ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ถึงจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนรอบทิศว่า การเปิดเวทีหาทางออกประเทศไทยตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้แถลงไว้เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่่ผ่านมานั้น เป็นเพี่ยงปาหี่ที่จัดขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมออกไปจากการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมและการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยเหลือ นช.ทักษิณ ชินวัตรเท่านั้น
แต่รัฐบาลก็ดันทุรังเดินหน้าจัดเวทีดังกล่าว ด้วยการส่งนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เล่นละครเดินสายไปเชิญฝ่ายต่างๆ เข้ามาร่วมเวที โดยมีกำหนดพูดคุยนัดแรกวันอาทิตย์ที่ 25 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งในวันดังกล่าวจะมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะเจ้าภาพมาร่วมเปิดเวที
ส่วนนายกฯ จะอยู่ร่วมตลอดงานและร่วมแสดงความคิดเห็นหรือไม่นั้น นายพงศ์เทพให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ว่า “จะพยายามอยู่ร่วมตลอด หากไม่มีภารกิจด่วนใดๆ ส่วนในครั้งต่อๆไปนั้นคงต้องมาดูกันอีกที”
นายพงศ์เทพอ้างว่า ได้ออกหนังสือเชิญฝ่ายต่างๆ เข้าร่วมเวทีทั้งสิ้น 69 คน เป็นตัวแทนจากฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการนักวิชาการ ภาคเอกชน สื่อมวลชน รวมไปถึงภาคประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย เชื่อว่าจะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 40 คน
ทั้งนี้ เมื่อดูรายชื่อที่ทางรัฐบาลได้ออกหนังสือเชิญเข้าร่วมประชุมในวันที่ 25 ส.ค.จำนวน 69 ราย ได้แก่ ภาคการเมือง อาทิ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร, นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา, นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานคณะที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, นายกระมล ทองธรรมชาติ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ, นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา, นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร,นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ และประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์, นายพิชัย รัตตกุล รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์, นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล แกนนำพรรคชาติพัฒนา, นายอนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรคภูมิใจไทย, พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ,นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำพรรคพลังชล รวมไปถึงหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่อย่างใด
ตัวแทน ส.ว. เช่น นายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี, พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ ส.ว.อ่างทอง, นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร, นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา, นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา, พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ ส.ว.สรรหา
ภาควิชาการ เช่น อธิการบดีมหาวิทยาลัยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมหาวิทยาลัยศรีปทุม, นายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล, นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า, นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.)
ภาคเอกชน เช่น นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย), นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, นายชาติสิริ โสภณพนิช ประธานสมาคมธนาคารไทย
ภาคประชาชน เช่น นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
สื่อมวลชน เช่น นายฐากูร บุนปาน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายสุทธิชัย หยุ่น ประธานกรรมการบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), นางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
นายวราเทพ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ว่า ผู้ที่ให้คำตอบมาแล้วยังยืนยันเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนผู้ที่รัฐบาลส่งหนังสือเชิญที่ตอบปฏิเสธชัดเจนคือ กลุ่ม 40 ส.ว. กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปัตย์ ด้านกลุ่มอื่นๆ เชื่อว่าจะตอบรับทั้งหมด อาจจะมีติดภารกิจล่วงหน้าไว้ก่อนบ้างแต่ไม่มากนัก คาดว่าที่เชิญไปทั้งหมดจะมาเข้าร่วมเกินกว่าครึ่งหนึ่งแน่นอน
นายวราเทพยืนยันว่าจะเชิญทุกฝ่าย หากใครยังไม่พร้อมที่จะมาร่วม ก็หวังว่าหลังจากมีการหารือในรอบแรกและข้อสรุปของที่ประชุมมีความชัดเจนคนที่ปฏิเสธไว้ก่อนอาจจะตัดสินใจเข้าร่วมภายหลัง
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากรายชื่อบุคคลที่ถูกออกหนังสือเชิญแล้ว มองปราดเดียวก็รู้ว่าคนที่จะเข้าร่วมนั้นคงไม่พ้นกลุ่มคนที่อยู่เครือข่ายและบริวารของ นช.ทักษิณ ชินวัตรนั่นเอง เพราะฝ่ายอื่นๆ ได้แสดงท่าทีชัดเจนไปก่อนหน้านี้แล้ว
นอกจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่ม 40 ส.ว. และพรรคประชาธิปัตย์ ยังรวมไปถึงนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี และนายแพทย์ประเวศ วะสี อดีตประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.บอกว่า จากการหารือกับ 4 ส.ว.สรรหาที่มีรายชื่อดังกล่าวได้ปฏิเสธทางวาจาไป โดยเห็นว่าขณะนี้ยังมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จึงเชื่อว่าเวทีพูดคุยดังกล่าวจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ประเทศได้ และเห็นว่าหากมีการตั้งสภาปฏิรูปการเมืองนี้ขึ้นมาก็เปรียบเสมือนการตั้งสภาที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยมากกว่า
ขณะที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันที่ 19 ส.ค. ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้รับจดหมายเชิญเข้าร่วม อย่างไรก็ตามพรรคขอย้ำว่ารัฐบาลต้องเลิกแสดงละครทางการเมือง เพราะคนที่เชิญและตอบรับแล้วนั้น ล้วนแต่เป็นคนสนิทสนม อีกทั้งอย่าเสียเวลาพิมพ์จดหมาย เพราะอย่างไรเสียประชาธิปัตย์จะไม่เข้าร่วม
เมื่อมีแต่พรรคพวกคนกันเองเข้าร่วม เวทีปฏิรูปการเมืองนัดแรกที่รัฐบาลจะจัดขึ้นในวันที่ 25 ส.ค.จึงกลายสภาพเป็นเวทีปาหี่โดยสมบูรณ์ และไม่อาจคาดหวังเนื้อหาสาระอะไรได้
ที่น่าสมเพชไปกว่านั้น การประชุมเปิดเวทีปฏิรูปการเมืองครั้งแรกนี้จะไม่มีการถ่ายทอดสด และอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าเก็บบรรยากาศในช่วงเริ่มการประชุมเท่านั้น
ทั้งนี้ นายพงศ์เทพอ้างเหตุผลที่ไม่มีการถ่ายทอดสดและไม่ให้สื่อเข้าร่วมว่าเนื่องจากต้องการให้ผู้เข้าร่วมสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ หากมีผู้สื่อข่าวอยู่ด้วยผู้เข้าร่วมประชุมอาจจะรู้สึกเกร็งได้
ขณะที่นายวราเทพบอกว่า เรื่องการถ่ายทอดสดไม่ได้หมายความว่าจะปิดกั้นข้อมูลทั้งหมด นายพงศ์เทพได้พิจารณาว่าผู้ที่เชิญไปเราไม่ได้ไปบอกว่าจะมีการถ่ายทอดสด ฉะนั้นผู้เข้าร่วมประชุมก็อาจจะอยากมีอิสระในการแสดงความคิดเห็น ไม่มีแรงกดดันใดๆ ว่าหากมีการถ่ายทอดแล้วอาจจะไปพาดพิงจนเกิดความเข้าใจผิดอะไรทั้งสิ้น เบื้องต้นจึงเห็นด้วยกับนายพงศ์เทพ
อย่างไรก็ตาม ในข้อเท็จจริงจะพบว่าแต่ละคนที่รับเชิญเข้าร่วมงานนี้ ล้วนแต่เขี้ยวลากดินกันทั้งสิ้น ข้ออ้างของ 2 รัฐมนตรีผู้รับใช้ นช.ทักษิณที่จะไม่ถ่ายทอดสดจึงฟังไม่ขึ้น
ยิ่งหากเชื่อว่าการเปิดเวทีพูดคุยครั้งนี้จะหาทางออกให้กับประเทศชาติได้จริงๆ แล้ว มีหรือที่รัฐบาลนี้จะไม่ถ่ายทอดสดอวดอ้างเอาเป็นผลงาน
การงุบงิบพูดคุยเฉพาะพวกพวกคนกันเอง จึงยิ่งเป็นการพิสูจน์ว่า นี่คือปาหี่ที่เครือข่าย นช.ทักษิณจัดขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนการกระทำชั่วร้ายอย่างอื่นแค่นั้นเอง