xs
xsm
sm
md
lg

ถกเงียบกู้พรบ.2ล้านล้าน-ซัดเปิดช่องโกงยันปลายน้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ถกเงียบเงิน “เลดี้กูกู้”วันแรก 2 ล้านล้านบาท ฝ่ายค้าน ห่วงขัดรัฐธรรมนูญปิดช่องตรวจสอบ จี้รัฐเก็บภาษีที่ดินพิเศษรอบสถานีรถไฟเร็วสูง อัดเปิดทางโกงยันปลายน้ำ"กรณ์"ชงหั่น เหลือ 4 แสนล้าน “มาร์ค” ยันชัดทำลายระบอบตรวจสอบ แต่มาแปลกกลับอ้างออกพ.ร.ก.ไม่เป็นไร “ชัชชาติ” แจงกู้ 7 ปีเฉลี่ยใช้ปีละ2-3แสนล้านไม่เร่งทำยิ่งแพง “ยิ่งลักษณ์”การันตีมีปัญหา “ไม่ยุบสภา” คนรัฐดักคอยื่นศาลรธน.ตีความ “ไร้วาระซ่อนเร้น”

วานนี้(19 ก.ย.56) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ พิจารณาร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ....(พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน) วาระ 2 หลังจากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจาณาเสร็จแล้ว โดยเริ่มพิจารณาเรียงตามมาตรา เริ่มต้นที่ ชื่อร่างพ.ร.บ. โดยไม่มีการถ่ายทอดสดให้ประชาชนรับทราบ

ทั้งนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมว.คมนาคม ฐานะกรรมาธิการที่ปรึกษา ชี้แจงว่าการดำเนินการขนส่งต้องทำในภาพรวมของทั้งระบบ เป็นการลงทุนในระยะยาว ตามที่ระบุว่าจะเป็นการสร้างหนี้นั้นตนไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะมีคนที่ก่อนหนี้ไว้ให้ก่อนแล้วหรือไม่

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ สส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายว่า ได้แปรญัตติชื่อ ร่าง พ.ร.บ. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกำหนด เงินให้จ่ายเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง การสาธารณสุข และการศึกษาของประเทศ โดยสาเหตุที่เพิ่มประเด็น สาธารณสุข และ การศึกษา นั้นเพราะที่รัฐบาลอ้างผลการศึกษาของเวิร์ลอีโคโนมิคฟอรัม ขีดความสามารถด้านคมนาคมอยู่ที่ 46 จาก 144 ประเทศในปี 2012 จึงทำให้ต้องเร่งพัฒนาด้านคมนาคม แต่ข้อมูลด้านการศึกษา และสาธารณสุขนั้นก็อยู่ในลำดับต่ำจึงเห็นว่าควรจะ ระบุให้ชัดเจนเพื่อนำงบส่วนนี้ไปใช้พัฒนาทั้งสองด้านนี้ด้วย

นอกจากนี้ ยังเห็นว่า ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 ซึ่งหากสภาผ่านกฎหมายนี้ ตนก็จะแปรญัตติยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ อีกทั้งโครงการตามพ.ร.บ.นี้ไม่มีรายละเอียดความชัดเจน ไม่ผ่านการศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจสังคม ที่สำคัญการออกเป็นพ.ร.บ. ทำให้การตรวจสอบการใช้เงินเป็นไปอย่างยากลำบาก และมีมีแนวโน้มทุจริตได้ง่าย

ส่วนที่นายกฯ ชี้แจงกับตัวแทนสมาคมธนาคารไทยถึงการออก พ.ร.บ.ฉบับนี้แยกออกจากงบประมาณปกติเพราะ ต้องการความต่อเนื่อง แต่ปัญหาสำคัญคือเรื่องความโปร่งใส ทั้งที่โครงการต่างๆ สามารถนำเข้าสู่งบประมาณปกติได้โดย ปีละ 2-3 แสนล้านบาท ซึ่งจะไม่กระทบกับกรอบเพดานหนี้สาธารณะ

นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ลุกแปรญัตติชื่อร่าง พ.ร.บ.จากเดิมเปลี่ยนเป็นร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจรัฐบาลกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานฯ โดยสร้างภาระหนี้เพิ่มห้าสิบปี เนื่องมองว่าจากการกู้ของรัฐบาลสร้างภาระหนี้สินให้กับประเทศอย่างมหาศาล

ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เปิดโอกาสมีการโกงทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตั้งแต่การประมูลโครงการ การโก่งราคาค่าก่อสร้าง ไปจนถึงการที่บุคคลของหน่วยงานรัฐรู้ข้อมูลการก่อสร้างล่วงหน้าแล้วไปกว้านซื้อที่ดิน ดังนั้นจึงอยากให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ชี้แจงความโปร่งใสในโครงการ โดยเฉพาะการจับจองที่ดินนั้นต้องการให้รัฐบาลขึ้นป้ายประกาศล่วงหน้าให้ชัดเจนว่าพื้นที่ใดในจังหวัด อำเภอ ตำบลใดที่จะมีการสร้างสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงหรือการก่อสร้างอื่นตามโครงการของรัฐบาล เพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่ทราบความเป็นไปได้ของราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้คนที่รู้ข้อมูลรัฐล่วงหน้าลงไปกว้านซื้อที่ดินราคาถูก โดยที่คนในพื้นที่ไม่ทราบราคาในที่ดินของตัวเอง

นอกจากนี้รัฐบาลควรผลักดันมาตรการจัดเก็บภาษีที่ดินแบบพิเศษ สำหรับผู้ที่ครองที่ดินบริเวณที่มีการก่อสร้างโครงการของรัฐบาล ถือเป็นการจัดการเก็บภาษีกับผู้ที่ไปดักซื้อที่ดินล่วงหน้า แล้วจากนั้นให้รัฐบาลนำเงินที่ได้จากการเก็บภาษีพิเศษไปช่วยชำระหนี้จำนวนมหาศาลที่รัฐบาลกู้มา
ขณะที่นายชัชชาติ ชี้แจงว่า โครงการตามร่างพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทเป็นการทยอยใช้งบประมาณราว 2-3 แสนล้านต่อปี เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่ได้มีการกู้ใช้เงินรวดเดียวทั้งหมด 2 ล้านล้าน และมีผลที่ตามมามีความคุ้มทุนต่องบประมาณที่ใช้ไป

หลังการอภิปรายนานกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ใช้ชื่อร่างพ.ร.บ.ตามที่ได้เสนอในชั้นรับหลักการ ด้วยคะแนนเสียง 286 ต่อ 103 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง

จากนั้น เวลา 15.20 น. ที่ประชุมได้พิจารณา ในมาตรา 2 ว่าด้วยช่วงระยะเวลาที่ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน จะมีผลบังคับใช้ นายกรณ์ จาติกวณิช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการ ขอสงวนความเห็นโดยขอแก้ไขเพิ่มเติมความในคำปรารภให้ลดมูลค่าจำนวนเงินกู้จากวงเงิน 2 ล้านล้านบาทเหลือเพียง 4 แสนล้านบาท และ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้พบปะกับกลุ่มนักธุรกิจธนาคาร โดยนายกฯ ระบุว่า ร่างพ.ร.บ. 2 ล้านล้านถือเป็นการสร้างบ้าน แต่งบประมาณรายจ่ายประจำปีถือเป็นเพียงการซ่อมแซมบ้าน และโครงการจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มี ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านฉบับนี้ ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะแท้จริงแล้วรัฐบาลสามารถใช้วิธีการกู้เงินในระบบงบประมาณปกติได้

นายกรณ์ ยกกราฟประกอบการอภิปรายว่า ปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ยังมีกรอบเพดานให้รัฐบาลสามารถกู้เงินได้ถึง 5.5 แสนล้านโดยไม่กระทบวินัยการเงินการคลัง และปีงบประมาณตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไปรัฐบาลยังตั้งเป้าลดงบประมาณขาดดุลต่อเนื่อง ดังนั้นหากคำนวณตามสูตรกฎหมายแล้วมองว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีตั้งแต่ปี 2558-2563 รัฐบาลมีเพดานที่สามารถกู้เงินได้ถึงปีละ 6 แสนล้านบาท ดังนั้นตลอดระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 2557-2563 คำนวณแล้วรัฐบาลสามามารถดึงงบประมาณจากกรอบเพดานที่รัฐยังไม่ได้กู้มาได้ถึง 1.6 ล้านล้านบาท ดังนั้นตนจึงเสนอให้รัฐบาลกู้นอกงบประมาณปกติเพียง 4 แสนล้านบาทเท่านั้น เพราะสามารถกู้ในระบบงบประมาณปกติได้จำนวน 1.6 ล้านล้านบาท

“ผมไม่ได้คัดค้านการลงทุนและโครงการที่รัฐบาลเสนอมา แต่ค้านในประเด็นที่ว่ารัฐบาลไม่มีความจำเป็นต้องออกกฎหมายนอกวิธีงบประมาณปกติ เพราะโครงการตามร่างฉบับนี้ไม่ว่าจะเป็นรถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าความเร็วสูง ล้วนผ่านการอนุมัติมาจากรัฐบาลชุดที่แล้วแทบทั้งสิ้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่เราจะค้านตัวโครงการ เพียงแต่ผมมีเจตนาไม่อยากให้รัฐบาลกู้เงินนอกระบบงบประมาณปกติ เพราะจะขัดกับรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญอาจจะวินิจฉัยให้มีความผิดได้” นายกรณ์กล่าว

ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ชี้แจงว่า แม้ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้กู้นอกวิธีการงบประมาณปกติ แต่ก็มีการเสนอเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณาถือเป็นว่าละเอียดรอบคอบสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าโครงการตามร่างพ.ร.บ.สามารถบรรจุโครงการในงบประมาณประจำปีได้ แต่จะขาดความต่อเนื่อง และการแยกกลุ่มโครงการโครงสร้างพื้นฐานจากงบรายจ่ายประจำปีจะทำให้มีความชัดเจนและโปร่งใสมากกว่า ทั้งนี้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมมีภารกิจร่วมกัน และตระหนักดีว่าการใช้เงินต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง

อย่างไรก็ตามนายกรณ์ ลุกขึ้นกล่าวว่า รัฐบาลกำลังสร้างภาพให้ประชาชนเห็นว่าใครขวางกฎหมายนี้เป็นผู้ขวางความเจริญ แต่ตนยังยืนยันว่าสามารถกู้ผ่านระบบงบประมาณปกติได้ หากวันที่ 20 ก.ย.นี้ สมาชิกไม่โหวตผ่านร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ร่างก็ไม่ผ่านการพิจารณา แต่โครงการตามร่างก็ไม่ได้ล้มลง โดยขอแนะนำให้รัฐบาลเสนองบประมาณกลางปีในช่วงเดือนธ.ค.หรือ ม.ค.นี้ ตามวงเงินที่จำเป็นต้องใช้แทนได้ เช่น ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้เดิมต้องการตัวเลข 1.2 แสนล้านในปี 2557 ก็เสนองบเพิ่มเติมกลางปี 1.2 แสนล้านบาท เป็นต้น แล้วให้กระทรวงคมนาคมเบิกจ่ายตามแผนการเบิกจ่ายของกระทรวงเอง ถ้าเปลี่ยนเป็นรูปแบบนี้จะได้เสียง สส.ในสภาท่วมท้น

นายกรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่สำคัญกระทรวงคมนาคมต้องมีความพร้อม โดยจากร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านฉบับนี้พบว่าคมนาคมพร้อมเพียง 20% เท่านั้น อีกทั้งกรณีเหตุการณ์รถไฟตกรางบ่อยครั้งนั้น พรรคเพื่อไทยอ้างว่ารถไฟตกรางจึงจำเป็นต้องมีร่าง พ.ร.บ.2 ล้านล้าน แต่เมื่อดูจากงบประมาณปี 2556 ที่จะหมดปีงบประมาณ 30 ก.ย.นี้พบว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยได้รับการจัดสรรงบลงทุน 1,560 ล้านบาท แต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมาทั้งที่เกือบจะหมดปีงบประมาณแล้ว แต่การรถไฟมีการเบิกจ่ายเพียง 260 กว่าล้านบาทหรือ 15% ของงบเท่านั้น กระทรวงคมนาคมจึงควรทบทวนความพร้อมของกระทรวงเอง

ทั้งนี้กรรมาธิการฯ ไม่ได้มีการแก้ไข และกำหนดให้มีผลบังคับใช้วันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก่อนที่ที่ประชุมสภาฯ จะมีการลงมติเสียงข้างมาก 292 เสียง ต่อ 111 เสียง ยืนยันตามถ้อยคำในมาตรา 2 ตามร่างพ.ร.บ.กู้เงิน ที่ผ่านชั้นรับหลักการ ทั้งนี้วันแรกคาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลา 22.00 น.

** “ปู” ย้ำ2ล้านล้านไม่ผ่าน “ไม่ยุบสภา”

ก่อนการอภิปราย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมและใช้เวลาตลอดทั้งวันอยู่ที่นี่ โดยให้สัมภาษณ์ย้ำถึงความสำคัญในการออกกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทว่า จำเป็นต้องใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ซึ่งจะรักษาวินัยการเงินการคลัง และสัดส่วนไม่เกินที่หนี้สาธารณะกำหนดไว้ พร้อมเปิดให้ฝ่ายค้านใช้สิทธิ์อภิปรายอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม หากร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบก็ไม่จำเป็นถึงขั้นต้องยุบสภาฯ

ส่วนการหารือกับสมาคมธนาคารไทยก็ให้การสนับสนุน เพราะเห็นความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ย้ำว่าในส่วนของการเบิกจ่ายงบประมาณเงินกู้ดังกล่าวนั้น จะเป็นการทยอยเบิก 7 ปี และคำนึงถึงสภาวะการเงินการคลังเป็นสำคัญ

ขณะที่นายกิตติรัตน์ นายชัชชาติ และนายวราเทพ ก็ยืนยันพ้องกันว่า ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ต้น เพราะได้มีการปรึกษากับทางคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว อีกทั้งมีการพิจารณาทุกกระบวนการอย่างรอบคอบ

"ขอเรียกร้องให้ผู้ที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ศึกษาถึงข้อกฏหมายให้ชัดเจนอีกครั้งและให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ ส่วนฝ่ายค้าน ก็ควรช่วยตรวจสอบโครงการ 2 ล้านล้าน ดีกว่ายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพราะเชื่อว่า จะชนะใจประชาชน"นายกิตติรัตน์ กล่าว

ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ไม่สามารถระบุได้ว่า จะพิจารณาเสร็จภายใน 2 วันหรือไม่ ขณะที่ฝ่ายค้านจะอภิปราย 4 กรอบคือ เรื่องเกี่ยวกับการรักษาวินัยการเงินการคลัง ความไม่เหมาะสมไม่พร้อมของโครงการ ความไม่ชอบมาพากล และกฎหมายนี้อาจขัดกฎหมายการเงินพร้อมยืนยันว่า ฝ่ายค้านไม่ตีรวน แต่ขออย่าจำกัดสิทธิ์ในการอภิปราย

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเตรียมเรียกประชุมโครงการ 2 ล้านล้านบาทในวันที่ 20 ก.ย.นี้เพื่อรับทราบและติดตามความพร้อมในการจัดโรดโชว์โครงการ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะจัดในจังหวัดที่จะมีมูลค่าเพิ่มจากโครงการ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะมีการคิ๊กออฟกิจกรรมเปิดตัวโรดโชว์โครงการ 2 ล้านล้านบท ในวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาลก่อนที่จะมีการสัญจรไปยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งจะเริ่มในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น