คอลัมน์ “Final Quarter” โดย “ลุงแซม”
ฤดูกาล 2013/14 ของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เปิดฉากได้อย่างเร้าใจ ผู้เขียนมีสถิติ “ตัวเลข” ที่น่าสนใจของสัปดาห์แรกมาเล่าสู่กันฟัง แต่ขอเป็นฉบับออกวันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2556 ดังเดิม แต่ด้วยการที่ยังติดค้างคอบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เกี่ยวกับเรื่องราวการต่อสู้ในสนามของผู้เล่นที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้ได้สัญญาก้อนโตเมื่อถึงช่วงหน้าร้อนปีหน้า จึงขออนุญาต “พี่ทอม” กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน คอลัมนิสต์ที่เคารพรัก แทรกเนื้อหาตอนนี้แทน คอลัมน์ “EYE ON SPORTS” ไปก่อน
หลังจากได้กล่าวถึง เอริค เบลดโซ, แอนดรูว์ โบกัต, เอเวอรี แบรดลีย์ และ ลูออล เดง ไปแล้วตอนก่อน วันนี้เรามาเริ่มต้นถึงสถานการณ์ของ มาริโอ ชาลเมอร์ส การ์ดผู้ปิดทองหลังพระในความสำเร็จของ ไมอามี ฮีต แชมป์ 2 สมัยล่าสุด ด้วยบทบาทการเป็นสำรอง แพท ไรลีย์ ประธานย่อมต้องไล่เรียงลำดับความสำคัญ กรณีทีมเลือกเก็บ “บิ๊กทรี” อย่าง เลอบรอน เจมส์, ดีเวย์น เหว็ด และ คริส บอช ไว้ถ้วนหน้า โอกาสที่ ชาลเมอร์ส จะได้ปักหลักยัดห่วงในถิ่นอเมริกัน แอร์ไลน์ส อารีนา หาใช่การันตี การเป็น “อันรีสตริก ฟรีเอเยนต์” ย้ายทีมได้แบบไม่มีเงื่อนไข แต่ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ย 8.6 แต้ม 3.5 แอสซิสต์ จะส่งผลดีต่อทีมกรณี “ดี-เหว็ด” ยืนระยะไม่ไหว ที่สำคัญ ชาลเมอร์ส วัย 27 ปี ปรับปรุงเรื่องการเสีย “เทิร์นโอเวอร์” ลดลงมาได้แล้ว
มาต่อกันที่ เดอร์ริค เฟเวอร์ส อดีตดราฟต์อันดับ 3 ของปี 2010 การที่ บรูกลิน เน็ตส์ คิดการใหญ่จึงส่ง เฟเวอร์ส พร้อมด้วย เดวิน แฮร์ริส ให้แก่ ยูทาห์ แจซซ์ เพื่อให้ได้มาซึ่ง เดรอน วิลเลียมส์ การ์ดมือทอง ทว่าเมื่อมาอยู่ที่ ยูทาห์ ฟอร์เวิร์ดวัย 22 ปี เส้นทางสู่การเป็นสตาร์ถูกขวางลำโดยรุ่นพี่อย่าง แอล เจฟเฟอร์สัน กับ พอล มิลแซป ทำให้หนุ่มจากมหาวิทยาลัยจอร์เจีย เทค อาจต้องมองหาทางขยับขยาย พอจบฤดูกาล 2013/14 เฟเวอร์ส มีคิวเป็น “รีสตริก ฟรีเอเยนต์” เป็นไปได้ว่า แจซซ์ อาจเปิดทางให้เด็กคนนี้ย้ายได้โดยไม่สู้ค่าเหนื่อย ดังนั้นสิ่งที่ เฟเวอร์ส ต้องทำในปีที่กำลังจะมาถึงคือ ขยับค่าสถิติเฉลี่ยให้มากกว่า 9.4 แต้ม 7.1 รีบาวนด์ 1.0 แอสซิสต์ ขณะที่เรื่องการบล็อกเฉลี่ย 1.7 ครั้งต่อเกม ถือว่าเข้าข่ายผู้เล่นเหนียวหนึบวงในใช้ได้อยู่
ต่อด้วย มาร์ซิน กอร์แทต ชื่อนี้แฟนๆ NBA คงคุ้นกับบทบาทเป็นกำลังเสริม “ซูเปอร์แมน” ดไวท์ ฮาวเวิร์ด ครั้งนำ ออร์แลนโด แมจิก ทะลุถึงรอบชิงแชมป์ประเทศ ก่อนโดน แอลเอ เลเกอร์ส เฆี่ยนยับเมื่อปี 2009 ถึงวันนี้เซ็นเตอร์ชาวโปลกลายเป็นเสาหลักค้ำยัน ฟีนิกซ์ ซันส์ ฤดูกาล 2011/12 การครองบอลหนึ่งหนของ กอร์แทต ได้เฉลี่ย 1.23 แต้มเลยทีเดียว บ่งชี้ว่าจับบอลแต่ละครั้งต้องมีแต้ม ซีซันใหม่นี้ หากสามารถเข้าคู่ โกรัน ดรากิซ การ์ดสโลวีเนียนในแผน “พิก แอนด์ โรล” ได้อย่างเห็นผล แฟนๆ “ลูกพระอาทิตย์” อาจย้อนนึกไปถึงสมัยมี อมาเร สเตาดาไมร์ กับ สตีฟ แนช ประสานงานกัน ยิ่งถ้าผลงานเด่นกว่าค่าเฉลี่ยปีก่อนที่ 11.1 แต้ม 8.5 รีบาวนด์ กับอีก 1.6 บล็อก โอกาสไปโกยเงินก้อนโตกว่าเดิมในตลาดฟรีเอเยนต์ย่อมมีมากขึ้นด้วย
ปิดท้ายกันที่ แดนนี เกรนเจอร์ ที่เคยได้โหวตเป็น “ผู้เล่นพัฒนาฝีมือยอดเยี่ยม” แห่งปี 2009 ทว่าด้วยปัญหาบาดเจ็บ ซีซันก่อนจึงลงสนามแค่ 5 เกม ด้วยอายุขึ้นหลัก 30 ปีแล้ว ทำให้ เควิน พริทชาร์ด ผู้จัดการทั่วไปต้องดีดลูกคิดคำนวนให้ดี กับสถานะ “อันรีสตริก ฟรีเอเยนต์” ถ้าสภาพร่างกายเกรนเจอร์ ฟิตปั๋ง ศักยภาพการทำแต้มตอบแทนเม็ดเงินได้คุ้มแน่ เพเซอร์ส จะมีไลน์อัพที่ไม่เป็นรองใคร รอย ฮิบเบิร์ต ค้ำใน เดวิด เวสต์ ใช้เก๋าสอดประสาน เกรนเจอร์ ในตำแหน่ง สมอล ฟอร์เวิร์ด ขณะที่แบ็กคอร์ตเป็นคู่หู พอล จอร์จ กับ จอร์จ ฮิลล์ แต่หากไม่เป็นดั่งฝัน อย่าแปลกใจถ้าเกิด เพเซอร์ส ไม่คิดเก็บตัวไว้ ฤดูกาล 2013/14 จึงถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในอาชีพการเล่นของ เกรนเจอร์ เลยก็ว่าได้
ฤดูกาล 2013/14 ของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เปิดฉากได้อย่างเร้าใจ ผู้เขียนมีสถิติ “ตัวเลข” ที่น่าสนใจของสัปดาห์แรกมาเล่าสู่กันฟัง แต่ขอเป็นฉบับออกวันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2556 ดังเดิม แต่ด้วยการที่ยังติดค้างคอบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เกี่ยวกับเรื่องราวการต่อสู้ในสนามของผู้เล่นที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้ได้สัญญาก้อนโตเมื่อถึงช่วงหน้าร้อนปีหน้า จึงขออนุญาต “พี่ทอม” กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน คอลัมนิสต์ที่เคารพรัก แทรกเนื้อหาตอนนี้แทน คอลัมน์ “EYE ON SPORTS” ไปก่อน
หลังจากได้กล่าวถึง เอริค เบลดโซ, แอนดรูว์ โบกัต, เอเวอรี แบรดลีย์ และ ลูออล เดง ไปแล้วตอนก่อน วันนี้เรามาเริ่มต้นถึงสถานการณ์ของ มาริโอ ชาลเมอร์ส การ์ดผู้ปิดทองหลังพระในความสำเร็จของ ไมอามี ฮีต แชมป์ 2 สมัยล่าสุด ด้วยบทบาทการเป็นสำรอง แพท ไรลีย์ ประธานย่อมต้องไล่เรียงลำดับความสำคัญ กรณีทีมเลือกเก็บ “บิ๊กทรี” อย่าง เลอบรอน เจมส์, ดีเวย์น เหว็ด และ คริส บอช ไว้ถ้วนหน้า โอกาสที่ ชาลเมอร์ส จะได้ปักหลักยัดห่วงในถิ่นอเมริกัน แอร์ไลน์ส อารีนา หาใช่การันตี การเป็น “อันรีสตริก ฟรีเอเยนต์” ย้ายทีมได้แบบไม่มีเงื่อนไข แต่ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ย 8.6 แต้ม 3.5 แอสซิสต์ จะส่งผลดีต่อทีมกรณี “ดี-เหว็ด” ยืนระยะไม่ไหว ที่สำคัญ ชาลเมอร์ส วัย 27 ปี ปรับปรุงเรื่องการเสีย “เทิร์นโอเวอร์” ลดลงมาได้แล้ว
มาต่อกันที่ เดอร์ริค เฟเวอร์ส อดีตดราฟต์อันดับ 3 ของปี 2010 การที่ บรูกลิน เน็ตส์ คิดการใหญ่จึงส่ง เฟเวอร์ส พร้อมด้วย เดวิน แฮร์ริส ให้แก่ ยูทาห์ แจซซ์ เพื่อให้ได้มาซึ่ง เดรอน วิลเลียมส์ การ์ดมือทอง ทว่าเมื่อมาอยู่ที่ ยูทาห์ ฟอร์เวิร์ดวัย 22 ปี เส้นทางสู่การเป็นสตาร์ถูกขวางลำโดยรุ่นพี่อย่าง แอล เจฟเฟอร์สัน กับ พอล มิลแซป ทำให้หนุ่มจากมหาวิทยาลัยจอร์เจีย เทค อาจต้องมองหาทางขยับขยาย พอจบฤดูกาล 2013/14 เฟเวอร์ส มีคิวเป็น “รีสตริก ฟรีเอเยนต์” เป็นไปได้ว่า แจซซ์ อาจเปิดทางให้เด็กคนนี้ย้ายได้โดยไม่สู้ค่าเหนื่อย ดังนั้นสิ่งที่ เฟเวอร์ส ต้องทำในปีที่กำลังจะมาถึงคือ ขยับค่าสถิติเฉลี่ยให้มากกว่า 9.4 แต้ม 7.1 รีบาวนด์ 1.0 แอสซิสต์ ขณะที่เรื่องการบล็อกเฉลี่ย 1.7 ครั้งต่อเกม ถือว่าเข้าข่ายผู้เล่นเหนียวหนึบวงในใช้ได้อยู่
ต่อด้วย มาร์ซิน กอร์แทต ชื่อนี้แฟนๆ NBA คงคุ้นกับบทบาทเป็นกำลังเสริม “ซูเปอร์แมน” ดไวท์ ฮาวเวิร์ด ครั้งนำ ออร์แลนโด แมจิก ทะลุถึงรอบชิงแชมป์ประเทศ ก่อนโดน แอลเอ เลเกอร์ส เฆี่ยนยับเมื่อปี 2009 ถึงวันนี้เซ็นเตอร์ชาวโปลกลายเป็นเสาหลักค้ำยัน ฟีนิกซ์ ซันส์ ฤดูกาล 2011/12 การครองบอลหนึ่งหนของ กอร์แทต ได้เฉลี่ย 1.23 แต้มเลยทีเดียว บ่งชี้ว่าจับบอลแต่ละครั้งต้องมีแต้ม ซีซันใหม่นี้ หากสามารถเข้าคู่ โกรัน ดรากิซ การ์ดสโลวีเนียนในแผน “พิก แอนด์ โรล” ได้อย่างเห็นผล แฟนๆ “ลูกพระอาทิตย์” อาจย้อนนึกไปถึงสมัยมี อมาเร สเตาดาไมร์ กับ สตีฟ แนช ประสานงานกัน ยิ่งถ้าผลงานเด่นกว่าค่าเฉลี่ยปีก่อนที่ 11.1 แต้ม 8.5 รีบาวนด์ กับอีก 1.6 บล็อก โอกาสไปโกยเงินก้อนโตกว่าเดิมในตลาดฟรีเอเยนต์ย่อมมีมากขึ้นด้วย
ปิดท้ายกันที่ แดนนี เกรนเจอร์ ที่เคยได้โหวตเป็น “ผู้เล่นพัฒนาฝีมือยอดเยี่ยม” แห่งปี 2009 ทว่าด้วยปัญหาบาดเจ็บ ซีซันก่อนจึงลงสนามแค่ 5 เกม ด้วยอายุขึ้นหลัก 30 ปีแล้ว ทำให้ เควิน พริทชาร์ด ผู้จัดการทั่วไปต้องดีดลูกคิดคำนวนให้ดี กับสถานะ “อันรีสตริก ฟรีเอเยนต์” ถ้าสภาพร่างกายเกรนเจอร์ ฟิตปั๋ง ศักยภาพการทำแต้มตอบแทนเม็ดเงินได้คุ้มแน่ เพเซอร์ส จะมีไลน์อัพที่ไม่เป็นรองใคร รอย ฮิบเบิร์ต ค้ำใน เดวิด เวสต์ ใช้เก๋าสอดประสาน เกรนเจอร์ ในตำแหน่ง สมอล ฟอร์เวิร์ด ขณะที่แบ็กคอร์ตเป็นคู่หู พอล จอร์จ กับ จอร์จ ฮิลล์ แต่หากไม่เป็นดั่งฝัน อย่าแปลกใจถ้าเกิด เพเซอร์ส ไม่คิดเก็บตัวไว้ ฤดูกาล 2013/14 จึงถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในอาชีพการเล่นของ เกรนเจอร์ เลยก็ว่าได้