก่งอย่างที่คุณเอกภพพูดไว้ไม่มีผิด ขอบคุณนะคะสำหรับคำแนะนำดี ๆ”
“วันนึงฉันอาจจะต้องการคำแนะจากคุณบ้างก็ได้”
ทั้งสองยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกดีๆ และชื่นชมในตัวกันและกัน
มะเฟืองยกมือไหว้บนตักเอกภพ ใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมร่างกายท่อนบนไว้
“มะเฟืองขอโทษค่ะที่หลงรักคุณ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณเป็นคนรักของพี่เนตร แต่มะเฟืองห้ามใจไม่ได้จริงๆ ยกโทษให้มะเฟืองด้วยนะคะ นะคะคุณเอกภพ”
เอกภพยังไม่ทันพูดอะไร ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น เอกภพตกใจหันรีหันขวางจะทำยังไงดี ก่อนจะบอกมะเฟือง
“เข้าไปอยู่ในห้องน้ำก่อนมะเฟือง ผมไม่อยากให้เนตรเข้าใจผิด”
“ก็ได้ค่ะ”
มะเฟืองขัดใจก่อนจะยอมเดินเข้าไปในห้องน้ำ เอกภพรีบเดินไปเปิดประตูห้อง เห็นงามเนตรยืนอยู่ก็ตกใจหน้าถอดสี
“เนตร”
“ค่ะเนตรเอง” งามเนตรแปลกใจ “คุณไม่ได้กลับไปทำงานเหรอคะ”
งามเนตรเดินเข้ามาในห้อง เอกภพรีบเดินตามไปด้วยความกลัวว่าความจะแตก
“ครับ”
งามเนตรรู้สึกไม่สบายใจเรื่องมาวินและเรื่องที่เธอไม่ได้พูดกับเอกภพตรง ๆ ชั่งใจก่อนจะหันมาพูดกับเอกภพ
“เนตรว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เอกภพเห็นรอยยับบนเตียงก็ตกใจคิดว่างามเนตรสงสัย รีบแก้ตัว
“ผมเผลอนอนหลับไปน่ะครับ”
“คะ”
เอกภพเห็นเสื้อผ้ามะเฟืองกองอยู่ที่พื้น รีบเดินเข้ามาเอาตัวบังไม่ให้งามเนตรเห็น งามเนตรไม่ติดใจสงสัยอะไร แต่พอเห็นท่าทางแปลกๆ ของเขาก็ถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมเหงื่อแตกเต็มหน้าอย่างนั้นล่ะคะ ไม่สบายหรือเปล่า”
งามเนตรจะเอามือไปอังหน้าผาก เอกภพรีบเบือนหน้าหนี ไม่กล้าสบตา
“ผมไม่เป็นไร ผมหิวน้ำ ขอน้ำให้ผมหน่อย”
“ค่ะ”
งามเนตรเดินออกจากห้องไปอย่างงง ๆ...มะเฟืองเปิดฝักบัว จงใจให้เนตรได้ยินเสียง งามเนตรกำลังจะเดินออกจากห้องไปชะงัก หันขวับมามอง เอกภพตกใจหน้าซีด
“มีใครอยู่ในห้องน้ำเหรอคะ”
งามเนตรทำท่าจะเดินไปดู เอกภพรีบมาขวางไว้
“เมื่อกี๊ผมกำลังจะอาบน้ำ สงสัยจะปิดไม่สนิท ไปเอาน้ำให้ผมหน่อยนะครับ ผมขอร้อง”
งามเนตรแปลกใจในท่าทีของเขาแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
“ค่ะ”
งามเนตรเดินไปที่ประตู เอกภพรีบล็อกประตู หยิบเสื้อผ้ามะเฟืองที่กองอยู่ เดินไปที่ห้องน้ำ...มะเฟืองกำลังอาบน้ำอย่างสบายใจ เอกภพผลักประตูห้องน้ำเข้ามาถามด้วยความไม่พอใจ
“ทำแบบนี้ทำไม”
มะเฟืองที่กำลังอาบน้ำอยู่หันมาถามหน้าซื่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มือมันดันไปโดนน่ะค่ะ มะเฟืองไม่ได้ตั้งใจ จริงๆนะคะ”
เอกภพเอาเสื้อผ้ายัดใส่มือ
“ใส่เสื้อแล้วออกไปซะ แล้วอย่าทำแบบนี้อีก”
เอกภพปิดประตูห้องน้ำ ถอนใจด้วยความเครียด...มะเฟืองอารมณ์เสียสุดๆ
“ครั้งนี้รอดไปได้ แต่ครั้งหน้าเสร็จฉันแน่ ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก”
มะเฟืองเดินออกมาจากห้องเอกภพ บัวที่แอบอยู่ เอามีดซ่อนไว้ด้านหลัง โผล่ออกมาถามอย่างไม่เป็นมิตร
“แกเข้าไปทำอะไรในห้องคุณภพ”
มะเฟืองลอยหน้าลอยตากวนประสาท
“มีคนปล่อยหมาออกจากรงแล้วเหรอ”
“ฉันถามว่าแกเข้าไปทำอะไรในห้องคุณภพ”
“เข้าไปทำอะไรนะเหรอ ก็เข้าไป...” มะเฟืองเว้นวรรคนิดหนึ่งตั้งใจยั่วประสาท “ไม่บอกดีกว่า เดี๋ยวคนแถวนี้จะอกแตกตายซะเปล่าๆ”
“ถ้าไม่ยอมบอกดีๆ แกตายแน่”
บัวชักมีดที่ซ่อนอยู่ด้านหลังออกมา มะเฟืองตกใจแต่พยายามควบคุมสติอารมณ์ไว้
“อยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้ ฉันก็เข้าไปทำอย่างที่แกอยากทำนะสิ”
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ คุณภพไม่มีทางทำอะไรต่ำๆ อย่างนั้นแน่นอน”
มะเฟืองเย้ย
“ถ้าแกนอนกับเขา แกจะรู้ว่าเขาต่ำกว่าที่แกคิด”
“อีตอแหล”
บัวโมโหจนขาดสติเงื้อมีดในมือจะแทง แต่มะเฟืองที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วจับข้อมือบัวไว้ได้ ก่อนจะบิดมือจนมีดกระเด็นหลุดตรงไปที่หัวบันได มะเฟืองเห็นอย่างนั้นรีบผลักบัวล้มลง จะวิ่งไปหยิบมีด แต่บัวไวกว่าตะครุบขามะเฟืองไว้ได้ มะเฟืองเสียหลักล้มลง เห็นมีดอยู่ปลายมือจะคว้าไว้ แต่ถูกบัวดึงขาไว้จนมีดหลุดมือ บัวจะขึ้นคร่อมตบ มะเฟืองถีบกลับจนบัวเซถลาไปกระแทกผนัง
งามเนตรถือถาดใส่เหยือกน้ำเดิน ชมเห็นเข้าไปช่วย
“มาค่ะ เดี๋ยวชมช่วยถือนะคะ”
“ขอบใจจ้ะ”
เนตรส่งถาดน้ำให้ชม
มะเฟืองและบัวเห็นมีดที่ตกอยู่ตรงหัวบันได ทั้งสองคนพุ่งไปแย่งมีดพร้อมกัน มีดกระเด็นตกบันไดไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ชมและงามเนตรกำลังจะเดินขึ้นบันไดพอดี มีดปักอกชม ชมกรีดร้องเสียงดัง
“แว้กกกก”
ถาดใส่เหยือกน้ำในมือชมตกกระแทกพื้น มะเฟืองกับบัวยื้อยุดฉุดกระชากกันตรงหัวบันได จะตกแหล่มิตกแหล่ทั้งคู่ งามเนตรเห็นอย่างนั้นก็ตกใจ
“มะเฟือง บัว!”
งามเนตรจะขึ้นไปห้ามทั้งสอง แต่ไม่ทันทั้งสองพลาดท่าตกบันไดลงมา กระแทกงามเนตรที่กำลังจะขึ้นไปล้มลงไปอีกคน ภัสสรได้ยินเสียงเอะอะรีบเข้ามาดู
“เสียงเอะอะไรกัน”
ชมที่มีมีดปักอกร้องกรี๊ด ๆ ทำอะไรไม่ถูก หันไปจะบอกภัสสร แต่พอเห็นภัสสรพุ่งเข้ามาจะชนมีดที่ปักอกตัวเองอยู่ก็กรีดร้องดังขึ้นไปอีก
“ชมถูกแทงค่ะ ชมถูกแทง”
“ว้าย!”
ภัสสรตกใจทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ทันใดนั้นบัวที่ตกลงมาลุกขึ้นได้ พุ่งตรงเข้าไปเอาเรื่องมะเฟืองต่อ
“อีสารเลว”
ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากกัน งามเนตรเห็นอย่างนั้นรีบเข้าไปแยกทั้งสอง
“อย่ามะเฟืองอย่า...พอแล้วบัว พอแล้ว”
มะเฟืองและบัวไม่ยอมกันต่างยื้อยุดฉุดกระชากหันมาที่ชมยืนอยู่ ชมตกใจร้องกรี๊ด ๆ พยายามจะวิ่งหนี
“อย่าเข้ามา...อย่าเข้ามา”
ชมหันหนีมาเจอภัสสรก็ยิ่งตกใจร้องดังขึ้นไปอีก
“อย่าเข้ามาค่ะคุณหญิง เดี๋ยวทะลุหลัง เดี๋ยวทะลุหลัง”
เอกภพที่ได้ยินเสียงเอะอะรีบวิ่งลงมาจากข้างบน ห้ามทั้งสองคน
“มีเรื่องอะไรกัน หยุดเดี๋ยวนี้”
ชมทำอะไรไม่ถูก
“ชมถูกแทงช่วยชมด้วยคะคุณภพ”
เอกภพตวาดเสียงดัง
“ผมบอกให้หยุด หยุดด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ”
มะเฟืองที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันกับบัวหยุดกึก ชมที่แหกปากร้องอยู่หุบปากสนิท เห็นมีดที่ปักคาอกอยู่ตกลงพื้น ชมได้สติรีบล้วงเข้าไปข้างในเสื้อใน หยิบฟองน้ำดันทรงก้อนใหญ่ออกมา พอเห็นว่าตนไม่ได้เป็นอะไรก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เอกภพ งามเนตร ภัสสร นั่งอยู่บนเก้าอี้ ส่วนมะเฟือง บัว ชมนั่งอยู่บนพื้นตรงหน้า ภัสสรสอบสวนมะเฟืองและบัว เสียงเข้ม
“คราวนี้บอกได้หรือยังมันเรื่องอะไรกัน”
“ก็นังมะเฟืองนะสิคะ มันเที่ยวโพทะนาไปทั่วว่านอนกับคุณภพแล้ว”
ภัสสร งามเนตร เอกภพได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ
“ว่าไงนะ” ภัสสรถามย้ำ
บัวเซ็ง
“จะมาหูตึงอะไรตอนนี้คะคุณหญิง มันบอกว่ามันนอนกับคุณภพแล้ว”
ชมปราม
“คุณหญิงไม่ได้หูตึง คุณหญิงตกใจนังบัว”
ภัสสรไม่สนใจบัว
“ลูกทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงอย่างนั้นจริงเหรอตาภพ”
เอกภพหน้าถอดสีไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี
“เอ่อ คือว่า...”
งามเนตรเห็นเอกภพอึกอักก็หันมองรู้สึกใจคอไม่ดี
“ว่าไงคะภพ”
“ทำไมต้องอึกอักอ้ำอึ้งด้วยคะคุณภพ หรือว่าคุณมีอะไรกับจริงๆ”
บัวจะเข้าไปคาดคั้นถามเอกภพ แต่ชมห้ามไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะนังบัว เมียเขานั่งทนโท่อยู่ทั้งคนไม่เห็นหรือไง”
งามเนตรไม่อยากเชื่อ
“เธอทำอย่างนั้นจริง ๆ เหรอมะเฟือง”
มะเฟืองไม่ตอบรอฟังคำตอบจากเอกภพ ภัสสรมองหน้าลูกชาย
“ว่าไงลูก แม่ถามทำไมไม่ตอบ”
บัวสอดขึ้นมาอีก
“ก่อเรื่องบัดสีบัดเถลิงขนาดนี้ เฉดหัวมันออกจากบ้านเลยคะคุณหญิง”
มะเฟืองตกใจกลัวถูกไล่ออกจากบ้าน รีบสวนไป
“มะเฟืองไม่ได้พูดค่ะ มันใส่ร้ายมะเฟือง”
บัวเถียง
“แล้วฉันจะเอาเรื่องชั่วๆ แบบนี้มาจากไหน”
“ก็เอามาจากสันดานเลวๆ ของแกยังไงล่ะ”
งามเนตรปรามน้อง
“เกรงใจคุณหญิงบ้างสิมะเฟือง”
ภัสสรตัดบทด้วยความรำคาญ
“สรุปว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันใช่มั้ย”
“ค่ะ มันหาเรื่องใส่ร้ายมะเฟือง เพราะอยากให้มะเฟืองถูกไล่ออกจากบ้าน”
“แกโกหก”
ชมดุ
“ยังอีกนังบัว หรือจะให้คุณหญิงไล่แกออกจากบ้าน”
“น้าชม”
“ไม่ต้องเรียกบ่อยๆ ฉันไม่ใช่แม่แก”
ภัสสรตัดบทด้วยความรำคาญ
“เอาล่ะๆ ในเมื่อเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกันแล้วคนของฉันเป็นคนหาเรื่องเธอก่อน ฉันก็จะยกประโยชน์ให้” ภัสสรหันไปหาบัว “ส่วนแก ฉันขอสั่ง ต่อไปนี้ห้ามยุ่งเกี่ยวกับมะเฟืองอีกเป็นอันขาด ถ้าฉันเห็นแกไปพูดจายั่วประสาท กวนโมโห หรือทำอะไรก็ตามจนเกิดเรื่องขึ้นมาอีก ฉันไล่ออก”
บัวโอดครวญ
“คุณหญิง”
“หรือจะออกไปเลย ไม่ต้องรอให้ฉันคาดโทษ”
บัวเจ็บใจ มะเฟืองยิ้มเย้ย
บัวเดินกลับไปที่ห้อง พึมพำออกมาด้วยความเจ็บใจ
“เจ็บใจจริง ๆ เลย คอยดู วันนึงฉันจะต้องกระชากหน้ากากแกออกมาให้ นังมะเฟือง”
เอกภพนั่งหน้าเครียดคิดถึงเรื่องมะเฟืองอยู่ งามเนตรที่กำลังจะเข้านอนเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจ เข้ามาพูดคุยด้วย
“เนตรขอโทษแทนมะเฟืองด้วยนะคะ”
เอกภพฝืนยิ้มอย่างคนรู้สึกผิด
“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษคุณ”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ก็เรื่องที่...”
เอกภพชั่งใจจะบอกงามเนตรดีหรือไม่ดี แต่ในที่สุดก็ไม่กล้าบอก พูดตัดบทเฉไฉไปเรื่องอื่น
“เรื่องที่ผมไม่ได้ไปรับคุณ...เนตรผมอยากให้ คุณรู้อะไรอย่างนึง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมรักเนตรนะครับ”
“เนตรก็รักคุณ เนตรสัญญาว่าต่อไปนี้มีอะไรเนตรจะคุยกับคุณตรง ๆ เราจะไม่มีอะไรปิดบังกันอีก”
เอกภพหน้าเสียใจรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น เปลี่ยนเรื่องคุย
“ว่าแต่เมื่อกี๊ตอนที่คุณเข้ามาในห้อง คุณบอกผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน เรื่องอะไรเหรอครับ”
“เนตรตัดสินใจแล้วค่ะ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เนตรจะลาออกมาช่วยงานคุณที่ออฟฟิศ”
เอกภพหน้าเสีย
“เหรอครับ”
งามเนตรแปลกใจ
“คุณไม่ดีใจเหรอคะ”
“ดีใจสิครับ แล้วก็ดีใจมากด้วย”
เอกภพกอดงามเนตรด้วยแววตาหวั่นวิตก จะต้องเกิดเรื่องไม่ดีตามมาอีกแน่ๆ ส่วนงามเนตรไม่รู้สึกระแคะระคายใดๆทั้งสิ้น
งามเนตรยื่นจดหมายลาออกให้มาวิน
“นี่ค่ะจดหมายลาออก”
มาวินไม่แม้แต่จะมองจดหมาย กลับย้อนถามด้วยท่าทางสบายๆ
“คุณคิดดีแล้วเหรอที่จะทิ้งอนาคตตัวเองเพียงเพราะผู้ชายคนเดียว”
“แต่ผู้ชายคนที่คุณหมายถึงเขาเป็นสามีฉันนะคะ”
“นั่นแหละตัวดีเลย ถ้าวันนึงเขาทิ้งคุณไปมีอีหนูหรือว่าชีวิตแต่งงานของคุณไปไม่รอดล่ะจะทำยังไง”
“คุณเอกภพไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“ผมเห็นมานักต่อนักแล้วที่ผู้หญิงยอมเสียสละอนาคตตัวเองเพื่อครอบครัว”
มาวินเหลือบตามองรูปถ่ายของเขากับแม่ที่ใส่กรอบวางอยู่บนโต๊ะ
“หวังจะฝากชีวิตกับคนที่เธอรัก แต่สุดท้ายก็กลายเป็นของตาย ที่ผู้ชายจะย่ำยี ความรู้สึกเธอยังไงก็ได้”
มาวินลุกขึ้นเดินมาคุยกับงามเนตรใกล้ ๆ
“ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่รู้สึกอะไร เพราะคุณยังทำงานหาเงินได้ แต่ถ้าวันนึง คุณต้องไปคอยแบมือขอเงินคนอื่นคุณจะรู้สึกยังไง ถ้าเขายังรักคุณก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าเขาหมดรักคุณแล้ว คุณจะกลายเป็นคนไม่มีค่าทันที”
“ฉันไม่รู้ว่าอะไรทำให้คุณกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย แต่ที่ฉันรู้คนเราไม่เหมือนกัน วิธีที่รับมือปัญหาก็ต่างกัน แต่ที่สำคัญฉันมั่นใจในตัวสามีของฉัน และฉันก็คิดว่าฉันตัดสินใจดีแล้ว”
“แล้วถ้าหลังจากนี้คุณจับได้ว่าสามีนอกใจคุณจะทำยังไง”
งามเนตรไม่พอใจลุกขึ้นหันไปสวนมาวิน
“ฉันบอกแล้วว่าสามีฉันไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน มันอาจจะไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ หรือว่าเกิดขึ้นแล้วแต่คุณยังไม่รู้ มันอาจจะกินเวลายาวนาน 5 ปี 10 ปี หรือแค่เดือนเดียว แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ โอกาสในการทำงานของคุณก็น้อยลง สุดท้ายก็ต้องทนอยู่เพราะไม่มีทางเลือก”
“แต่ฉันถูกสอนให้อยู่กับปัจจุบัน ทำทุกวันให้มันดี ไม่กังวลถึงอดีตที่ผ่านไปแล้วและไม่พะวงถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง”
“ผมไม่ได้บอกให้คุณกลัวจนไม่กล้าใช้ชีวิต แต่ผมเตือนเพราะหวังดี ไม่อยากเห็นคุณเป็นของตายของใคร...ธรรมชาติของผู้ชายคือนักล่า ความสุขของเขาคือการไล่ล่า แต่ถ้าได้มาครอบครองแล้วความสนุกก็หมดไปทันที”
“นี่แหละคะสิ่งที่ทำให้คุณกับเขาแตกต่างกัน คุณมองความรักเป็นแค่เกม แค่เขามองเป็นความรับผิดชอบ เป็นสิ่งที่จะผูกพันกันชั่วชีวิต”
มาวินทำหน้าไม่ยี่หระ งามเนตรตัดบท
“ขอบคุณนะคะสำหรับความหวังดีถึงแม้ฉันจะไม่แน่ใจในจุดประสงค์ของคุณก็ตาม แต่ฉันตัดสินใจแล้ว และฉันก็พร้อมที่จะยอมรับผลของมัน”
“งั้นผมจะรับจดหมายของคุณไว้พิจารณาก็ได้ แต่ผมจะไม่อนุมัติจนกว่าจะแน่ใจว่า คุณมีความสุขแล้วจริงๆ”
มาวินพูดด้วยท่าทางสบายๆ แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นจริงใจ
ทันทีที่นิดาได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากงามเนตร ก็กรี๊ดออกมาด้วยความอิจฉา
“อ๊ายย คุณวินพูดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอเนตร หล่อมั่กมาก อยากดั่ยอยากดั่ย อยากได้ อยากได้จนขนลุกไปหมดแล้ว”
งามเนตรหน้างอ
“แล้วฉันจะโกหกทำไม คนอะไรตื้อชะมัดยาด”
นิดาเพ้อไม่สนใจงามเนตร
“นี่ใช่มั้ยที่เขาบอกว่าทำตัวให้มีค่าดีกว่าทำหน้าให้ดูดี ชาติก่อนเธอทำบุญด้วยอะไรเนตร ถึงมีผู้ชายดี ๆ 2 คนมารุมแย่งกัน”
“แต่ฉันว่าคงไม่ได้ทำบุญหรอก น่าจะเป็นทำกรรมร่วมกันมากกว่า ชาตินี้ถึงต้องเกิดมาใช้กรรมร่วมกัน”
“ว้าย ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ เคยได้ยินมั้ยเขาบอกว่าคิดยังไงก็จะได้อย่างนั้น ไม่เอาแล้ว เปลี่ยนเรื่องดีกว่า แล้วนี่ตกลงเธอจะทำยังไง”
“ก็คงต้องทำตามกฎของบริษัท อยู่ให้ครบเดือนแล้วค่อยออก”
“แม้ว่าคุณมาวินจะไม่อนุมัติก็ตาม”
“ใช่”
งามเนตรพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่จริงจัง
โปรดติดตาม "น้องเมีย" ตอนที่ 13 พรุ่งนี้ 9.00 น.