วานนี้(27 ส.ค.) นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการแถลงมติครม.ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เล่าถึงการเดินทางไปเยือนประเทศปากีสถานและทาจิกิสถานตอนหนึ่งว่า นายกฯพูดถึงว่าทาจิกิสถานได้ประสบภาวะความขัดแย้งภายในประเทศและมีการนิรโทษกรรมถึง 4 หมื่นคนในอดีต แต่มีเงื่อนไขว่าจะไม่มีการนิรโทษกรรมอีก ใครที่ได้รับการนิรโทษกรรมแล้วกลับมาก่อเหตุอีกจะมีการจับกุมดำเนินคดี ซึ่งนายกฯบอกว่าเป็นแนวคิดที่ได้มาจากทาจิกิสถาน
โฆษกฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ได้มีการพบปะกับนายนาวาส ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถานซึ่งเป็นนายกฯที่เคยถูกปฏิวัติในอดีต แต่ว่าหลังจากนั้นก็ได้กลับมาประเทศมาเป็นฝ่ายค้านในระยะหนึ่งก่อนที่จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายชารีฟได้เล่าให้นายกฯฟังว่าถึงแม้ว่าเป็นฝ่ายค้านก็ไม่ใช่ว่าจะค้านทุกเรื่อง ฝ่ายค้านของปากีสถานสนับสนุนกฎหมายทุกกฎหมายของประเทศที่สนับสนุนให้ประเทศเป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ ซึ่งตรงนี้เองน่าจะเป็นบทเรียนที่น่าจะมาปรับใช้ในประเทศไทยได้
เวลา 10.00น. นางซินเทีย เอี่ยมสะอาด ตัวแทนกลุ่มคนไทยผู้ที่ตื่นตัว เดินทางมาชุมนุมที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เพื่อประท้วงคัดค้านนายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่จะมีกำหนดจะเดินทางมาร่วมงานปาฐกถาที่ชื่อว่า "ผนึกกำลังสู่อนาคต: เรียนรู้ร่วมกันจากประสบการณ์" ซึ่งรัฐบาลไทยจะจัดขึ้นในวันที่ 2 ก.ย.นี้ ณ โรงแรมพลาซ่าแอทธินี กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ นางซินเทีย กล่าวว่า การมาของนายโทนี่ แบลร์ ที่ต้องใช้งบประมาณถึง 20 ล้านบาท เพราะเห็นว่า เป็นการใช้จ่ายที่เยอะเกินไปและเงินในส่วนนี้สามารถเอาไปใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศได้ อีกทั้ง การตั้งสภาปฏิรูปของรัฐบาล ยังไม่มีความจริงใจในการสร้างความปรองดอง เพราะยังมีการปิดกั้นการแสดงออกทางความคิดที่เห็นต่างของประชาชนฝ่ายตรงข้าม ซึ่งไม่มีความเป็นประชาธิปไตย จึงไม่เห็นด้วยกับการมาของนายโทนี่ แบลร์
"หากว่า นายโทนี่ แบลร์ จะเดินทางมาร่วมเป็นการส่วนตัว ไม่ต้องใช้ภาษีประชาชนรับรองถึง 20 ล้านบาท ก็ไม่ขัดข้อง" นางซินเทีย กล่าว จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลอังกฤษ และนายโทนี่ แบลร์ ผ่านน.ส.คิม คลาร์ค เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมือง ของสถานทูตฯ ก่อนจะสลายการชุมนุมในเวลา 11.00 น.
อีกด้าน คณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) นำโดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ , พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี และน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ นำมวลชนประมาณ 100 คน พร้อมด้วยคาราวานรถยนต์ รถบรรทุก 6ล้อ รถกระบะ รถแท็กซี่ และรถยนต์เก๋งนับสิบคัน ได้จัดกิจกรรมรณรงค์เชิญชวนให้คนไทยเชื้อสายจีนย่านเยาวราช และถนนเจริญกรุง เข้าร่วมชุมนุมกับกปท. เพื่อต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของรัฐบาล ที่สวนลุมพินี โดยกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดได้ไปรวมตัวที่บริเวณหน้าวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร ถ.เจริญกรุง ก่อนเคลื่อนขบวนผ่านวงเวียนโอเดียนเข้าสู่ ถ.เยาวราช แล้ววนกลับเข้าถ.เจริญกรุง โดยตลอดเส้นทางได้มีการแจกใบปลิวชี้แจงเหตุผลการคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายในบ้านเมืองทั้งหมดกระทั่งเวลา 11.45น. ขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมได้วกกลับที่กลับมาวัดไตรมิตรฯ อีกครั้ง จากนั้นก็ได้ยุติกิจกรรมและแยกย้ายกลับสวนลุมพินี โดยไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ
นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ เปิดเผยถึงการรวมกลุ่มเพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ กับพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขณะนี้ ประสานไปยังแกนนำกลุ่มต่างๆ ได้มากกว่า 10 กลุ่ม แล้ว อีกทั้ง ก็ได้พูดคุยกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ด้วยว่าจะมาร่วมแนวทางกันอย่างไร นอกจากนี้ยังคงมีกลุ่มนักศึกษาอาชีวะที่ประสงค์จะเข้ามาร่วมเพิ่มอีกจำนวน 48 สถาบัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อนัดรวมตัวกันได้ครบจำนวนกลุ่มตามเป้าหมายแล้ว ทาง กปท.รอเพียงทางพรรคประชาธิปัตย์ กำหนดวันที่ชัดเจนมาก่อนในช่วงสิ้นเดือนนี้ ทางกลุ่มก็พร้อมจะไปพูดคุยถึงแนวทางการต่อสู้ร่วมกันต่อไป
น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี ได้ยืนยันจุดยืนว่าจะระดมมวลชนเข้าร่วมต่อต้านโค่นล้มระบอบทักษิณกับทางพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มกองทัพประชาชนฯ กลุ่มหน้ากากขาว และกลุ่มพันธมิตรร่วมอื่นๆ อย่างแน่นอน
นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. กล่าวว่า การพิจารณาออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น สามารถทำได้ หากเป็นการนิรโทษกรรมในประเด็นที่เป็นความผิดทางการเมือง แต่ไม่ควรนิรโทษกรรมให้กับความผิดอาชญากรรม อาทิ การวางเพลิง ,ระเบิด หรือปล้น ที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ทั้งนี้หากกลุ่มการเมืองลดการจัดตั้งมวลชน ไม่แบ่งฝ่าย และให้ทุกอย่างเป็นไปตามตามกฎหมาย ก็จะสามารถเข้าสู่การปรองดองได้
ที่รัฐสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนยืนยันว่าจะเคลื่อนไหวรณรงค์ต่อต้านการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องนั้น เพื่อชี้แจงให้ประชาชนรับรู้ข้อเท็จจริงว่า จะเกิดความเสียหายอย่างไร โดยจะต่อสู้ทุกวิถีทางในรัฐสภาจนถึงที่สุด เพื่อให้รัฐบาลได้หยุดคิด ยกการกระทำ แต่หากรัฐบาลยังใช้วิธีการพวกมากลากไป ตนก็ไม่รอให้ถึงการพิจารณาร่างนิรโทษกรรม ในวาระ 3 แต่จะยกระดับการเคลื่อนไหวให้เข้มแข็ง เข้มข้นมากขึ้นต่อเนื่อง ส่วนจะลงไปร่วมต่อสู้กับประชาชนเมื่อไหร่ก็ต้องรอดูความพร้อมของประชาชนก่อน ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของตนนั้น จะไม่นำความเดือดร้อนของประชาชน เช่น กรณียางพาราราคาตกต่ำมาพัวพัน แต่หากเมื่อไหร่ที่รัฐบาลปราบปรามประชาชน นักการเมืองอย่างพวกตนก็ต้องช่วยเหลือ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะใช้วิธีการช่วยเหลืออย่างไร เพราะพูดไปจะถูกมองว่าข่มขู่รัฐบาล
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงาน( วิป ) พรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวว่า การที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ในลักษณะให้ท้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมาตอบกระทู้ถามสดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการทำตัวของฝ่ายค้านทำตัวน่าที่จะให้มาตอบหรือไม่นั้น ถือเป็นคำพูดที่ไม่น่าออกจากปากประธานสภา เพราะการตอบกระทู้ถามสดเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี คำพูดเหล่านี้จึงถือเป็นการโยนบาปให้พรรคฝ่ายค้าน ไม่แน่ใจว่าประธานสภารับใช้รัฐสภาหรือรับใช้รัฐบาลกันแน่ อยากให้ประธานทบทวนหลักคิดในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาฝ่ายค้านได้เคยยื่นถอดถอนประธานสภาออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็อยู่ระหว่างรอขั้นตอนกระบวนการ
ทั้งนี้ นายกฯ มาจากสภา เป็นผู้แทนราษฎร จะหนีการประชุมสภาไม่ได้ เว้นแต่จะไม่มีความรับผิดชอบ แต่ไม่ทราบว่านายกฯจะเข้าใจหลักการของระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ แต่พฤติกรรมที่สะท้อนออกมานั้น เห็นได้ว่านายกฯไม่สนใจระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา แต่กลับสนใจที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว อีกทั้งการทำหน้าที่นายกฯก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นเช่น การแก้ปัญหาพืชผลทางการเกษตร.
นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ยืนยันว่าคณะกรรมาธิการ จะไม่เสนอสภาให้ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ออกไปตามคำเรียกร้องของพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มต่อต้านต่าง ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งตามขั้นตอนทำไม่ได้ เนื่องจากร่างดังกล่าวผ่านสภารับหลักการไปแล้ว อีกทั้งขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ
อีกเรื่อง นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นิวยอร์กไทมส์ ตีข่าวทั่วโลก ระบุพรรคประชาธิปัตย์ละทิ้งอุดมการณ์รัฐสภา ปลุกระดมหยาบคาย นำม็อบประท้วงข้างถนน ว่า สะท้อนวิถีการเมืองแบบพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นอย่างดี ปากบอก ยึดมั่นระบบสภาซึ่งสวนทางกับการกระทำมานานมากแล้ว การแสดงออกในสภาของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการแสดงออกที่ชัดเจนว่าต้องการให้ระบบของรัฐสภาไร้ความเชื่อมั่นอีกต่อไป ประกาศเล่นการเมืองข้างถนนควบคู่กับการเมืองในสภา ที่สำคัญวันนี้ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนคือการเมืองข้างถนน อันไหนคือการเมืองในสภา เลยยกการเมืองข้างถนนมาเล่นในสภา พฤติกรรมถดถอยลงทุกที
หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ปฏิรูปกระบวนการในการทำการเมืองเสียใหม่ ความนิยมจากประชาชนจะลดน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งการเดินหน้าค้านทุกอย่างแบบหัวชนฝา ประชาชนก็เบื่อ เพราะประโยชน์ไม่เกิดทั้งกับประเทศชาติและประชาชน อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ทบทวนบทบาทตนเองอีกครั้ง ลองใช้สื่อเป็นกระจกเงาสะท้อนตัวเองบ้าง และครั้งนี้ไม่ใช่แค่เฟซบุ๊คของรัฐสภาโพสต์ภาพนิ่งเหตุการณ์ชุลมุน แต่คือมุมมองจากสื่อระดับโลก นายอภิสิทธิ์จะตามแก้ไหวหรือ หรือต้องออกจดหมายเปิดผนึกอีกรอบชี้แจงเหตุดังกล่าว ทางเดียวคือต้องปรับปรุงเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดและกลับมาต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรีในระบบรัฐสภาในฐานะพรรคการเมืองเก่าแก่ เชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่และอย่าให้ใครมองได้ว่าเด็กสมัยนี้บริหารพรรคถึงจุดตกต่ำเข้าขั้นวิกฤติ
โฆษกฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ได้มีการพบปะกับนายนาวาส ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถานซึ่งเป็นนายกฯที่เคยถูกปฏิวัติในอดีต แต่ว่าหลังจากนั้นก็ได้กลับมาประเทศมาเป็นฝ่ายค้านในระยะหนึ่งก่อนที่จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายชารีฟได้เล่าให้นายกฯฟังว่าถึงแม้ว่าเป็นฝ่ายค้านก็ไม่ใช่ว่าจะค้านทุกเรื่อง ฝ่ายค้านของปากีสถานสนับสนุนกฎหมายทุกกฎหมายของประเทศที่สนับสนุนให้ประเทศเป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ ซึ่งตรงนี้เองน่าจะเป็นบทเรียนที่น่าจะมาปรับใช้ในประเทศไทยได้
เวลา 10.00น. นางซินเทีย เอี่ยมสะอาด ตัวแทนกลุ่มคนไทยผู้ที่ตื่นตัว เดินทางมาชุมนุมที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เพื่อประท้วงคัดค้านนายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่จะมีกำหนดจะเดินทางมาร่วมงานปาฐกถาที่ชื่อว่า "ผนึกกำลังสู่อนาคต: เรียนรู้ร่วมกันจากประสบการณ์" ซึ่งรัฐบาลไทยจะจัดขึ้นในวันที่ 2 ก.ย.นี้ ณ โรงแรมพลาซ่าแอทธินี กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ นางซินเทีย กล่าวว่า การมาของนายโทนี่ แบลร์ ที่ต้องใช้งบประมาณถึง 20 ล้านบาท เพราะเห็นว่า เป็นการใช้จ่ายที่เยอะเกินไปและเงินในส่วนนี้สามารถเอาไปใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศได้ อีกทั้ง การตั้งสภาปฏิรูปของรัฐบาล ยังไม่มีความจริงใจในการสร้างความปรองดอง เพราะยังมีการปิดกั้นการแสดงออกทางความคิดที่เห็นต่างของประชาชนฝ่ายตรงข้าม ซึ่งไม่มีความเป็นประชาธิปไตย จึงไม่เห็นด้วยกับการมาของนายโทนี่ แบลร์
"หากว่า นายโทนี่ แบลร์ จะเดินทางมาร่วมเป็นการส่วนตัว ไม่ต้องใช้ภาษีประชาชนรับรองถึง 20 ล้านบาท ก็ไม่ขัดข้อง" นางซินเทีย กล่าว จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลอังกฤษ และนายโทนี่ แบลร์ ผ่านน.ส.คิม คลาร์ค เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมือง ของสถานทูตฯ ก่อนจะสลายการชุมนุมในเวลา 11.00 น.
อีกด้าน คณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) นำโดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ , พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี และน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ นำมวลชนประมาณ 100 คน พร้อมด้วยคาราวานรถยนต์ รถบรรทุก 6ล้อ รถกระบะ รถแท็กซี่ และรถยนต์เก๋งนับสิบคัน ได้จัดกิจกรรมรณรงค์เชิญชวนให้คนไทยเชื้อสายจีนย่านเยาวราช และถนนเจริญกรุง เข้าร่วมชุมนุมกับกปท. เพื่อต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของรัฐบาล ที่สวนลุมพินี โดยกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดได้ไปรวมตัวที่บริเวณหน้าวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร ถ.เจริญกรุง ก่อนเคลื่อนขบวนผ่านวงเวียนโอเดียนเข้าสู่ ถ.เยาวราช แล้ววนกลับเข้าถ.เจริญกรุง โดยตลอดเส้นทางได้มีการแจกใบปลิวชี้แจงเหตุผลการคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายในบ้านเมืองทั้งหมดกระทั่งเวลา 11.45น. ขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมได้วกกลับที่กลับมาวัดไตรมิตรฯ อีกครั้ง จากนั้นก็ได้ยุติกิจกรรมและแยกย้ายกลับสวนลุมพินี โดยไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ
นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ เปิดเผยถึงการรวมกลุ่มเพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ กับพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขณะนี้ ประสานไปยังแกนนำกลุ่มต่างๆ ได้มากกว่า 10 กลุ่ม แล้ว อีกทั้ง ก็ได้พูดคุยกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ด้วยว่าจะมาร่วมแนวทางกันอย่างไร นอกจากนี้ยังคงมีกลุ่มนักศึกษาอาชีวะที่ประสงค์จะเข้ามาร่วมเพิ่มอีกจำนวน 48 สถาบัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อนัดรวมตัวกันได้ครบจำนวนกลุ่มตามเป้าหมายแล้ว ทาง กปท.รอเพียงทางพรรคประชาธิปัตย์ กำหนดวันที่ชัดเจนมาก่อนในช่วงสิ้นเดือนนี้ ทางกลุ่มก็พร้อมจะไปพูดคุยถึงแนวทางการต่อสู้ร่วมกันต่อไป
น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี ได้ยืนยันจุดยืนว่าจะระดมมวลชนเข้าร่วมต่อต้านโค่นล้มระบอบทักษิณกับทางพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มกองทัพประชาชนฯ กลุ่มหน้ากากขาว และกลุ่มพันธมิตรร่วมอื่นๆ อย่างแน่นอน
นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. กล่าวว่า การพิจารณาออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น สามารถทำได้ หากเป็นการนิรโทษกรรมในประเด็นที่เป็นความผิดทางการเมือง แต่ไม่ควรนิรโทษกรรมให้กับความผิดอาชญากรรม อาทิ การวางเพลิง ,ระเบิด หรือปล้น ที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ทั้งนี้หากกลุ่มการเมืองลดการจัดตั้งมวลชน ไม่แบ่งฝ่าย และให้ทุกอย่างเป็นไปตามตามกฎหมาย ก็จะสามารถเข้าสู่การปรองดองได้
ที่รัฐสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนยืนยันว่าจะเคลื่อนไหวรณรงค์ต่อต้านการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องนั้น เพื่อชี้แจงให้ประชาชนรับรู้ข้อเท็จจริงว่า จะเกิดความเสียหายอย่างไร โดยจะต่อสู้ทุกวิถีทางในรัฐสภาจนถึงที่สุด เพื่อให้รัฐบาลได้หยุดคิด ยกการกระทำ แต่หากรัฐบาลยังใช้วิธีการพวกมากลากไป ตนก็ไม่รอให้ถึงการพิจารณาร่างนิรโทษกรรม ในวาระ 3 แต่จะยกระดับการเคลื่อนไหวให้เข้มแข็ง เข้มข้นมากขึ้นต่อเนื่อง ส่วนจะลงไปร่วมต่อสู้กับประชาชนเมื่อไหร่ก็ต้องรอดูความพร้อมของประชาชนก่อน ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของตนนั้น จะไม่นำความเดือดร้อนของประชาชน เช่น กรณียางพาราราคาตกต่ำมาพัวพัน แต่หากเมื่อไหร่ที่รัฐบาลปราบปรามประชาชน นักการเมืองอย่างพวกตนก็ต้องช่วยเหลือ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะใช้วิธีการช่วยเหลืออย่างไร เพราะพูดไปจะถูกมองว่าข่มขู่รัฐบาล
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงาน( วิป ) พรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวว่า การที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ในลักษณะให้ท้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมาตอบกระทู้ถามสดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการทำตัวของฝ่ายค้านทำตัวน่าที่จะให้มาตอบหรือไม่นั้น ถือเป็นคำพูดที่ไม่น่าออกจากปากประธานสภา เพราะการตอบกระทู้ถามสดเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี คำพูดเหล่านี้จึงถือเป็นการโยนบาปให้พรรคฝ่ายค้าน ไม่แน่ใจว่าประธานสภารับใช้รัฐสภาหรือรับใช้รัฐบาลกันแน่ อยากให้ประธานทบทวนหลักคิดในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาฝ่ายค้านได้เคยยื่นถอดถอนประธานสภาออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็อยู่ระหว่างรอขั้นตอนกระบวนการ
ทั้งนี้ นายกฯ มาจากสภา เป็นผู้แทนราษฎร จะหนีการประชุมสภาไม่ได้ เว้นแต่จะไม่มีความรับผิดชอบ แต่ไม่ทราบว่านายกฯจะเข้าใจหลักการของระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ แต่พฤติกรรมที่สะท้อนออกมานั้น เห็นได้ว่านายกฯไม่สนใจระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา แต่กลับสนใจที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว อีกทั้งการทำหน้าที่นายกฯก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นเช่น การแก้ปัญหาพืชผลทางการเกษตร.
นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ยืนยันว่าคณะกรรมาธิการ จะไม่เสนอสภาให้ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ออกไปตามคำเรียกร้องของพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มต่อต้านต่าง ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งตามขั้นตอนทำไม่ได้ เนื่องจากร่างดังกล่าวผ่านสภารับหลักการไปแล้ว อีกทั้งขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ
อีกเรื่อง นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นิวยอร์กไทมส์ ตีข่าวทั่วโลก ระบุพรรคประชาธิปัตย์ละทิ้งอุดมการณ์รัฐสภา ปลุกระดมหยาบคาย นำม็อบประท้วงข้างถนน ว่า สะท้อนวิถีการเมืองแบบพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นอย่างดี ปากบอก ยึดมั่นระบบสภาซึ่งสวนทางกับการกระทำมานานมากแล้ว การแสดงออกในสภาของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการแสดงออกที่ชัดเจนว่าต้องการให้ระบบของรัฐสภาไร้ความเชื่อมั่นอีกต่อไป ประกาศเล่นการเมืองข้างถนนควบคู่กับการเมืองในสภา ที่สำคัญวันนี้ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนคือการเมืองข้างถนน อันไหนคือการเมืองในสภา เลยยกการเมืองข้างถนนมาเล่นในสภา พฤติกรรมถดถอยลงทุกที
หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ปฏิรูปกระบวนการในการทำการเมืองเสียใหม่ ความนิยมจากประชาชนจะลดน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งการเดินหน้าค้านทุกอย่างแบบหัวชนฝา ประชาชนก็เบื่อ เพราะประโยชน์ไม่เกิดทั้งกับประเทศชาติและประชาชน อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ทบทวนบทบาทตนเองอีกครั้ง ลองใช้สื่อเป็นกระจกเงาสะท้อนตัวเองบ้าง และครั้งนี้ไม่ใช่แค่เฟซบุ๊คของรัฐสภาโพสต์ภาพนิ่งเหตุการณ์ชุลมุน แต่คือมุมมองจากสื่อระดับโลก นายอภิสิทธิ์จะตามแก้ไหวหรือ หรือต้องออกจดหมายเปิดผนึกอีกรอบชี้แจงเหตุดังกล่าว ทางเดียวคือต้องปรับปรุงเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดและกลับมาต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรีในระบบรัฐสภาในฐานะพรรคการเมืองเก่าแก่ เชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่และอย่าให้ใครมองได้ว่าเด็กสมัยนี้บริหารพรรคถึงจุดตกต่ำเข้าขั้นวิกฤติ
