ASTVผู้จัดการรายวัน-“พฤณท์”สั่ง 4 หน่วยงานขนส่งทางอากาศบูรณาการการทำงานและยกเครื่องแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินขนานใหญ่ หลังเหตุแอร์บัส 300-300 เที่ยวบินทีจี 679 ลื่นไถลสุวรรณภูมิ ฝนกระหน่ำ การบินไทยปรับแผนกู้เครื่องแอร์บัสได้ช้า สุวรรณภูมิเปิดรันเวย์ตะวันออกใช้ได้หลัง 20.00น. ด้านบวท.เผย รันเวย์เดี้ยง 3 วัน เที่ยวบินดีเลย์ 1,175 ลำ
พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เมื่อเวลา ประมาณ 14.30 น. บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายเครื่องบิน แอร์บัส A 330-300 ที่ประสบเหตุไถลออกนอกทางวิ่งฝั่งตะวันออกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อคืนวันที่ 8 กันยายน ขึ้นมาบนทางวิ่งได้แล้ว
โดยการบินไทยได้ใช้วิธีนำล้ออะไหล่มาเปลี่ยนแทนล้อที่หักจึงสามารถเคลื่อนย้ายได้เร็วกว่าแผน จากนั้นได้ล้างทำความสะอาดและลากเครื่องบินไปเก็บที่สถานีทดสอบเครื่องยนต์อากาศยาน ด้านทิศเหนือของรันเวย์ฝั่งตะวันออก (GRE) ได้เรียบร้อยในเวลา 15.30น. จากนั้น บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด ( มหาชน) หรือ ทอท.จะเข้าไปดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ด้านข้างรันเวย์ที่ได้รับความเสียหายและตรวจสอบความเรียบร้อย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดใช้รันเวย์ฝั่งตะวันออกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ทันเวลา 18.00 น.ของวันนี้ (11 ก.ย.) อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้อีก และทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าระงับเหตุและให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบ กระทรวงคมนาคมจึงได้กำหนดให้มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเพิ่มเติมเพื่อเตรียมการปฏิบัติต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยสั่งการให้ 4
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรมการบินพลเรือน (บพ.) บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) , ทอท. และบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย หรือ บวท. ร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งกรมศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ซักซ้อมให้การดำเนินงาน การประสานงานรวมถึงการให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
“ต้องตั้งสมมุติฐานว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุของเครื่องบินขึ้นมา อันดับแรก ต้องทำอย่างไร ใครเป็นผู้สั่งการ ใครเป็นผู้ตัดสินใจ ใครเป็นผู้รับชอบ รถดับเพลิงต้องมีระบบไฟให้แสงสว่างหรือไม่ ใครเป็นผู้นำผู้โดยสารออกจากจุดเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่กี่คน ใช้รถอะไร โดยใช้บทเรียนของเหตุการณ์เที่ยวบิน ทีจี 679 ไถลตกรันเวย์มาประกอบด้วยเป็นการกำหนดการทำงานและบูรณาการของแต่ละหน่วยงานเข้าด้วยกันให้สมบูรณ์ ซึ่งผมได้มอบหมายให้นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ไปดำเนินการประสานกับทั้ง 4 หน่วยงานแล้ว”พล.อ.พฤณท์กล่าว
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้โพสต์เฟสบุ้คส่วนตัวว่า ได้เข้าไปที่จุดกู้เครื่องบินแอร์บัสของการบินไทยทันที ที่เดินทางกลับจาก ซูริก สมาพันธรัฐสวิส ถึงประเทศไทย ซึ่งสาเหตุต้องมาวิเคราะห์อีกทีว่าต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง แต่ที่ได้รับรายงานเบื้องต้นคือหน่วยกู้ภัยการท่า เข้าถึงที่เกิดเหตุได้เร็ว และช่วยดับไฟที่เครื่องยนต์ได้ทันที ส่วนรายละเอียดในการกู้นั้น ต้องมาดูเรื่องขั้นตอนปฏิบัติ และความพร้อมของอุปกรณ์อีกที
***สุวรรณภูมิเร่งเคลียร์รันเวย์เปิดใช้ 2 ทุ่ม
น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายเครื่องบินแอร์บัส A 330-300 มีความล่าช้าเนื่องจากเกิดฝนตกหนัก จึงต้องปรับวิธีการที่จะเคลื่อนย้ายเครื่องบินทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายเครื่องบินออกจากรันเวย์ได้ภายใน 12.00 น.ของวันที่ 11 กันยายนตามแผนและต้องเลื่อนการเปิดมช้รันเวย์ฝั่งตะวันออก ไปเป็น 18.00น. ทั้งนี้ อุบัติเหตุเครื่องบิน A330
ของการบินไทยไถลออกนอกรันเวย์นับเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดให้บริการ ซึ่งจะนำข้อบกพร่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาปรับปรุงแก้ไขการปฎิบัติงานต่อไป โดยยืนยันว่าทันทีที่เกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ของทอท.ได้ปฎิบัติตามขั้นตอนและสามารถเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วกว่ามาตรฐานที่กำหนด โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถเข้าไปถึงได้ภายใน 1 นาที
โดยภายหลังเคลื่อนย้ายเครื่องบิน A 330 ได้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้แจ้งว่า ได้เร่งปรับสภาพทางวิ่งให้มีความพร้อมและได้มาตรฐานความปลอดภัยก่อนที่จะเปิดใช้งาน ทั้งทำความสะอาดพื้นผิวทางวิ่ง การตรวจเช็คและซ่อมระบบไฟทางวิ่งให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ การตีเส้นทางวิ่ง รวมทั้งการปรับพื้นที่ไหล่ทางวิ่งให้กลับสู่สภาพเดิมและจัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นผิวทางวิ่งให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยเพื่อเปิดใช้งานให้ได้ประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 11 กันยายน
***รันเวย์เดี้ยง 3 วัน เที่ยวบินดีเลย์ 1,175 ลำ
ด้านน.ต.ประจักษ์ สัจจโสภณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท.กล่าวว่า ผลกระทบจากเหตุการณ์เครื่องบิน สายการบินไทยไถลออกนอกรันเวย์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและทำให้ต้องปิดรันเวย์บางส่วนทำให้เที่ยวบินดีเลย์ตั้งแต่เวลา 07.00น.วันที่ 9 กันยายน – 15.00น. วันที่ 11 กันยายน รวม 1,175 ลำ โดยตั้งแต่เวลา 07.00น.วันที่ 9กันยายน – 07.00น.วันที่ 10 กันยายน มีเที่ยวบินขึ้น-ลง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ รวม 769
เที่ยวบิน แบ่งเป็น ขาเข้า 382 เที่ยวบิน ขาออก 387 เที่ยวบิน โดยมีเครื่อง HOLD รอบนอากาศ จำนวน 296 เที่ยวบิน เฉลี่ยลำละประมาณ 16 นาที HOLD บนภาคพื้นดิน จำนวน 260 เที่ยวบิน เฉลี่ยลำละประมาณ 25 นาทีเวลา 07.00น.วันที่ 10กันยายน – 07.00น.วันที่ 11 กันยายน มีเที่ยวบินขึ้น-ลง รวม 788 เที่ยวบิน แบ่งเป็น ขาเข้า 392 เที่ยวบิน และขาออก 396 เที่ยวบิน โดย มีเครื่อง HOLD รอบนอากาศ จำนวน 238 เที่ยวบินเฉลี่ยลำละประมาณ 17 นาที HOLD บนภาคพื้นดิน จำนวน 207 เที่ยวบิน เฉลี่ยลำละประมาณ 30 นาที
พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เมื่อเวลา ประมาณ 14.30 น. บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายเครื่องบิน แอร์บัส A 330-300 ที่ประสบเหตุไถลออกนอกทางวิ่งฝั่งตะวันออกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อคืนวันที่ 8 กันยายน ขึ้นมาบนทางวิ่งได้แล้ว
โดยการบินไทยได้ใช้วิธีนำล้ออะไหล่มาเปลี่ยนแทนล้อที่หักจึงสามารถเคลื่อนย้ายได้เร็วกว่าแผน จากนั้นได้ล้างทำความสะอาดและลากเครื่องบินไปเก็บที่สถานีทดสอบเครื่องยนต์อากาศยาน ด้านทิศเหนือของรันเวย์ฝั่งตะวันออก (GRE) ได้เรียบร้อยในเวลา 15.30น. จากนั้น บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด ( มหาชน) หรือ ทอท.จะเข้าไปดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ด้านข้างรันเวย์ที่ได้รับความเสียหายและตรวจสอบความเรียบร้อย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดใช้รันเวย์ฝั่งตะวันออกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ทันเวลา 18.00 น.ของวันนี้ (11 ก.ย.) อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้อีก และทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าระงับเหตุและให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบ กระทรวงคมนาคมจึงได้กำหนดให้มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเพิ่มเติมเพื่อเตรียมการปฏิบัติต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยสั่งการให้ 4
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรมการบินพลเรือน (บพ.) บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) , ทอท. และบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย หรือ บวท. ร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งกรมศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ซักซ้อมให้การดำเนินงาน การประสานงานรวมถึงการให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
“ต้องตั้งสมมุติฐานว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุของเครื่องบินขึ้นมา อันดับแรก ต้องทำอย่างไร ใครเป็นผู้สั่งการ ใครเป็นผู้ตัดสินใจ ใครเป็นผู้รับชอบ รถดับเพลิงต้องมีระบบไฟให้แสงสว่างหรือไม่ ใครเป็นผู้นำผู้โดยสารออกจากจุดเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่กี่คน ใช้รถอะไร โดยใช้บทเรียนของเหตุการณ์เที่ยวบิน ทีจี 679 ไถลตกรันเวย์มาประกอบด้วยเป็นการกำหนดการทำงานและบูรณาการของแต่ละหน่วยงานเข้าด้วยกันให้สมบูรณ์ ซึ่งผมได้มอบหมายให้นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ไปดำเนินการประสานกับทั้ง 4 หน่วยงานแล้ว”พล.อ.พฤณท์กล่าว
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้โพสต์เฟสบุ้คส่วนตัวว่า ได้เข้าไปที่จุดกู้เครื่องบินแอร์บัสของการบินไทยทันที ที่เดินทางกลับจาก ซูริก สมาพันธรัฐสวิส ถึงประเทศไทย ซึ่งสาเหตุต้องมาวิเคราะห์อีกทีว่าต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง แต่ที่ได้รับรายงานเบื้องต้นคือหน่วยกู้ภัยการท่า เข้าถึงที่เกิดเหตุได้เร็ว และช่วยดับไฟที่เครื่องยนต์ได้ทันที ส่วนรายละเอียดในการกู้นั้น ต้องมาดูเรื่องขั้นตอนปฏิบัติ และความพร้อมของอุปกรณ์อีกที
***สุวรรณภูมิเร่งเคลียร์รันเวย์เปิดใช้ 2 ทุ่ม
น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายเครื่องบินแอร์บัส A 330-300 มีความล่าช้าเนื่องจากเกิดฝนตกหนัก จึงต้องปรับวิธีการที่จะเคลื่อนย้ายเครื่องบินทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายเครื่องบินออกจากรันเวย์ได้ภายใน 12.00 น.ของวันที่ 11 กันยายนตามแผนและต้องเลื่อนการเปิดมช้รันเวย์ฝั่งตะวันออก ไปเป็น 18.00น. ทั้งนี้ อุบัติเหตุเครื่องบิน A330
ของการบินไทยไถลออกนอกรันเวย์นับเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดให้บริการ ซึ่งจะนำข้อบกพร่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาปรับปรุงแก้ไขการปฎิบัติงานต่อไป โดยยืนยันว่าทันทีที่เกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ของทอท.ได้ปฎิบัติตามขั้นตอนและสามารถเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วกว่ามาตรฐานที่กำหนด โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถเข้าไปถึงได้ภายใน 1 นาที
โดยภายหลังเคลื่อนย้ายเครื่องบิน A 330 ได้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้แจ้งว่า ได้เร่งปรับสภาพทางวิ่งให้มีความพร้อมและได้มาตรฐานความปลอดภัยก่อนที่จะเปิดใช้งาน ทั้งทำความสะอาดพื้นผิวทางวิ่ง การตรวจเช็คและซ่อมระบบไฟทางวิ่งให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ การตีเส้นทางวิ่ง รวมทั้งการปรับพื้นที่ไหล่ทางวิ่งให้กลับสู่สภาพเดิมและจัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นผิวทางวิ่งให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยเพื่อเปิดใช้งานให้ได้ประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 11 กันยายน
***รันเวย์เดี้ยง 3 วัน เที่ยวบินดีเลย์ 1,175 ลำ
ด้านน.ต.ประจักษ์ สัจจโสภณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท.กล่าวว่า ผลกระทบจากเหตุการณ์เครื่องบิน สายการบินไทยไถลออกนอกรันเวย์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและทำให้ต้องปิดรันเวย์บางส่วนทำให้เที่ยวบินดีเลย์ตั้งแต่เวลา 07.00น.วันที่ 9 กันยายน – 15.00น. วันที่ 11 กันยายน รวม 1,175 ลำ โดยตั้งแต่เวลา 07.00น.วันที่ 9กันยายน – 07.00น.วันที่ 10 กันยายน มีเที่ยวบินขึ้น-ลง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ รวม 769
เที่ยวบิน แบ่งเป็น ขาเข้า 382 เที่ยวบิน ขาออก 387 เที่ยวบิน โดยมีเครื่อง HOLD รอบนอากาศ จำนวน 296 เที่ยวบิน เฉลี่ยลำละประมาณ 16 นาที HOLD บนภาคพื้นดิน จำนวน 260 เที่ยวบิน เฉลี่ยลำละประมาณ 25 นาทีเวลา 07.00น.วันที่ 10กันยายน – 07.00น.วันที่ 11 กันยายน มีเที่ยวบินขึ้น-ลง รวม 788 เที่ยวบิน แบ่งเป็น ขาเข้า 392 เที่ยวบิน และขาออก 396 เที่ยวบิน โดย มีเครื่อง HOLD รอบนอากาศ จำนวน 238 เที่ยวบินเฉลี่ยลำละประมาณ 17 นาที HOLD บนภาคพื้นดิน จำนวน 207 เที่ยวบิน เฉลี่ยลำละประมาณ 30 นาที