xs
xsm
sm
md
lg

จี้สอบจริยธรรม"นิคม" ไถกสทช.30ล้านสัมมนาหาเสียง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการ อดีต ส.ว. และสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) กล่าวถึงกรณี วุฒิสภาได้ขอเงินจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) เพื่อจัดโครงการสัมมนาพัฒนาเครือข่ายและชุมชนเข้มแข็งประเทศยั่งยืน ว่า ต้นเรื่องมาจากสำนักงานเลขาธิการฯ แต่ตนเชื่อว่า นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา ไม่กล้าทำ หากผู้ใหญ่ไม่สั่ง ซึ่งวุฒิสภามีหน้าที่เสมือนตุลาการที่ต้อง กำกับ ตรวจสอบ ถอนถอด กสทช. แต่ตุลาการกลับไปรับเงิน ก็จะทำให้เกิดอคติ รักชอบ ฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นเรื่องของหนี้บุญคุณต่างตอบแทน
นายเจิมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จากกำหนดการอบรมของโครงการฯ จะเห็นว่ามีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพียง 2 ชั่วโมง ที่เหลือพาไปเที่ยว ผู้ร่วมสัมมนา ที่มีถิ่นพำนักอยู่ใกล้ทะเล ก็พาไปสัมมนาภาคเหนือ ผู้ร่วมสัมมนาที่มีถิ่นพำนักอยู่ภาคเหนือ ก็พาไปสัมมนาใกล้ทะเล ซึ่งก็เป็นวิธีที่ส.ส.และสจ. พาหัวคะแนนไปเที่ยวในช่วงเลือกตั้ง โดยใช้เงินพรรค และเงินส่วนตัว แต่กรณีของวุฒิสภา ใช้เงินแผ่นดิน สรุปชัดว่าเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า สร้างบุญคุณอีกชั้นหนึ่งให้กับหัวคะแนน
“สิบรุ่นที่จัดมา ประธานวุฒิสภา (นายนิคม)ไปทุกครั้ง ไม่เปิด ก็ปิด ไปสร้างคะแนน การทำแบบนี้ถือเป็นการสร้างเครือข่ายให้ตัวประธาน และทำให้กลับมาเป็นประธานอีกครั้ง หรือไม่” นายเจิมศักดิ์ กล่าว
นายเจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกอับอายในฐานะส.ว. และในฐานะที่เคยเป็น ส.ส.ร. และกำหนดให้มีวุฒิสภา เพราะต้องการให้มีอีกหนึ่งสภาที่มีความเป็นอิสระ แต่หากไม่อิสระแล้วก็ยุบไป อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าเรื่องนี้ต้องถูกประณาม ต้องสอบจริยธรรม และน่าจะขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 ที่ระบุว่าการทำหน้าที่ ต้องไม่ขัดกันของผลประโยชน์
ด้านนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของวุฒิสภากับกสทช. มาเป็นเวลานานแล้ว โดยกสทช. มีวัตถุประสงค์ที่ต้องการเผยแพร่ผลงานของตัวเองไปยังประชาชน จึงเล็งเห็นว่าการใช้ช่องทางวุฒิสภา มีความเหมาะสม เพราะวุฒิสภาเป็นองค์กรที่มีเครือข่ายที่เข้มแข็งกับชุมชนที่จะช่วยกสทช. เพื่อเผยแพร่ผลงานให้ประชาชนรับทราบได้
ที่สำคัญโครงการนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อใช้เป็นช่องทางหาเสียงเลือกตั้งส.ว. ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นการเฉพาะ เพราะส่วนตัวได้หาเสียงมาตลอดอยู่แล้ว นับตั้งแต่วันที่สมัคร และชนะเลือกตั้งส.ว.ฉะเชิงเทรา จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้โครงการนี้หาเสียง ในทางกลับกัน คิดว่าการจัดสัมมนานี้จะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมให้กับประชาชนในเรื่องการเมืองการปกครองมากขึ้น
"ตั้งแต่ปี 2546 วุฒิสภาได้วางแนวทางในการสร้างความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐต่างๆ มาโดยตลอด เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับประชาธิปไตยและไม่ใช่เพิ่งมาดำเนินการโครงการในช่วงนี้ ขณะเดียวกันโครงการนี้จัดขึ้นในหลายจังหวัด และผู้ที่เข้ามาอบรมก็มาจากทุกภาคของประเทศ ไม่ใช่เฉพาะที่ ฉะเชิงเทราเท่านั้น แล้วแบบนี้ผมจะได้ประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งอย่างไร" นายนิคม กล่าว
นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า มั่นใจว่าการเบิกจ่ายงบประมาณส่วนนี้ ไม่ขัดกับระเบียบของ กสทช.ที่กำหนดให้เบิกจ่ายงบประมาณเพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมได้สูงสุดไม่เกิน 5 แสนบาท เพราะงบประมาณดังกล่าว มาจากการอนุมัติคณะกรรมการ กสทช. ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ต่อยอดมาจากโครงการเสริมสร้างความพร้อมแก่ท้องถิ่น หลักสูตรกระบวนการเสริมสร้างผู้นำนักประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ที่ภายหลังโครงการเสร็จสิ้น เป็นการจับมือกันระหว่างวุฒิสภา และกสทช. โดยวุฒิสภาเป็นผู้ดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม การวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการไม่เหมาะสม เนื่องจากกสทช. เป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับและตรวจสอบของวุฒิสภา ตนเห็นว่าเรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน เพราะโครงการดังกล่าว สำนักงานเลขาธิการฯ เป็นผู้รับผิดชอบ แต่สำหรับส.ว. ก็มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว นอกจากนี้ที่ผ่านมาโครงการจัดในพื้นที่ใด ทางวุฒิสภาก็เรียนเชิญส.ส.และ ส.ว.ในพื้นที่ตลอด
ส่วนเรื่องงบประมาณนั้น ทางวุฒิสภาได้มาแล้ว 10 ล้านบาท ส่วนอีก 20 ล้านบาท อยู่ในช่วงประสานงาน และยังไม่มีกำหนดว่าจะได้เมื่อไร สำหรับการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมอบรมในแต่ละรุ่น จะมาจากการคัดเลือกจากหลายภาคส่วน เช่น ส.ว.ในพื้นที่ หอการค้า เป็นต้น รวมทั้งมาจากโครงการเสริมสร้างความพร้อมแก่ท้องถิ่น หลักสูตรกระบวนการเสริมสร้างผู้นำนักประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
กำลังโหลดความคิดเห็น