xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลป้ายสีชาวสวนยาง ตอกลิ่มทอดทิ้งคนใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง เสมอต้นเสมอปลายตลอด รักษามาตรฐานตัวเองไว้แน่นปึ้ก สำหรับรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" กับคิวรับมือม็อบชาวสวนยางและสวนปาล์มปิดถนนที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช มาตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งตำรวจปราบจลาจลเข้าไปสลายการชุมนุมม็อบสวนยาง เมื่อวันที่ 23 ส.ค. จนประชาชนได้รับบาดเจ็บกันระนาว แต่ “บิ๊กผิว - พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก" รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กลับมีหน้าโยนขี้ให้ผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อเหตุ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีแต่เอาหัวกบาลไปรับก้อนหิน หนังสติ๊ก ไม้ และมีด
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปสอดส่องดูเลยว่า คำสั่งสลายการชุมนุมวันนั้น คนที่สั่งกลับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตัวเองอย่าง “ผู้ว่าฯเสื้อแดง”วิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช กับพล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช
ขณะเดียวกัน บรรดาองคาพยพในรัฐบาลก็ยังเล่นเกมอุบาทว์ ปล่อยข่าวบลั๊ฟม็อบสารพัด ทั้งป้ายสีม็อบสวนยางว่าเป็นม็อบการเมืองบ้าง เป็นคนนอกพื้นที่มาชุมนุมบ้าง ไม่ใช่เกษตรกรชาวสวนยางตัวจริงบ้าง
หนำซ้ำ ยังประโคมข่าว ฉายภาพให้บรรดาผู้ชุมนุมเป็น“ผู้ร้าย”คอยสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมาในจังหวัดภาคใต้ อ้างกระทบการขนส่งบ้าง อ้างกระทบการเดินบ้าง อ้างว่าชาวบ้านในพื้นที่รำคาญจิตรำคาญใจ ต่อการชุมนุมดังกล่าวบ้าง
ด้านพวกลิ่วล้อในพรรคเพื่อไทย ก็ร่วมด้วยช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็น“เด็จพี่ - พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์" โฆษกพรรคเพื่อไทย คนปักษ์ใต้แท้ๆ ก็ยังจับต้นชนปลายให้มั่ว ไหลไปได้เรื่อยทุกเรื่อง งัดมุกถนัดปูดอักษรย่อ “ส.”มาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายครั้งนี้
เช่นเดียวกับบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงสายเลือดปักษ์ใต้อย่าง "ก่อแก้ว พิกุลทอง" และ "วิภูแถลง พัฒนภูมิไท" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาผสมโรง โจมตีว่าม็อบสวนยางเป็นม็อบการเมือง มีส.ส.ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ คอยหนุนหลัง หวังให้มีเหตุการณ์เลือดตกยางออก เพื่อให้เข้าทาง
**เรียกว่า คิดอะไรได้ก็ออกมาสาดใส่กันแหลก
ขณะที่รัฐบาลเอง แทนที่จะแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวสวนยาง ก็กลับมาเล่นการเมืองกันสนุก โดยเฉพาะในคิวส่ง “วิม รุ่งวัฒนจินดา" โฆษกด้านเศรษฐกิจออกมาแก้ตัวถึงเหตุผลที่ไม่สามารถขยับราคาให้ได้ กิโลกรัมละ 120 บาท เป็นเพราะกลัวว่าจะมีการนำยางจากต่างประเทศเข้ามา "สวมสิทธิ" เพื่อเอาราคาจำนำที่สูงกว่าราคาตลาด
โดยอ้างว่าในช่วงที่ราคายางตกต่ำ มีผู้ประกอบการยางรายใหญ่ได้กว้านซื้อยางกักตุนเอาไว้จำนวนมาก แล้วใช้วิธีนำมวลชนเคลื่อนไหว เพื่อกดดันให้รัฐบาลประกันในราคาที่สูง หากรัฐบาลยอมตามข้อเรียกร้อง ก็จะมีการเทขายทำกำไรกันออกมา
เรียกว่าไปได้เรื่อยๆ จริงๆ กับการกระทบชิ่ง เหน็บแนมฝ่ายตรงข้าม เพราะใครก็ทราบ ก็รู้ว่า ผู้ประกอบการตัวบิ๊กๆเรื่องยาง ส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มก๊วนซีกประชาธิปัตย์ทั้งนั้น
**เอาเป็นว่าโทษทุกคน แต่ไม่เคยโทษความไร้น้ำยาของตัวเอง !!
นอกจากการจับปัญหายางมาเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งถือเป็นการไม่แสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาแล้ว อีกพฤติกรรมหนึ่งที่ตอกย้ำว่า รัฐบาลมองพี่น้องชาวสวนยางเป็น “เกษตรกรชั้นสอง”คือ การจัดฉากปาหี่ด้วยการเชิญตัวแทนพี่น้องชาวสวนยางมาหารือกับ “เดอะใหญ่ - ยุคล ลิ้มแหลมทอง" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ และ“แรมโบ้อีสาน - สุภรณ์ อัตถาวงศ์" รองเลขาธิการนายกรัฐมตรี ฝ่ายการเมือง กันที่ทำเนียบรัฐบาล
เพราะตามสภาพการณ์ที่ออกมา การเชิญมาหารือครั้งนี้แทบจะมองออกว่า รัฐบาลมีการตั้งธงเรื่องทางออกกันไว้แล้ว ว่าจะให้ปุ๋ยแทนเงิน ที่มาถกเครียดๆ ก็เพียงแต่สุมหัวกันพอเป็นพิธี ตัวแทนบางคนก็เป็นพวกที่รู้กัน เตี๊ยมกันมา
จะมีก็แต่ชาวสวนยางจากภาคใต้ที่ไหวตัวทัน โมโห วอล์กเอาต์จากที่ประชุม พร้อมกับขู่ลั่นว่า “รัฐมนตรีคุยไม่รู้เรื่อง แล้วเจอกันวันที่ 3 กันยายน”
อย่างไรก็ดี ดูกันตามสภาพการณ์ รัฐบาลเลือกมามุกนี้ ยืนกระต่ายขาเดียว ไม่มีเลี้ยวไม่มีงอ ให้ชาวสวนยางเลย ก็พอจะจับทางได้ว่า ท้ายที่สุดรัฐบาลจะไม่ช่วยเหลืออะไรมากไปกว่าที่เห็น
เพราะแม้จะมีสารพัดข้ออ้างดูน่าฟังจ นใครต่อใครหลายคนคล้อยตาม ไม่ว่าจะเป็นกลไกตลาดโลก หรืออะไรนานัปการที่สรรหามาอ้าง แต่พวกที่รู้ไส้รู้พุงก็รู้เช่นเห็นชาติกันดีว่า รัฐบาลนั้นเลือกปฏิบัติ เมฆที่ยกๆกันมา สุดแสนเลอะเทอะ
หากยังจำกันได้ เมื่อครั้งคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มีมติปรับลดราคารับจำนำจากตันละ 15,000 บาท เหลือตันละ 12,000 บาท แค่ม็อบชาวนาออกมาขู่อาละวาด รัฐบาลยังลุกลี้ลุกลน รีบปรับกลับให้เท่าเดิมภายในไม่กี่วัน
เรื่องของเรื่อง เพราะความไม่พอใจของชาวนา มันมีผลกับฐานเสียงพรรคเพื่อไทย และ “น.ช.แม้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เต็มๆ ขืนชักช้าจะกระทบต่อเสถียรภาพ
แต่กับชาวสวนยางที่กำลังทำท่าจะประชิดกรุงอยู่ไม่กี่วัน รัฐบาลกลับไม่กระตือรือร้นจะปรับเปลี่ยนให้ นั่นเป็นเพราะฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้อยู่ในภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกยางกันเยอะที่สุด
ดังนั้น ให้หรือไม่ให้ตามคำเรียกร้อง สำหรับพรรคเพื่อไทย มันไม่กระทบต่อฐานเสียง
ส่วนเรื่องงบประมาณที่รัฐบาลอ้างด้านๆว่า จะต้องใช้งบเยอะ แต่หากเหลือบไปมองดูการรับจำนำข้าว ที่นำไปผลาญๆ กันมา จนบัดนี้เจ๊งไปแล้วไม่รู้กี่แสนล้านบาท ทีกับจำนำข้าวใช้เกินราคาตลาดไป 50 เปอร์เซ็นต์ ยังดันทุรังไปได้ แต่กับยางที่ชาวสวนขอให้ประกันราคาแค่เกินราคาตลาด 30 เปอร์เซ็นต์ ดูจะยากเย็นเหลือเกิน
ถ้ารัฐบาลคิดจะอัดฉีดเม็ดเงินลงไปช่วยเหลือชาวสวนยางจริงๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลย สำหรับรัฐบาลที่ถนัดเรื่องการทำประชานิยม แต่เป็นเพราะรัฐบาลมักคิดถึงผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก ตามสูตรทำกำไรหวังผลเชิงธุรกิจ สไตล์ “แม้วดูไบ”
และต่อให้มีการขนมวลชนมากดดันในวันที่ 3 กันยายน รัฐบาลก็คงเชื่อมั่นในการงัดกฎหมายโหดๆ มาหวดม็อบ ยิ่งปฏิบัติการกำราบม็อบการเมืองก่อนหน้านี้ที่ว่าหนักๆ อย่าง“ม็อบสนามม้าภาคแรก”ของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อดีตประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) หรือการบล็อกไม่ให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำมวลชนเข้าไปให้กำลังใจ ในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม มายังได้ผล
**รอบนี้เป็นแค่ม็อบสวนยาง ก็เลยชะล่าใจว่าจะ“เอาอยู่”
เที่ยวนี้ทำเป็นกระหยิ่มยิ้มย่องกันไป เล่นอะไรไม่เล่น เล่นกับความเดือดร้อนประชาชน หารู้ไม่ จะยิ่งเป็นการตอกลิ่มให้ประชาชนรู้สึกว่าตัวเองถูกปฏิบัติสองมาตรฐาน
**ถึงวันนั้นเมื่อไร จะร้องไม่ออก !!
กำลังโหลดความคิดเห็น