xs
xsm
sm
md
lg

10ตัวถ่วงสังคมไทย แก้ไม่ได้ปฏิรูปยาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "ยิ่งลักษณ์" ยันจะนำข้อสรุปจากเวทีต่างๆมาใช้ปฏิรูป “ปคอป.”สรุป10ปัญหาตัวถ่วงสังคมไทย ผบ.ทบ. ยินดีหาก "พธม.-นปช." จับมือร่วมปฏิรูป ด้านแกนนำนปช.ลั่นไม่มีวันก้าวข้ามทักษิณ ห้าม"ธิดา"จับมือ"สนธิ"

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (27ส.ค.) น.ส ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ถ่ายทอดให้ครม.ทราบถึง ข้อคิดที่น่าสนใจ จากการเดินทางเยือนสาธารณรัฐทาจิกิสถาน และสาธารณรัฐอิสลาม ปากีสถาน โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการสร้างประชาธิปไตยในปากีสถาน ซึ่งผู้นำฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ได้ผ่านการต่อสู้ทางการเมืองอย่างดุเดือด จนมีการเสียเลือดเนื้อ แต่ในที่สุดก็สามารถสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในประเทศได้ เนื่องจาก

1. พรรคฝ่ายค้านแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาล แต่ก็ไม่เคยขัดขวาง การออกกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตยของประเทศ ซึ่ง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เห็นว่า ประเทศใดก็ตามที่ยึดหลักการประชาธิปไตย และสร้างความเสมอภาคให้แก่ ประชาชน ประเทศนั้นก็จะมีความเข้มแข็ง และขอฝากให้ครม. ช่วยกันแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ที่รัฐบาลเผชิญอยู่ในขณะนี้

สำหรับเวทีปฏิรูปการเมือง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ มองว่า มีจุดเด่นที่แตกต่างจากเวทีอื่นในลักษณะเดียวกัน ตรงที่ประกอบด้วยบุคคลหลากหลายกลุ่มมากที่สุด ในส่วนของผลการศึกษาของเวทีอื่นๆ รัฐบาลก็จะไม่ทิ้ง แต่จะดึงทุกผลการศึกษามาใช้ประโยชน์ เช่น ข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้าฯ หรือ ข้อสรุป จากเวทีพูดจาหาทางออกประเทศไทย 108 เวที ที่จัดโดย ปคอป. เป็นต้น โดยจะเชิญเจ้าของผลการศึกษามาร่วมหารือกัน โดยให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสาน

** ปคอป.สรุป10ปัญหาตัวถ่วงสังคมไทย

ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวด้วยว่า ครม.ได้รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินโครงการ "พูดจาหาทางออกประเทศไทย 108 เวที" ซึ่งดำเนินการโดย ปคอป. หรือ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วทั่วประเทศ มีข้อสรุปดังนี้ คือ ประเทศไทยมีปัญหาระยะยาว ปัญหาเฉพาะหน้า และ ปัญหาที่เป็นตัวถ่วงของสังคมไทย รวม 10 ประเด็น ดังนี้

1. เข้าใจประชาธิปไตยแตกต่างกัน 2. มีความเคลือบแคลงในหลักนิติธรรม หรือ rule of law ของประเทศ 3. ตุลาการภิวัฒน์แทรกแซงองค์กรอิสระ 4. การรัฐประหารและบทบาทของกองทัพในการจัดการความขัดแย้ง 5. ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม

6. สื่อเลือกข้าง 7. การกล่าวอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อประโยชน์ทางการเมือง 8. สังคมขาดองค์ความรู้ในการจัดการปัญหาความขัดแย้งและสันติวิธี 9. ความขัดแย้งทางการเมืองมีเดิมพันสูงและมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง และ 10. การทุจริตคอร์รัปชั่น

นอกจากนี้ ยังเสนอแนวทางแก้ปัญหา เช่น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต้องไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช้กำลังในการตัดสินปัญหา งดการชุมนุม หยุดการเคลื่อนไหวปลุกระดมทางการเมือง ส่งเสริมให้มีกิจกรรมที่สร้างความสามัคคีของคนในชาติ นักการเมืองควรเจรจาร่วมกันเพื่อหาทางออก จัดเวทีหรือช่องทางให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น แก้ไขรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติฃธรรม เป็นต้น

หลังจากนี้ จะมีการนำผลการศึกษาของ ปคอป. เข้าเป็นอีกหนึ่งแนวทางเพื่อการอภิปรายในเวทีปฏิรูปการเมืองของรัฐบาล และ ปคอป. จะตีพิมพ์รายงานดังกล่าว 50,000 เล่ม เพื่อแจกจ่ายทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ส.ส. -ส.ว. องค์กรอิสระ ฝ่ายตุลาการ สถาบันการศึกษา และสื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งนี้ ปคอป. ได้จัดเวที พูดจาหาทางออกประเทศไทย 108 เวที ทั่วประเทศ เสร็จสิ้นแล้ว ระหว่าง วันที่ 10 มิ.ย 56 - 28 ก.ค 56 โดยมีประชานร่วมเวที 101,683 คน และมีผู้ตอบแบบสอบถาม 58,183 คน และสรุปผลการศึกษา โดยตัวแทนคณาจารย์มหาวิทยาลัยจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ของประเทศ

**ผบ.ทบ.ยินดีหาก"พธม.-นปช."ร่วมปฏิรูป

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการตั้งคณะทำงานสภาปฏิรูปการเมืองว่า จะได้หรือไม่ได้ เป็นเรื่องของสภาปฏิรูป และฝ่ายบริหารที่จะดำเนินการ เรายังทำงานของเราอยู่ในภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ให้ดีที่สุด

เมื่อถามถึงกรณีที่แกนนำพันธมิตรฯ ยุติบทบาทในการเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้ายุติกันทุกฝ่ายก็ดีหมด ตนคงไม่บังอาจไปบอกว่า ให้คนนั้นหรือคนนี้ หยุดทำอะไรเพราะไม่ใช่เรื่องของตน ถ้าทำดีก็ได้ดี ถ้าทำไม่ดี ก็ได้รับผลต่อไป คนไทยเขาคิดกันแบบนี้ ส่วนกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ประกาศพร้อมร่วมปฏิรูปประเทศ กับทุกกลุ่มรวมถึงกลุ่มนปช.ด้วย จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีหรือไม่นั้น คิดว่าถ้าเลิกทุกกลุ่มได้ก็ดี เพราะไม่เห็นว่าจะดีสักกลุ่ม ถ้าทำให้บ้านเมืองให้สงบ และปลอดภัยต้องทำ

** นปช.ลั่นไม่มีวันก้าวข้ามทักษิณ

นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บอกว่าพร้อมทำงานกับกลุ่มนปช. หากทางกลุ่มนปช. ก้าวข้ามพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และเลิกจาบจ้วงสถาบันฯ ว่า นายสนธิ พูดเช่นนี้ เพราะยังมีความคิดเช่นเดิม คือการทำลายล้างพ.ต.ท. ทักษิณ การที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงหรือ นปช. ทุกวันนี้ สาเหตุเพราะ เห็นว่าพ.ต.ท. ทักษิณ ไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง แต่ต้องถูกปฏิวัติรัฐประหาร ถูกยึดทรัพย์ และถูกศาลตัดสินสั่งจำคุก พวกเราไม่ใช่ลูกน้อง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทนเห็นท่านในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ได้

“พ.ต.ท.ทักษิณเปรียบเสมือนไอดอลของคนเสื้อแดง ถ้าให้เราก้าวข้ามท่านไป ก็อย่ามีกลุ่มนปช. เสียดีกว่า" นายชินวัฒน์ กล่าว และว่า ในการประชุมแกนนำ นปช. ครั้งหน้า หากมีผู้เสนอให้นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่ม นปช.ไปเจรจาหารือกับนายสนธิ ตนก็จะคัดค้าน เพราะเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์อะไร เป็นการไปให้ราคากับนายสนธิ มากกว่า

** "เหลิม"ไม่เชื่อพธม.ยุติบทบาท

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณี แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ออกมาประกาศยุติบทบาท ว่า เป็นเพียงการเล่นละคร การประกาศเหมือนว่าไม่เอาประชาธิปัตย์ เป็นแค่เพียงคำพูด ตนมองว่าเป็นเรื่องของ "ประโยชน์ที่ไม่เจือสม" กัน การออกมาประกาศยุติบทบาทครั้งนี้ไม่ได้มีอะไร เห็นว่าไม่ได้มีบรรทัดฐานอะไรให้สังคมต้องติดตาม และพธม.ไม่มีการยุติบทบาทอย่างแน่นอน วันใดที่ "ประโยชน์เจือสม" กันก็พร้อมที่จะกลับมาใหม่ ไม่มีหลักประกันอะไรให้ต้องเชื่อถือ ไม่มีอะไรที่ ลับ ลวง พราง แต่รัฐบาลก็จะประมาทไม่ได้

** ซัดปชป.ฉวยวิกฤติเป็นการเมือง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวถึง เวทีปฏิรูปประเทศที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ท่าทีของผู้เข้าร่วม หลายคนมีความมั่นใจ และเชื่อมั่นว่าแนวทางนี้ น่าจะมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ในการนำพาประเทศไทยออกจากความขัดแย้ง

ส่วนกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ขอให้ทุกคนที่เข้าร่วม ระวังจะตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาลนั้น อยากให้นายอภิสิทธิ์ มองโลกให้สร้างสรรค์กว่านี้ หากนายอภิสิทธิ์ มีความกังวลในประเด็นดังกล่าว ก็น่าจะเข้ามาร่วมด้วย เพื่อคอยเตือนสติคนอื่นว่า อย่าตกเป็นเครื่องมือ รวมถึงจะได้แสดงความคิดเห็นด้วย

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นิวยอร์กไทมส์ ตีข่าวทั่วโลกระบุพรรคประชาธิปัตย์ ละทิ้งอุดมการณ์รัฐสภา ปลุกระดมหยาบคาย นำม็อบประท้วงข้างถนนว่า เป็นการสะท้อนวิถีการเมืองแบบประชาธิปัตย์ได้เป็นอย่างดี ปากบอกยึดมั่นระบบรัฐสภา แต่สวนทางกับการกระทำ

ทั้งนี้ หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ปฏิรูปกระบวนการในการทำการเมืองเสียใหม่ ความนิยมจากประชาชนจะลดน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งการเดินหน้าค้านทุกอย่างแบบหัวชนฝา ประชาชนก็เบื่อ เพราะประโยชน์ไม่เกิดทั้งกับประเทศชาติ และประชาชน อยากให้ประชาธิปัตย์ ทบทวนบทบาทตนเองอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น