ความทรงจำเรื่องน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ยังคงหลอกหลอนคนกรุงเทพฯ หลายพื้นที่ยังมีคราบน้ำท่วมปรากฏอยู่ รถยนต์หลายคันยังไม่เอาท่อไอเสียที่ต่อเพื่อหนีน้ำท่วมออก หลายคนยังใช้หนี้ใช้สินจากโศกนาฏกรรมครั้งนั้นยังไม่หมด
ปีนี้ฝนเยอะพายุเข้าหลายลูกหลายคนผวาว่า น้ำจะมาปูจะเอาไม่อยู่อีกรอบ ฝนเทลงมาแค่ชั่วอึดใจเดียวน้ำก็เจิ่งนองถนนเพราะท่อตันระบายไม่ได้ ฝันร้ายของน้ำท่วมใหญ่กลับมาเขย่าขวัญคนกรุงอีกครั้ง
หลายคนร้องหาผู้ว่าฯ กทม.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าหายไปไหน
ผมนึกถึงตอนหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หลายคนบ่นเบื่อสุขุมพันธุ์ไม่อยากเลือก เพราะเป็นผู้ว่าฯ กทม.สมัยแรกไม่เอาไหน ปชป.เองก็เตรียมจะหาคนอื่นมาลงแทน แต่สุดท้ายก็ต้องเอาหม่อมสุขุมพันธุ์มาลงอีกรอบ เพราะกลัวเสียงแตกหลังจากที่คุณชายหมูประกาศว่า ถึงพรรคไม่ส่งก็ต้องลงสมัครอิสระแน่ๆ พรรคประชาธิปัตย์ก็เลยกลัวว่า ถ้าแข่งกันเองระหว่างคนที่พรรคจะส่งและหม่อมสุขุมพันธุ์ก็จะแพ้พรรคเพื่อไทย
ทั้งๆ ที่จริงตอนนั้น ถ้าสุขุมพันธุ์ลงอิสระก็คงไม่มีใครเลือกแล้ว
รู้ๆ กันอยู่ว่าในความจริงทีมงานของสุขุมพันธุ์กับอภิสิทธิ์ก็ไม่ลงรอยกัน แม้สุขุมพันธุ์จะเป็นผู้ว่าฯ กทม.ครั้งแรก เพราะสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ทำตัวเป็นรัฐอิสระ ไม่ขึ้นกับพรรคมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เสียงนินทากาเลถึงหม่อมสุขุมพันธุ์ดังกระหึ่มไปหมด แต่สุดท้ายต้องหันมาจับมือกันลงหาเสียงเลือกตั้งแบบมีเดิมพันว่าแพ้ไม่ได้ เพราะกทม.เป็นเมืองหลวงและเป็นพื้นที่ฐานคะแนนเสียงของพรรค
อย่างไรก็ตาม แม้หม่อมสุขุมพันธุ์จะได้ลงสมัครสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ในท้ายที่สุดและหาเสียงกันแบบทุ่มทั้งพรรค เจ้าตัวถึงกลับต้องบีบน้ำตาหาเสียง แต่โพลทุกสำนักกลับบอกว่าหม่อมสุขุมพันธุ์นั้นแพ้แน่ คราวนี้กทม.ไม่รอดเสร็จเพื่อไทยแหงๆ คนกรุงเทพฯ ชนชั้นกลางในเมืองหลวงตื่นตัวกันใหญ่ จนพรรคประชาธิปัตย์ต้องระดมกำลังปลุกกระแสเลือกสุขุมพันธุ์เพื่อต้านระบอบทักษิณขึ้นมาสู้
คนมีชื่อเสียง ไฮโซ เซเลบออกมาเปลืองตัวหาเสียงช่วยคุณชายเพราะกลัวว่าเสื้อแดงจะยึดเมือง
คนจำนวนหนึ่งที่ไม่อยากเลือกสุขุมพันธุ์ ไม่อยากเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ฝืนความรู้สึกออกมาเลือก เพราะกลัวว่าพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จะนอนมาตามกระแสของโพล
สุดท้ายคะแนนของสุขุมพันธุ์ก็ท่วมท้น ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทุบสถิติผู้ว่าฯ กทม.ทุกคน
หลังจากได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.หม่อมสุขุมพันธุ์ก็หายเข้ากลีบเมฆ หลายคนบ่นว่าไม่เห็นหัวเลย ทีมงานของสุขุมพันธุ์อาจเถียงว่า ไม่ได้หายไปไหน แต่ไปทำงานที่ศาลาว่าการผู้ว่าฯ กทม.ทุกวัน มีงานให้ทำจนล้นมือ
แม้ว่าคนโบราณจะสอนให้เราอย่าทำงานเอาหน้าให้ปิดทองหลังพระ แต่เราคงต้องยอมรับความจริงว่า การแข่งขันในระบอบประชาธิปไตยทำอย่างนั้นไม่ได้ เรารู้กันอยู่ว่า ทุกวันนี้ใครสามารถครอบครองสื่อคนนั้นมีอำนาจ ดังนั้นจะเล่นการเมืองต้องใช้สื่อให้เป็น ทั้งนี้ก็เพื่อจะสื่อสารไปถึงประชาชนทั้งที่เลือกเรามาและไม่ได้เลือกเรามานั่นเอง
ผมไม่รู้นะครับว่า หม่อมสุขุมพันธุ์และทีมงานเรียนรู้อะไรบ้างจากการลงเลือกตั้งเที่ยวที่สองว่าทำไมคนจำนวนมากไม่อยากเลือกหม่อมสุขุมพันธุ์แล้ว จนพรรคต้องปลุกผีทักษิณออกมาหลอกหลอนคนเมืองหลวง หลายคนจำใจต้องเลือกเพราะกลัวเสื้อแดงจะยึดเมืองอย่างที่ว่า ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แสดงความเห็นว่า ที่ไม่อยากเลือกเพราะไม่เห็นผลงานอะไรเลย
จนในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา บางคนถึงกับต้องพูดว่า ไป “กัดฟัน” เลือกสุขุมพันธุ์มา
เอาเถอะโดยส่วนตัวหม่อมสุขุมพันธุ์อาจจะอยากบอกว่า ในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.สมัยแรกนั้นตัวเองทำงานหนักมาก แต่ไม่ได้ออกสื่อ คนครหาว่าไม่ทำงาน ไม่มีผลงาน จนต้องมาเหนื่อยหนักในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แต่หลังได้รับการเลือกตั้งแล้ว ผมก็ยังตั้งความหวังไว้ว่าหม่อมสุขุมพันธุ์และทีมงานน่าจะเห็นบทเรียนและปรับปรุงตัวในสมัยนี้
กลายเป็นว่า พอได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนท่วมท้นแล้วเรากลับมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงและการทบทวนบทเรียนจากการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ในสมัยแรกจาก หม่อมสุขุมพันธุ์และทีมงานเลย เพราะหลังได้เป็นผู้ว่าฯกทม.แล้ว สุขุมพันธุ์ก็เงียบฉี่จนคนเขาถามกันทั้งเมืองว่าหายไปไหน
ยิ่งฝนตกหนักน้ำเจิ่งถนน คนเขาก็ยิ่งถามหาสุขุมพันธุ์ หม่อมสุขุมพันธุ์อาจมองว่า งานแบบนี้ไม่ใช่งานของผู้ว่าฯ กทม.แต่เป็นงานของข้าราชการประจำ ปลัดกทม. รองปลัด หรือผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำ ผู้ว่าฯ กทม.ทำงานในเชิงให้นโยบายไม่ใช่คนล้วงท่อขุดท่อ
และสุดท้ายก็คงมีคนออกมาแก้ตัวแบบซ้ำๆ ว่า ผู้ว่าฯ กทม.ทำงานเยอะทำงานหนัก แต่การทำงานนั้นไม่ได้ออกสื่อ ผู้ว่าฯ กทม.ไม่ได้มีหน้าที่คอยนั่งแถลงผลงานของตัวเองผ่านสื่อ
ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องกลับไปคิดนะครับว่า ถ้าอยู่ในยุคนี้แล้วยังไม่เห็นความสำคัญของสื่อ ยังไม่เข้าใจในเรื่องอำนาจของสื่อเพื่อสื่อสารกับประชาชน แสดงว่าทีมงานของคุณชายสุขุมพันธุ์มีปัญหาใช่หรือไม่
หรือหม่อมสุขุมพันธุ์คิดเพียงว่า หนนี้เที่ยวสุดท้ายยังไงเที่ยวหน้าก็ไม่ลงสมัครอีกแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องทำงานเอาใจประชาชนที่เลือกมาอีกแล้ว
บอกตรงๆ นะครับว่า ผมไม่โทษหม่อมสุขุมพันธุ์และทีมงานอย่างเดียว ผมโทษพรรคประชาธิปัตย์ด้วย เพราะพรรคประชาธิปัตย์ออกมาปลุกกระแสให้เลือกหม่อมสุขุมพันธุ์เพื่อต้านระบอบทักษิณ จนประชาชนจำนวนมากกว่าล้านสองแสนคนออกมาอุ้มสุขุมพันธุ์ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าเลือกผู้ว่าฯ กทม.มันจะไปต่อต้านระบอบทักษิณตรงไหน
แม้การต่อต้านระบอบทักษิณ ต่อต้านพวกเผาบ้านเผาเมืองจะเป็นเพียงวาทกรรมเพื่อเอาชนะกันทางการเมือง แต่อย่างน้อยพรรคประชาธิปัตย์ก็จะต้องรับผิดชอบต่อการทำงานของหม่อมสุขุมพันธุ์ด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนเผชิญอยู่กับชะตากรรมคนที่พรรคนำมาเสนอตามลำพัง
นั่นคือพรรคต้องดูแลประชาชนที่ให้ความไว้วางใจเลือกคนของพรรคด้วย
แต่ว่าก็ว่าเถอะ นอกจากเรื่องผู้ว่าฯ กทม.หายหัวแล้ว ยังเป็นโชคดีของพรรคประชาธิปัตย์นะครับที่ไม่มีใครเขาถามว่า การเลือกสุขุมพันธุ์เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณมีอะไรที่เป็นรูปธรรมบ้าง
ผมเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์นั้นรู้ดีว่า แม้กทม.จะเป็นที่มั่นของพรรคที่ได้รับคะแนนอย่างท่วมท้นมาตลอด แต่พรรคก็ไม่สามารถประมาทพรรคเพื่อไทยได้ หากดูผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาที่พรรคแพ้อย่างไม่น่าแพ้ในหลายเขต และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ด้วยแล้ว แม้พรรคเพื่อไทยจะแพ้ก็มีคะแนนเป็นล้านเหมือนกัน
หน้าฝนปีนี้จึงชี้ชะตาของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย
คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่กลัวผีทักษิณ เกลียดคนเผาบ้านเผาเมืองก็จริงครับ แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีผลงาน ก็เอาเรื่องนั้นมาหากินไม่ได้ตลอดไปหรอกครับ
ปีนี้ฝนเยอะพายุเข้าหลายลูกหลายคนผวาว่า น้ำจะมาปูจะเอาไม่อยู่อีกรอบ ฝนเทลงมาแค่ชั่วอึดใจเดียวน้ำก็เจิ่งนองถนนเพราะท่อตันระบายไม่ได้ ฝันร้ายของน้ำท่วมใหญ่กลับมาเขย่าขวัญคนกรุงอีกครั้ง
หลายคนร้องหาผู้ว่าฯ กทม.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าหายไปไหน
ผมนึกถึงตอนหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หลายคนบ่นเบื่อสุขุมพันธุ์ไม่อยากเลือก เพราะเป็นผู้ว่าฯ กทม.สมัยแรกไม่เอาไหน ปชป.เองก็เตรียมจะหาคนอื่นมาลงแทน แต่สุดท้ายก็ต้องเอาหม่อมสุขุมพันธุ์มาลงอีกรอบ เพราะกลัวเสียงแตกหลังจากที่คุณชายหมูประกาศว่า ถึงพรรคไม่ส่งก็ต้องลงสมัครอิสระแน่ๆ พรรคประชาธิปัตย์ก็เลยกลัวว่า ถ้าแข่งกันเองระหว่างคนที่พรรคจะส่งและหม่อมสุขุมพันธุ์ก็จะแพ้พรรคเพื่อไทย
ทั้งๆ ที่จริงตอนนั้น ถ้าสุขุมพันธุ์ลงอิสระก็คงไม่มีใครเลือกแล้ว
รู้ๆ กันอยู่ว่าในความจริงทีมงานของสุขุมพันธุ์กับอภิสิทธิ์ก็ไม่ลงรอยกัน แม้สุขุมพันธุ์จะเป็นผู้ว่าฯ กทม.ครั้งแรก เพราะสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ทำตัวเป็นรัฐอิสระ ไม่ขึ้นกับพรรคมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เสียงนินทากาเลถึงหม่อมสุขุมพันธุ์ดังกระหึ่มไปหมด แต่สุดท้ายต้องหันมาจับมือกันลงหาเสียงเลือกตั้งแบบมีเดิมพันว่าแพ้ไม่ได้ เพราะกทม.เป็นเมืองหลวงและเป็นพื้นที่ฐานคะแนนเสียงของพรรค
อย่างไรก็ตาม แม้หม่อมสุขุมพันธุ์จะได้ลงสมัครสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ในท้ายที่สุดและหาเสียงกันแบบทุ่มทั้งพรรค เจ้าตัวถึงกลับต้องบีบน้ำตาหาเสียง แต่โพลทุกสำนักกลับบอกว่าหม่อมสุขุมพันธุ์นั้นแพ้แน่ คราวนี้กทม.ไม่รอดเสร็จเพื่อไทยแหงๆ คนกรุงเทพฯ ชนชั้นกลางในเมืองหลวงตื่นตัวกันใหญ่ จนพรรคประชาธิปัตย์ต้องระดมกำลังปลุกกระแสเลือกสุขุมพันธุ์เพื่อต้านระบอบทักษิณขึ้นมาสู้
คนมีชื่อเสียง ไฮโซ เซเลบออกมาเปลืองตัวหาเสียงช่วยคุณชายเพราะกลัวว่าเสื้อแดงจะยึดเมือง
คนจำนวนหนึ่งที่ไม่อยากเลือกสุขุมพันธุ์ ไม่อยากเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ฝืนความรู้สึกออกมาเลือก เพราะกลัวว่าพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จะนอนมาตามกระแสของโพล
สุดท้ายคะแนนของสุขุมพันธุ์ก็ท่วมท้น ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทุบสถิติผู้ว่าฯ กทม.ทุกคน
หลังจากได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.หม่อมสุขุมพันธุ์ก็หายเข้ากลีบเมฆ หลายคนบ่นว่าไม่เห็นหัวเลย ทีมงานของสุขุมพันธุ์อาจเถียงว่า ไม่ได้หายไปไหน แต่ไปทำงานที่ศาลาว่าการผู้ว่าฯ กทม.ทุกวัน มีงานให้ทำจนล้นมือ
แม้ว่าคนโบราณจะสอนให้เราอย่าทำงานเอาหน้าให้ปิดทองหลังพระ แต่เราคงต้องยอมรับความจริงว่า การแข่งขันในระบอบประชาธิปไตยทำอย่างนั้นไม่ได้ เรารู้กันอยู่ว่า ทุกวันนี้ใครสามารถครอบครองสื่อคนนั้นมีอำนาจ ดังนั้นจะเล่นการเมืองต้องใช้สื่อให้เป็น ทั้งนี้ก็เพื่อจะสื่อสารไปถึงประชาชนทั้งที่เลือกเรามาและไม่ได้เลือกเรามานั่นเอง
ผมไม่รู้นะครับว่า หม่อมสุขุมพันธุ์และทีมงานเรียนรู้อะไรบ้างจากการลงเลือกตั้งเที่ยวที่สองว่าทำไมคนจำนวนมากไม่อยากเลือกหม่อมสุขุมพันธุ์แล้ว จนพรรคต้องปลุกผีทักษิณออกมาหลอกหลอนคนเมืองหลวง หลายคนจำใจต้องเลือกเพราะกลัวเสื้อแดงจะยึดเมืองอย่างที่ว่า ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แสดงความเห็นว่า ที่ไม่อยากเลือกเพราะไม่เห็นผลงานอะไรเลย
จนในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา บางคนถึงกับต้องพูดว่า ไป “กัดฟัน” เลือกสุขุมพันธุ์มา
เอาเถอะโดยส่วนตัวหม่อมสุขุมพันธุ์อาจจะอยากบอกว่า ในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.สมัยแรกนั้นตัวเองทำงานหนักมาก แต่ไม่ได้ออกสื่อ คนครหาว่าไม่ทำงาน ไม่มีผลงาน จนต้องมาเหนื่อยหนักในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แต่หลังได้รับการเลือกตั้งแล้ว ผมก็ยังตั้งความหวังไว้ว่าหม่อมสุขุมพันธุ์และทีมงานน่าจะเห็นบทเรียนและปรับปรุงตัวในสมัยนี้
กลายเป็นว่า พอได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนท่วมท้นแล้วเรากลับมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงและการทบทวนบทเรียนจากการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ในสมัยแรกจาก หม่อมสุขุมพันธุ์และทีมงานเลย เพราะหลังได้เป็นผู้ว่าฯกทม.แล้ว สุขุมพันธุ์ก็เงียบฉี่จนคนเขาถามกันทั้งเมืองว่าหายไปไหน
ยิ่งฝนตกหนักน้ำเจิ่งถนน คนเขาก็ยิ่งถามหาสุขุมพันธุ์ หม่อมสุขุมพันธุ์อาจมองว่า งานแบบนี้ไม่ใช่งานของผู้ว่าฯ กทม.แต่เป็นงานของข้าราชการประจำ ปลัดกทม. รองปลัด หรือผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำ ผู้ว่าฯ กทม.ทำงานในเชิงให้นโยบายไม่ใช่คนล้วงท่อขุดท่อ
และสุดท้ายก็คงมีคนออกมาแก้ตัวแบบซ้ำๆ ว่า ผู้ว่าฯ กทม.ทำงานเยอะทำงานหนัก แต่การทำงานนั้นไม่ได้ออกสื่อ ผู้ว่าฯ กทม.ไม่ได้มีหน้าที่คอยนั่งแถลงผลงานของตัวเองผ่านสื่อ
ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องกลับไปคิดนะครับว่า ถ้าอยู่ในยุคนี้แล้วยังไม่เห็นความสำคัญของสื่อ ยังไม่เข้าใจในเรื่องอำนาจของสื่อเพื่อสื่อสารกับประชาชน แสดงว่าทีมงานของคุณชายสุขุมพันธุ์มีปัญหาใช่หรือไม่
หรือหม่อมสุขุมพันธุ์คิดเพียงว่า หนนี้เที่ยวสุดท้ายยังไงเที่ยวหน้าก็ไม่ลงสมัครอีกแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องทำงานเอาใจประชาชนที่เลือกมาอีกแล้ว
บอกตรงๆ นะครับว่า ผมไม่โทษหม่อมสุขุมพันธุ์และทีมงานอย่างเดียว ผมโทษพรรคประชาธิปัตย์ด้วย เพราะพรรคประชาธิปัตย์ออกมาปลุกกระแสให้เลือกหม่อมสุขุมพันธุ์เพื่อต้านระบอบทักษิณ จนประชาชนจำนวนมากกว่าล้านสองแสนคนออกมาอุ้มสุขุมพันธุ์ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าเลือกผู้ว่าฯ กทม.มันจะไปต่อต้านระบอบทักษิณตรงไหน
แม้การต่อต้านระบอบทักษิณ ต่อต้านพวกเผาบ้านเผาเมืองจะเป็นเพียงวาทกรรมเพื่อเอาชนะกันทางการเมือง แต่อย่างน้อยพรรคประชาธิปัตย์ก็จะต้องรับผิดชอบต่อการทำงานของหม่อมสุขุมพันธุ์ด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนเผชิญอยู่กับชะตากรรมคนที่พรรคนำมาเสนอตามลำพัง
นั่นคือพรรคต้องดูแลประชาชนที่ให้ความไว้วางใจเลือกคนของพรรคด้วย
แต่ว่าก็ว่าเถอะ นอกจากเรื่องผู้ว่าฯ กทม.หายหัวแล้ว ยังเป็นโชคดีของพรรคประชาธิปัตย์นะครับที่ไม่มีใครเขาถามว่า การเลือกสุขุมพันธุ์เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณมีอะไรที่เป็นรูปธรรมบ้าง
ผมเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์นั้นรู้ดีว่า แม้กทม.จะเป็นที่มั่นของพรรคที่ได้รับคะแนนอย่างท่วมท้นมาตลอด แต่พรรคก็ไม่สามารถประมาทพรรคเพื่อไทยได้ หากดูผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาที่พรรคแพ้อย่างไม่น่าแพ้ในหลายเขต และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ด้วยแล้ว แม้พรรคเพื่อไทยจะแพ้ก็มีคะแนนเป็นล้านเหมือนกัน
หน้าฝนปีนี้จึงชี้ชะตาของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย
คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่กลัวผีทักษิณ เกลียดคนเผาบ้านเผาเมืองก็จริงครับ แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีผลงาน ก็เอาเรื่องนั้นมาหากินไม่ได้ตลอดไปหรอกครับ