xs
xsm
sm
md
lg

ชัชชาติจี้ทอท.ผุดรันเวย์สำรอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน -“ชัชชาติ”สั่งทอท.เร่งสรุปสร้างรันเวย์สำรอง หรือรันเวย์ที่ 3 แก้ปัญหากรณีเหตุฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ กำชับดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชน “ศิธา”รับลูก เผยบอร์ดทอท.พิจารณา 17 ก.ย.นี้ก่อนชงคมนาคม ด้านAOC ออกโรงหนุนหวั่นเกิดเหตุอีก สายการบินกระทบหนัก “คมนาคม”ตั้งกก.ประเมินข้อบกพร่องการรับมือเหตุฉุกเฉินใน 2 สัปดาห์

วานนี้ (12 ก.ย.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพร้อมด้วยพล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กรมการบินพลเรือน (บพ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) และสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจการบิน เพื่อสรุปเหตุการณ์และข้อบกพร่อง จากเหตุเครื่องบิน แอร์บัส A 330-300 ของการบินไทย เที่ยวบิน ทีจี 679 เส้นทางกว่างโจว -กรุงเทพ ที่ประสบเหตุเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งฝั่งตะวันออกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อคืนวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา

นายชัชชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นถึงความจำเป็นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต้องมีรันเวย์ฉุนเฉิน (สำรอง) หรือรันเวย์ที่ 3 ซึ่งทอท.ได้เตรียมพื้นที่และปรับปรุงคุณภาพดินไว้แล้วโดยอยู่เพราะเมื่อเหลือเพียงรันเวย์เดียวสายการบินต้องดีเลย์ นับว่ายังดีที่ช่วงนี้ยังไม่เข้าฤดูท่องเที่ยว (High Season) ผลกระทบจึงไม่มากนัก

โดยให้ทอท.เร่งหาข้อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไร จะก่อสร้างเป็นรันเวย์สำรองความยาวไม่เกิน 3,000 เมตรก่อน หรือจะก่อสร้างเป็นรันเวย์ที่ 3 เลย ซึ่งก่อนหน้านี้ทอท.เคยระบุว่า หากก่อสร้างความยาวไม่เกิน 3,000 เมตรตามกฎหมายไม่ต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) นั้นเห็นว่า ไม่ว่าจะก่อสร้างอย่างไรทอท.ควรศึกษา EIA คู่ขนานไปพร้อมกัน
โดยจะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนรอบสนามบินด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุน

ด้านน.ต.ศิธา ทิวารี ประธานกรรมการ (บอร์ด)ทอท. กล่าวว่า ทอท.จะดำเนินการตามนโยบายอย่างเคร่งครัดโดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและข้อกฎหมายที่กำหนดควบคู่กัน ซึ่งการก่อสร้างรันเวย์สำรองนั้นมีความจำเป็น เนื่องจากหากรันเวย์ใดรันเวย์หนึ่งเกิดปัญหาหรือมีสิ่งกีดขวางไม่สามารถใช้งานได้ จึงจะใช้รันเวย์สำรอง ถือเป็นการใช้เมื่อมีเหตุจำเป็นฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อไม่ให้กระทบกับยุทธศาสตร์ชองชาติ หาก 2 รันเวย์หลักไม่มีปัญหา รันเวย์สำรองก็จะไม่ใช้งาน โดยในระหว่างนี้จะดำเนินการด้านEIA ควบคู่ไปด้วย เพื่อขยายเป็นรันเวย์ที่ 3 ตามแผนในอนาคต โดยที่ประชุมบอร์ดทอท.วันที่ 17 กันยายนนี้จะพิจารณาแผนก่อสร้างรันเวย์สำรองรวมถึงรันเวย์ที่ 2 ของท่าอากาศยานภูเก็ตด้วย จากนั้นจะเสนอกระทรวงคมนาคมขอความเห็นชอบต่อไป

ด้านนางมาริสา พงษ์พัฒนพันธุ์ ประธาน AOC กล่าวว่า หลังเกิดเหตุสายการบินได้ประสานงานกับทอท.และบวทงอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีเที่ยวบินบางส่วนดีเลย์บ้าง และต้องการให้มีการบริหารจัดการที่ดีที่สุดหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกในอนาคตเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากที่สุด ทั้งนี้ เห็นว่า รันเวย์ที่ 3 มีความจำเป็นเพื่อรองรับกรณีที่รันเวย์ใดรันเวย์หนึ่งมีปัญหา เพื่อให้กระทบต่อการขึ้นลงของเครื่องบินน้อยที่สุด

***สั่งประเมินหาข้อบกพร่องรับมือเหตุฉุกเฉิน ใน 2 สัปดาห์

สำหรับการกู้เครื่องบินแอร์บัส A 330-300 นั้นนายชัชชาติกล่าวว่า ใช้เวลารวม 65 ชั่วโมงซึ่งได้ตั้งคณะทำงาน มีนายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นหัวหน้าคณะทำรายงานสรุปข้อเท็จจริงและข้อบกพร่องในการดำเนินการหลังเกิดเหตุ 5 ประเด็น และเสนอภายใน 2 สัปดาห์ ประกอบด้วย 1. การเช้าเผชิญเหตุหลังเครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ในการปฏิบัติของแต่ละหน่วยงานเป็นไปตามแผนหรือไม่,ขั้นตอนการกู้เครื่องบินให้ออกจากรันเวย์มีใครเป็นหัวหน้าทีม,อุปกรณ์ในแต่ละส่วนรวมถึงอุปกรณ์เสริมใช้จากแหล่งไหน และมีพอหรือไม่ ต้องเพิ่มเติมจุดใดบ้าง และหน่วยงานใดจะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้ตรวจสอบในทุกท่าอากาศยานด้วยว่ามีอุปกรณ์เพียงพอหรือไม่ ทั้ง ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ กระบี่ เป็นต้น

2. ตรวจสอบการดูแลผู้โดยสารว่าได้ดำเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติอย่างถูกต้องหรือไม่ ตั้งแต่การอพยพออกจากเครื่อง ขั้นตอนรอรถเคลื่อนย้าย ตรวจคนเข้าเมือง ฯลฯ มีกระบวนการใดต้องปรับปรุงบ้าง 3. ตั้งศูนย์ให้ข้อมูลข่าวสารหลัก กำหนดผู้มีหน้าที่ให้ข่าว ที่สามารถให้ข้อมูลได้ทันที เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เช่น ประเด็นที่การบินไทยต้องปิดบังโลโก้ เป็นต้น 4.พนักงานที่เกี่ยวข้องปฎิบัติตามขั้นตอนครบถ้วนหรือไม่ 5. การจัดการจราจรทางอากาศหลังเกิดเหตุ มีกระบวนการถูกต้องหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น