xs
xsm
sm
md
lg

คนไทย 65 ล้าน-คงไม่โง่อยู่กันแบบนี้!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

สุภาษิตโบราณ“สี่ตีนยังรู้พลาด-นักปราญช์ยังรู้พลั้ง”ยังขลังตลอดกาล!

อินเดีย-ประเทศที่มีประชากร 1,200 กว่าล้านคน และเป็นประเทศ ”ประชาธิปไตย” ที่มีคนยากจนมากที่สุดในโลก ทำให้เจ้าพ่อ”คอมมิวนิสต์-คาร์ล มาร์กซ” ต้อง”หน้าแตก”กับคำพยากรณ์ผิดพลาดที่ว่า “อินเดียจะเป็นประเทศแรกที่เปลี่ยนเป็นคอมมิวนิสต์”

195 ปีผ่านไป วันนี้..อินเดียไม่ได้เป็น”คอมมิวนิสต์”ดั่ง”คาร์ล มาร์กซ”ทำนาย

แต่”รัสเซีย”ต่างหากที่กลายเป็นคอมมิวนิสต์ประเทศแรกของโลก ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี 2460 โดยฝีมือนักปฏิวัติที่ชื่อ“เลนิน”!

51 ปีหลัง”มาร์กซ”เกิด “คานธี”ได้ลืมตาดูโลกบนแผ่นดินอินเดีย ก่อนจะเติบโตและโด่งดังในการต่อสู้ด้วยวิธี”สันติอหิงสา” กับนักล่าอาณานิคมอังกฤษอย่างกล้าหาญ จนอินเดียได้รับอิสระภาพในที่สุด

”คานธี”ได้รับการเรียกขาน”มหาตมะ”นำหน้าชื่อ ถูกยกย่องอย่างสูงจากชาวอินเดียและชาวโลก ในฐานะเอกบุรุษผู้สมถะและเปี่ยมด้วยธรรมเพื่อมวลมนุษยชาติ แม้ชีวิตปุถุชนธรรมดาของ”คานธี”ไม่สมบูรณ์แบบในทุกเรื่อง แต่ความเป็นผู้นำของ”คานธี” เป็นที่ยอมรับจากชาวโลก ทั้งอดีต-ตราบปัจจุบัน-จรดอนาคตเสมอมา

“ข้าพเจ้าเป็นนักบวชที่ยากจน ทรัพย์สินที่ข้าพเจ้ามีอยู่ในโลกนี้ มีกงล้อปั่นด้าย 6 เครื่อง จานรับประทานอาหารตั้งแต่อยู่ในคุก 1 ใบ กระป๋องใส่นมแพะ 1 ใบ ผ้านุ่งโธตีและผ้าเช็ดตัวทอด้วยมือ 6 ชิ้น นอกนั้นมีแต่ชื่อเสียง ซึ่งก็ไม่มีราคาค่างวดหรือความหมายอะไร”

บุคคลสำคัญของโลกต่างสดุดี”มหาตมะคานธี”กันมากมาย รวมทั้งเอกบุรุษผมกระเซิง แห่งโลกวิทยาศาสตร์ยังชื่นชมว่า

“Generations to come..will scarce believe that such a one as this ever in flesh and blood walked this earth..” Albert Einstein

“อาจเป็นไปได้ที่ในยุคต่อไป จะไม่มีใครอยากเชื่อว่า บุคคลเช่นนี้ก็เคยมีชีวิตชีวา เดินเหินอยู่บนโลกนี้” อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์


แต่น่าเสียดายที่ความดีและการเสียสละ ของ”มหาตมะคานธี”และชาวอินเดีย ที่ร่วมต่อสู้กับนักล่าอาณานิคมอังกฤษ จนเสียเลือดเนื้อและชีวิตมากมายในอดีตกาล มิได้ส่งผลให้ชาวอินเดียส่วนใหญ่หลุดพ้น จากความยากจนค้นแค้น

“อิสระภาพ”ทำได้แค่”อิ่มใจ” แต่มิได้ทำให้คนจนในอินเดีย”อิ่มท้อง” แถม”อิสระภาพ”ยังนำอินเดียจมปลัก กับการเมืองสามานย์ที่มิได้ทำให้ คนดีได้ขึ้นปกครองชาติอย่างถาวรเลย

ชนชั้นปกครองอินเดียใช้การเลือกตั้ง เข้ายึดอำนาจรัฐเพื่อการโกงกิน มิใด้ใช้อำนาจรัฐเพื่อสร้างการอยู่ดีกินดี ให้ชาวอินเดียส่วนใหญ่ที่ยากจนครับ

นั่นคือ ชะตากรรมคนจนกว่าพันล้าน ซึ่งไม่มีทีท่าจะดีขึ้นกับการเวียนว่ายตายเกิด ในวงจรการเลือกตั้งอุบาทว์แบบตะวันตก เพราะเป็นการเมืองที่ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมอินเดียนั่นเอง!

ขณะที่จีนมิได้ปกครองด้วยประชาธิปไตยแบบตะวันตก ปกครองแบบสไตล์จีนๆ แต่จีนโชคดีมีผู้นำที่ทำเพื่อชาติ แม้จีนจะมีประชากรมากกว่า 1,300 คน แต่จีนใช้เวลาพัฒนาประเทศไม่นาน ก็กลายเป็นประเทศที่เติบโตทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก แถมยังเป็นเจ้าหนี้อันดับ 1 ของประเทศประชาธิปไตยมหาอำนาจอย่างอเมริกาอีกด้วย!

ประเทศไทยที่มีประชากรกว่า 65 ล้านคน มิได้ต่างไปจากประเทศอินเดีย เพราะ“ปรีดี พนมยงค์”กับคณะนายทหารก่อการรัฐประหาร เปลี่ยนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็นประชาธิปไตยการเลือกตั้งแบบตะวันตก โดยคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมในทุกมิติ

ความปรารถนาดีและความต้องการประชาธิปไตยเลือกตั้งแบบตะวันตก ของ”ปรีดี-คณะราษฏร์-ทหารบางคน” จึงส่งผลร้ายในวันนี้ต่อชาติและประชาชน

ชาติไทยเลือกตั้งกันมาหลายสิบปี มีแต่คนชั่วส่วนใหญ่เข้าสภานั่งหน้าสลอน และใช้มือมากกว่าเอาชนะกัน โดยมิได้สนใจเหตุผลและความถูกต้อง จึงเป็นสภาของ”โจรการเมือง” มิใช่สภาที่ทำเพื่อชาติ

ยิ่ง”เฮียเหลี่ยม”เข้ามาเล่นการเมือง รัฐบาลและรัฐสภาจึงเป็นเครื่องมือ ของการปล้นชาติอย่างสมบูรณ์แบบ ประชาธิปไตยที่มีน้อยนิดก็มลายหายไป กลายเป็นระบอบเผด็จการรัฐสภาเต็ม 100 ไปเลย

ระบบเลือกตั้งที่ซื้อเสียงได้ ทำให้”เงิน-สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด” จึงมีนายทุนสามานย์มาลงทุนในธุรกิจการเมืองกันคับคั่ง ที่สำคัญมีเจ้าพ่อมาเฟียธุรกิจ สีเทาและสีดำยั้วเยี้ยเต็มไปหมด แถมมีสื่อฯ บางคนทำตัวเป็นขี้ข้านักการเมืองชั่วผสมโรงอีกด้วย

พวกสามานย์ดังกล่าวรู้ว่า อำนาจรัฐไทยมีหน้าที่บริหารจัดการ ”ขุมทรัพย์มหาศาล”ที่กอบโกยได้มิรู้หมด นั่นคือ ขุมทรัพย์จากเงินงบประมาณแผ่นดินของชาติทุกปีนั่นเอง ดังนั้น เป้าหมายสำคัญเร่งด่วนของนักการเมืองทุกพรรค จึงมุ่งยึดอำนาจรัฐเพื่อหาผลประโยชน์ ให้กับตนและพวกพ้องให้มากที่สุด รวมทั้งสะสมเงินไว้ซื้อเสียงเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย

เงินงบประมาณแผ่นดินของชาติ ที่รัฐรีดจากคนไทยทั้งชาติในรูปแบบภาษีต่างๆ เพื่อให้รัฐบาลและรัฐสภาไทยนำไปใช้ พัฒนาชาติบ้านเมืองและทำให้คุณภาพชีวิต ของคนไทยดีขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต

เงินงบประมาณฯของชาติเหล่านี้-ไม่มีวันหมด เพราะทุกปีรัฐบาลจะต้องตั้งวงเงินงบประมาณฯ เพิ่มขึ้นตลอด โดยในปี 2557 รัฐบาลตั้งวงเงินงบประมาณฯไว้ถึง 2.525 ล้านล้านบาท

การโกงของนักการเมืองชั่วหา”ใบเสร็จ”ได้ยากมาก เพราะนักการเมืองชั่วไม่โง่ ที่จะเขียนความจริงลงในงบ ประมาณฯว่า ค่าสร้างถนน 100 บาทนั้น ผู้รับเหมาจะต้องจ่ายเป็นค่าคอมมิชชั่น 30-50 % ให้”สุนัขการเมืองสวาปาม”!

แต่คนในสังคมไทยล้วนรู้ว่า ทุกงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐ พ่อค้าที่ได้งานจะต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ ให้นักการเมืองชั่วช่วยผ่านโครงการให้ ด้วยข้ออ้างสวยหรูบังหน้าว่า

เป็นงบสำหรับพัฒนาชาติบ้านเมือง ทั้งๆที่บางโครงการไม่จำเป็นเร่งด่วน และไม่ได้ทำให้คนไทยกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน หากแต่เป็นโครงการห่วยแตก ที่นักการเมืองแอบไปตกลงค่าคอมมิชชั่น กับผู้รับเหมาหรือผู้เสนอโครงการเรียบร้อยแล้วทั้งสิ้น โดยเงินคอร์รัปชั่นบางส่วนจะแบ่งให้ข้าราชการ ผู้ทำโครงการไปบรรจุไว้ในแผนงบประมาณฯประจำปีของกระทรวง

จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาติไทย ต้องเผชิญกับนักการเมือง”อัปรีย์ไป-จัญไรมา”ตลอด โดยพรรคใดได้เป็นรัฐบาลก็โกงชาติได้เต็มที่ ส่วนพรรคฝ่ายค้านก็ไปโกงเงิน พัฒนาจังหวัดปีละ 50 ล้านบาทโน่น เพราะนักการเมืองชั่วทุกคนไม่เคยคิด ที่จะทำเพื่อชาติและประชาชนเป็นสรณะ

ด้วยนักการเมืองชั่วทุกพรรค จะคิดเหมือนกันอยู่ทุกลมหายใจว่าจะโกงกินเงินในโครงการใดจากงบประมาณฯดี จึงสามารถถอนทุนบวกกำไรได้เร็วที่สุดเท่านั้น!

จึงไม่น่าแปลกใจที่ ส.ส.ทุกพรรค ชอบที่จะให้รัฐบาลและรัฐสภา เป็นพวกเดียวกันหรือไม่ต้องแยกออกจากกันอย่างอิสระ เนื่องด้วยรัฐบาลกับรัฐสภา คือ เครื่องมือที่นักการเมืองชั่วใช้โกงชาติครับ

ดังนั้น การเลือกตั้งที่ใช้เงินซื้อเสียงได้ รัฐบาลและรัฐสภาเป็นเนื้อเดียวกัน จึงเป็นสิ่งที่นักการเมืองชั่วทุกพรรค พอใจและไม่คิดจะแก้ไขแม้แต่น้อย และนั่นคือ”ใบเสร็จ”ที่บอกให้รู้ว่า ประเทศไทยมิได้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ตามที่”ปรีดี”กับพวกฝันหรือต้องการ หากแต่ชาติไทยวันนี้..ถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการรัฐสภา โดยนายทุนสามานย์”เฮียเหลี่ยม”อย่างชัดแจ้งครับ

การเลือกตั้งที่ซื้อเสียงได้ จึงมิใช่”เครื่องมือ”ที่จะทำให้คนดีได้ขึ้นปกครองชาติ แต่กลับเป็น”เครื่องมือ”ให้คนชั่ว ใช้เป็น”ช่องทาง”ซื้อเสียงประชาชน เข้ามายึดอำนาจรัฐเพื่อโกงกินชาติ แบบ”ถูกกฏหมาย”ไปเสียฉิบ

รู้ความจริงนี้แล้ว..คนไทยกว่า 65 ล้านคน จะยังยอมจมปลักอยู่กับนักการเมือง และระบอบการเมืองเลือกตั้งชั่วๆเช่นนี้ต่อไปอีกหรือ..?

ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงประเทศไทย เพื่อคน 65 ล้านคนแล้ว..พี่น้องเอ้ย..!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น