xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ตีกิน! อ้างมวลชนพธม.วิ่งเข้าซบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประชาธิปัตย์โวหลังแกนนำพันธมิตรฯ ยุติบทบาท มีมวลชนและพันธมิตรฯ ทั่วประเทศติดต่อขอเข้าพบ ส.ส.เพียบ สานฝันล้มระบอบทักษิณ ยันต้องต่อสู้ในสภาก่อนเพื่อชี้ให้ประชาชนเห็นเจตนาร้ายของระบอบทักษิณให้ชัดเจน อ้างลาออกจะเข้าทาง "เพื่อไทย" กฎหมายที่ค้างอยู่จะผ่านฉลุย

หลังจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศยุติบทบาทการเป็นแกนนำ เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้มวลชนมีอิสระในการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยไม่ต้องรอมติจากแกนนำ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ระหว่างการปราศรับบนเวที ผ่าความจริง บริเวณลานเยื้องโลตัสวังหิน เขตลาดพร้าว กทม. เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ว่า ว่าตนเข้าใจพันธมิตรฯ ที่สู้กับระบอบทักษิณมาตลอดหลายปี และขอขอบคุณแกนนำทุกคน

"ผมเข้าใจดีว่า พวกเราที่ยืนสู้กับระบอบทักษิณ เราเป็นเสรีชน เราจึงอาจจะมีความคิดความอ่านที่ไม่ตรงกันในบางเรื่อง และเราเคารพความแตกต่างนั้น เพื่อที่จะเอาจุดร่วม คือการต่อสู้กับระบอบทักษิณเป็นตัวตั้ง เมื่อแกนนำพันธมิตรฯ ได้ตัดสินใจว่าจะยุติบทบาทในขณะนี้ ด้วยติดขัดในเรื่องปัญหาคดีความ และคำสั่งของศาล ผมเข้าใจ และเคารพในการตัดสินใจของแกนนำพันธมิตรฯ และผมก็อยากจะบอกว่า หลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีการก่อตัวของพันธมิตรฯ ผมยืนยันว่า มวลชนพันธมิตรฯ เป็นมวลชนที่มีคุณภาพ และมีคุณูปการต่อประเทศชาติ บ้านเมืองมากมาย ... ผมอยากให้พวกเราปรบมือ ส่งเสียงดังๆ ขอบคุณ และคารวะการต่อสู้ของมวลชนพันธมิตรฯ ที่ผ่านมา"

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า เจตนารมย์ของมวลชนพันธมิตรฯ ที่ต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง และระบอบทักษิณ พวกตนจะสานเจตนารมย์ดังกล่าวให้ประสบความสำเร็จเพื่อให้คุ้มค่ากับความสูญเสียในอดีต ซึ่งเป็นข้อจำกัดของแกนนำในปัจจุบัน
ส่วนกรณีที่แกนนำพันธมิตรฯ แนะนำให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ลาออกจากการเป็นส.ส. เพื่อลงมาต่อสู้เพื่อการปฏิรูปประเทศนั้น ตนเคารพความคิด และข้อเสนอแนะดังกล่าว แต่พวกตนเห็นต่างว่าเนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ ยังเป็นพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา นอกจากนี้ ตนยังต้องการให้มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบของประชาธิปไตยที่ดีกว่าปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร ได้มาอย่างไร เมื่อนั้นพวกตนก็พร้อมที่จะเสียสละ

"วันนี้มีภัยคุกคามเฉพาะหน้า เรื่องกฎหมายล้างผิด เรื่องการยึดประเทศ เรื่องการแก้ไขจะรื้อรัฐธรรมนูญ ที่เราต้องต่อสู้ต่อต้าน ควบคู่ไปกับการให้ความจริง ความรู้กับประชาชน ที่จะร่วมกันปฏิรูปประเทศชาติบ้านเมืองต่อไปในอนาคต พวกผมเพียงแต่ประเมินสถานการณ์ไม่ตรงกับบรรดาแกนนำและเชื่อว่าที่พวกผมต่อสู้อยู่ในสภาทุกวันนี้ ยังเป็นประโยชน์ และจำเป็นต่อการต่อสู้กับระบอบทักษิณ” ผู้นำฝ่ายค้านกล่าว และว่า ถ้ามวลชนพันธมิตรฯ สบายใจ สนิทใจ ที่จะมาเข้าร่วมต่อสู้กับประชาธิปัตย์ พวกตนก็ยินดีต้อนรับ แต่หากไม่สบายใจ ไม่มั่นใจ ก็ขอให้ติดตามข่าวสารบ้านเมือง และตนก็เคารพการตัดสินใจ โดยยืนยันว่าตนไม่ได้ต้องการต่อสู้เพื่อตำแหน่ง หรืออำนาจ

นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า หากระหว่างที่ทางประชาธิปัตย์ต่อสู้เพื่อเป้าหมายเดียวกัน ตนก็ขอร้องว่า ไม่อยากให้กระทำการใดๆ ที่บั่นทอนกำลังใจซึ่งกันและกัน และในทางตรงกันข้าม ตนก็อยากจะบอกให้แฟนพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่พอใจกลุ่มพันธมิตรฯ หรือ แกนนำพันธมิตรฯ ในเรื่องใดๆ ก็ตาม ให้หยุดการตอบโต้กันและกัน เพื่อรวมพลังกันไปสู้กับระบอบทักษิณ

**รอมวลชนรวมเป็นเนื้อเดียวกัน

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้วันนี้แกนนำจะประกาศยุติความเคลื่อนไหว แต่เชื่อว่าจิตใจการต่อสู้ยังดำรงอยู่ และเมื่อใดก็ตามที่มีเงื่อนไขที่พันธมิตรฯ คิดว่าพร้อมจะออกมาต่อสู้เพื่อประชาชน ทางแกนนำและมวลชน ก็คงจะออกมายืนเคียงข้างประชาชนในการต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง

สิ่งที่พันธมิตรฯได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นการกระทำที่สูญเปล่า และได้สร้างคุณูปการให้กับการต่อสู้ของภาคประชาชน ซึ่งเป็นแบบอย่างของการต่อสู้ภายใต้กฎหมาย และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยสงบสันติ ปราศจากอาวุธ ซึ่งแตกต่างจากการต่อสู้ของมวลชนบางกลุ่มในประเทศไทย เป็นแบบอย่างในการดำเนินการของมวลชนต่อไป

นายองอาจ กล่าวว่า หลังการประกาศจุดยืนดังกล่าว มีมวลชนและพันธมิตรฯ ทั่วประเทศไทยทั้งใน กทม.ในภาคกลาง และภาคใต้ เริ่มมีการประสานงานระดับแกนนำกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในหลายพื้นที่ ที่จะร่วมมือกันทำงานต่อสู่กับระบอบทักษิณต่อไป ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของการเคลื่อนไหวภาคประชาชนในอนาคต และเชื่อว่าหากประชาชนได้ร่วมมือกันอย่างแท้จริงแล้ว ระบอบทักษิณ คงไม่สามารถขยายตัวออกไปได้มากกว่าที่เป็นอยู่ และการรวมพลังของประชาชนทุกภาคส่วนจะมีส่วนสำคัญให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า ในประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการยุติบทบาทของแกนนำพันธมิตรฯ เป็นผลบวกต่อการเคลื่อนไหวของพรรคหรือไม่ นายองอาจ กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่า มวลชนพันธมิตรฯ เริ่มเข้ามาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนของพรรค อย่างสบายใจมากขึ้น ไม่ต้องเกรงใจแกนนำ เพราะก่อนหน้านี้มีท่าทีที่ไม่ชัดเจนว่า จะสนับสนุน หรือคัดค้านการเคลื่อนไหวของพรรค แต่เมื่อมีการประกาศให้มวลชนพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวได้อย่างเสรี ก็เป็นการปลดพันธนาการ ยกตัวอย่างในพื้นที่ของตน มีการจัดเสวนาทางการเมือง มีพันธมิตรฯ มาร่วมงานและแสดงความคิดเห็นอย่างเข้มข้น

"การเคลื่อนไหวมีหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านรัฐบาล การล้มระบอบทักษิณ การปฏิรูปการเมือง ถ้ามีความพร้อมตรงไหน ก็สามารถดำเนินการได้ ตราบใดที่มีเป้าหมายเดียวกัน การล้มระบอบทักษิณ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการเมือง และประเทศไทยยังต้องปฏิรูปอีกหลายด้านรวมถึงเศรษฐกิจสังคมด้วย เป้าหมายสูงสุดคือ การปฏิรูปประเทศไทย ขณะนี้ใครพร้อมที่จะทำอะไรตรงจุดไหน หากมีเป้าหมายใหญ่เดียวกันควรดำเนินไปตามความพร้อมของแต่ละคน" นายองอาจกล่าว

ส่วนคนไทยจะมีโอกาสเห็นแกนนำสองฝ่ายขึ้นเวทีร่วมกันหรือไม่ นายองอาจ กล่าวว่า เราต่างทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมือนกัน และเป้าหมายไม่ได้แตกต่างกัน แต่วิธีการอาจเป็นไปตามความถนัดของแต่ละคน ส่วนภาคปฏิบัติ จะได้แค่ไหนไม่ใชเรื่องสำคัญ ทั้งนี้หากร่วมมือกันความสำเร็จ อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนปัญหามวลชนสองฝ่ายที่ยังไม่สามารถเป็นเนื้อเดียวกันได้นั้น ตนคิดว่าระยะเวลาจะช่วยทำให้ทุกอย่างพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นได้ ตราบใดที่มีเป้าหมายไม่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจกันไม่ใช่อุปสรรค เท่าที่ได้สัมผัสในพื้นที่ตนเชื่อว่าทั้งสองกลุ่มจะทำความเข้าใจกันได้ไม่ยาก

**อ้างโค่นแม้ว-ปฏิรูปปลายทางเดียวกัน

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวขอบคุณแกนนำพันธมิตรฯ ที่ประกาศยุติบทบาท เพื่อเปิดโอกาสให้มวลชนกลุ่มได้เคลื่อนไหวกับประชาธิปัตย์อย่างเต็มตัว ซึ่งหลายคนยอมรับกับตนว่า รู้สึกสบายใจ ตนจึงบอกว่าต่อไปนี้ เวทีการชุมนุมจะเป็นการต่อสู้ระหว่าง ปชป. กับพันธมิตรจากการรวมตัวของเสรีชน ที่ไม่ต้องผูกพันกับกลุ่มใดแต่เป็นประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ไป เราจะได้มวลชนมาร่วมขับเคลื่อนกันมากขึ้น

ส่วนกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ตั้งเงื่อนไขว่า จะกลับมาร่วมต่อสู้อีกครั้งถ้าไม่ใช่แค่โค่นล้มระบอบทักษิณ แต่เป็นการปฏิรูปการเมืองนั้น นายนิพิฏฐ์ กล่าวเปรียบเทียบว่า ในขณะนี้เหมือนกับเราเดินบนถนนคนละเส้น คือ พรรคก็เคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการให้ปฏิรูปการเมือง แต่ถนนสองเส้นนี้มันไปจบที่ปลายทางเดียวกัน แต่ยืนยันว่า เรายังจำเป็นต้องอยู่ในสภาพของ ส.ส.เพื่อต่อสู้ในเวทีสภา เพราะจะเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ทำให้ประชาชนได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่รัฐบาลพยายามดำเนินการในขณะนี้ เพราะยังมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าเบื้องหลังแลอันตรายที่แฝงอยู่ในกฎหมายแต่ละฉบับที่รัฐบาลเสนอคืออะไร พรรคจึงจำเป็นต้องตีแผ่ออกมา โดยหวังว่าสิ่งที่พรรคทำ จะทำให้ประชาชนตื่นรู้ อย่างที่นายสนธิต้องการ

นายนิพิฏฐ์ ยังเชื่อว่า การเผยแพร่ความจริง ผ่านเวทีผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์ จะเริ่มมีมวลชนเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลในขณะนี้มีถึง 12 กลุ่ม แต่กระจัดกระจายกันอยู่ หากมารวมกันจะมีมวลชนไม่ต่ำกว่าสองแสน ทั้งจากพันธมิตรฯ หน้ากากขาว คณะเสนาธิการร่วม ฯลฯ แม้เราจะมีฐานเสียงอยู่ในมือนับสิบล้าน แต่ยอมรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ มีพลังเข้มแข็ง มีความอดทนสูงมาก อีกทั้งยังมีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อแกนนำสูง เช่น การเลือกตั้งครั้งที่มีการณรงค์โหวตโน หลายคนอยากลงโหวตให้ผู้สมัครของพรรค แต่เมื่อแกนนำกลุ่มบอกโหวตโน พวกเขาก็พร้อมที่จะทำตาม หลายเขตที่เราแพ้อยู่ พันกว่าคะแนน แต่มีโหวตโน กว่าแปดพันคะแนน ที่ตนมั่นใจว่า ถ้าเราได้ส่วนนี้มาก็จะชนะเลือกตั้ง ตอนนั้นทำให้ตนยอมรับในพลังของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างมาก

"ตอนนี้ผู้ใหญ่ในพรรคกำชับสมาชิกทุกคนว่า จากนี้ไปอย่าได้ตอบโต้ หรือพูดจากกระแนะกระแหนกระทบกระทั่งกับมวลชนพันธมิตรฯ ส.ส.คนไหนออกมาด่า หรือวิจารณ์รุนแรง จะต้องโดนตบปาก เพราะเราต้องสำนึกในบุญคุณของเขาที่ยอมปล่อยมวลชนในมือมาให้เราขนาดนี้แล้ว ฝ่ายเขาจะด่า จะว่าเรียกแมลงสาป เรียก สลิ่มอย่างไรก็ต้องทน เพื่อเป้าหมายคือ ชาติบ้านเมือง”นายนิพิฎฐ์ กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น