“เอ็มเค สุกี้”เนื้อหอม ประเดิมสวยปิดเทรดเหนือราคาจองสวนตลาด ขณะที่หุ้นไทยปรับลด7จุด สถาบันเทขายเจ้าเดียว เหตุนักลงทุนรอความชัดเจน 2ล้านล้าน –กนง.-และผลประชุมเฟด ด้าน“จรัมพร” มองทิศทางหุ้นไทยครึ่งปีหลังเคลื่อนไหวตามภูมิภาค เล็งชักนำบริษัทเข้าระดมทุนปีนี้รวม 30 แห่ง ชี้การลงทุนระยะยาวไม่น่ากังวล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเปิดทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกของบมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป หรือ M พบว่า ปิดเทรดวันแรกที่ 53.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 8.16% จากราคา IPO 49.00 บาท โดยเปิดตลาดที่ 54.50 บาท สูงสุด 55.50 บาท ต่ำสุด 52.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 7,071.18 ล้านบาท
นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป หรือ M กล่าวว่า รู้สึกพอใจในราคาหุ้นที่เปิดตลาดซื้อขายวันแรกนี้ เพราะมีนักลงทุนให้ความสนใจ และมีความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัทฯ ว่าแนวโน้มจะมีอนาคตที่ดี แม้ว่าตลาดหุ้นไทยในระยะนี้จะมีการแกว่งตัวผันผวนจากปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศอยู่บ้าง โดย บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายการลงทุนทั้งใน และต่างประเทศเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังได้มองการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศ มาเลเซีย พม่า และ ฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการมองหาทำเลการลงทุน การศึกษาข้อกฎหมาย และพันธมิตรที่จะร่วมลงทุนในประเทศนั้นๆ
**หุ้นไทยติดลบ7จุด**
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15ส.ค.) ปิดที่ระดับ 1,453.07 จุด ลดลง 7.56 จุด หรือ -0.52% มูลค่าการซื้อขาย 43,731 ล้านบาท โดยรวมดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพื่อรอปัจจัยใหม่มาสนับสนุน อีกทั้งยังมีความกังวลที่ต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นในเรื่องมาตรการQE3 ทำให้นักลงทุนเลือกเล่นหุ้นรายตัว โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,461.34 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,447.82 จุด
ทั้งนี้พบว่า มีสถาบันเพียงกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิ 2,516.63 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 1,693.51 ล้านบาท , 521.85 ล้านบาท และ301.28 ล้านบาท ตามลำดับ
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ คือ M มูลค่าการซื้อขาย 7,071.09 ล้านบาท ปิดที่ 53.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท CK มูลค่าการซื้อขาย 3,387.42 ล้านบาท ปิดที่ 22.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.80 บาท TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,857.16 ล้านบาท ปิดที่ 9.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,078.66 ล้านบาท ปิดที่ 284.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท และ INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,494.65 ล้านบาท ปิดที่ 90.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
**“จรัมพร” มองทิศทางหุ้นไทยครึ่งปีหลังเคลื่อนไหวตามภูมิภาค
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมองว่าแนวโน้มการปรับตัวน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดในภูมิภาค ซึ่งยังคงต้องติดตามผลที่เกิดจากการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของสหรัฐฯ ที่ในขณะนี้ยังมีความไม่ชัดเจนว่าจะออกมาในรูปแบบใด และจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตาม ยังเห็นว่า การลงทุนในระยะยาวไม่น่าจะมีปัญหา โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเป้าหมายที่จะดึงบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดปีนี้ 30 บริษัท และตอนนี้ทำได้แล้ว 20 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 1.2 แสนล้านบาท
**คาดดัชนีแกว่งตัวแคบรอผล2ล้านล.-กนง.-QE
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ตลาดทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นวานนี้ค่อนข้างเงียบเหงาโดยรวมติดลบ อีกทั้งวอลุ่มการซื้อขายไม่มากถ้าไม่นับรวมวอลุ่มหุ้น บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป(M)ที่เข้าซื้อขายเป็นวันแรก ภาพรวมนักลงทุนเลือกเล่นหุ้นรายตัว โดยหุ้นที่ปรับขึ้น เช่น CK ปรับขึ้นจากคาดการณ์ว่าร่าง พ.ร.บ.2 ล้านล้านบาทจะผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนฯ และ ADVANC จากการเป็นหุ้นปันผล ส่วนกลุ่มที่ติดลบเป็นกลุ่มพลังงานและแบงก์ หลังจากปรับขึ้นมาทำให้มีการพักตัวลง
สำหรับแนวโน้มโดยรวมวันนี้(16ส.ค.) ประเมินว่า ดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวออกด้านข้างหรืออาจจะซึมลง เพราะสัปดาห์หน้าจะมีทั้งการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)วันที่ 21 ส.ค.และการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเพื่อลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะช้วยเพิ่ม sentiment เชิงบวกให้กับตลาด อีกทั้งการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)กล่าวว่า บริษัทฯ ยืนยันว่าเป้าดัชนีฯ ปีนี้อยู่ที่ระดับ 1550 จุด แต่ยังต้องติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 ก.ย. นี้ โดยการประชุมในครั้งนี้จะไม่มีนายเบน เบอร์นันเก้ประธานเฟด ซึ่งอาจส่งผลให้มาตรการเชิงผ่อนคลายรอบที่ 3หรือ QE3 นั้นยังมีทิศทางที่ไม่แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเปิดทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกของบมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป หรือ M พบว่า ปิดเทรดวันแรกที่ 53.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 8.16% จากราคา IPO 49.00 บาท โดยเปิดตลาดที่ 54.50 บาท สูงสุด 55.50 บาท ต่ำสุด 52.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 7,071.18 ล้านบาท
นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป หรือ M กล่าวว่า รู้สึกพอใจในราคาหุ้นที่เปิดตลาดซื้อขายวันแรกนี้ เพราะมีนักลงทุนให้ความสนใจ และมีความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัทฯ ว่าแนวโน้มจะมีอนาคตที่ดี แม้ว่าตลาดหุ้นไทยในระยะนี้จะมีการแกว่งตัวผันผวนจากปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศอยู่บ้าง โดย บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายการลงทุนทั้งใน และต่างประเทศเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังได้มองการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศ มาเลเซีย พม่า และ ฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการมองหาทำเลการลงทุน การศึกษาข้อกฎหมาย และพันธมิตรที่จะร่วมลงทุนในประเทศนั้นๆ
**หุ้นไทยติดลบ7จุด**
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15ส.ค.) ปิดที่ระดับ 1,453.07 จุด ลดลง 7.56 จุด หรือ -0.52% มูลค่าการซื้อขาย 43,731 ล้านบาท โดยรวมดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพื่อรอปัจจัยใหม่มาสนับสนุน อีกทั้งยังมีความกังวลที่ต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นในเรื่องมาตรการQE3 ทำให้นักลงทุนเลือกเล่นหุ้นรายตัว โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,461.34 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,447.82 จุด
ทั้งนี้พบว่า มีสถาบันเพียงกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิ 2,516.63 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 1,693.51 ล้านบาท , 521.85 ล้านบาท และ301.28 ล้านบาท ตามลำดับ
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ คือ M มูลค่าการซื้อขาย 7,071.09 ล้านบาท ปิดที่ 53.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท CK มูลค่าการซื้อขาย 3,387.42 ล้านบาท ปิดที่ 22.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.80 บาท TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,857.16 ล้านบาท ปิดที่ 9.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,078.66 ล้านบาท ปิดที่ 284.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท และ INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,494.65 ล้านบาท ปิดที่ 90.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
**“จรัมพร” มองทิศทางหุ้นไทยครึ่งปีหลังเคลื่อนไหวตามภูมิภาค
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมองว่าแนวโน้มการปรับตัวน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดในภูมิภาค ซึ่งยังคงต้องติดตามผลที่เกิดจากการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของสหรัฐฯ ที่ในขณะนี้ยังมีความไม่ชัดเจนว่าจะออกมาในรูปแบบใด และจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตาม ยังเห็นว่า การลงทุนในระยะยาวไม่น่าจะมีปัญหา โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเป้าหมายที่จะดึงบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดปีนี้ 30 บริษัท และตอนนี้ทำได้แล้ว 20 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 1.2 แสนล้านบาท
**คาดดัชนีแกว่งตัวแคบรอผล2ล้านล.-กนง.-QE
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ตลาดทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นวานนี้ค่อนข้างเงียบเหงาโดยรวมติดลบ อีกทั้งวอลุ่มการซื้อขายไม่มากถ้าไม่นับรวมวอลุ่มหุ้น บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป(M)ที่เข้าซื้อขายเป็นวันแรก ภาพรวมนักลงทุนเลือกเล่นหุ้นรายตัว โดยหุ้นที่ปรับขึ้น เช่น CK ปรับขึ้นจากคาดการณ์ว่าร่าง พ.ร.บ.2 ล้านล้านบาทจะผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนฯ และ ADVANC จากการเป็นหุ้นปันผล ส่วนกลุ่มที่ติดลบเป็นกลุ่มพลังงานและแบงก์ หลังจากปรับขึ้นมาทำให้มีการพักตัวลง
สำหรับแนวโน้มโดยรวมวันนี้(16ส.ค.) ประเมินว่า ดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวออกด้านข้างหรืออาจจะซึมลง เพราะสัปดาห์หน้าจะมีทั้งการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)วันที่ 21 ส.ค.และการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเพื่อลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะช้วยเพิ่ม sentiment เชิงบวกให้กับตลาด อีกทั้งการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)กล่าวว่า บริษัทฯ ยืนยันว่าเป้าดัชนีฯ ปีนี้อยู่ที่ระดับ 1550 จุด แต่ยังต้องติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 ก.ย. นี้ โดยการประชุมในครั้งนี้จะไม่มีนายเบน เบอร์นันเก้ประธานเฟด ซึ่งอาจส่งผลให้มาตรการเชิงผ่อนคลายรอบที่ 3หรือ QE3 นั้นยังมีทิศทางที่ไม่แน่นอน
