หุ้นไทยพุ่ง 26 จุด วอลุ่มฟื้นกลับมาแตะ 4.4 หมื่นล้าน จากนักลงทุนคลายความกังวลสถานการณ์การเมือง พบ BANPU พุ่งกระฉูดบวก 28 บาท หลังมูดี้ส์ปรับมุมมอง โบรกฯ ระบุสัปดาห์นี้จับตาตัวแปรสำคัญคือ แรงซื้อต่างชาติ ชี้นักลงทุนเชื่อมั่นเพิ่มหลังผลประกอบการไตรมาส 2 หลายบริษัทเกินคาด แนะลงทุนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และหุ้นปันผลระหว่างกาล ส่วนวันพรุ่งนี้(14 ส.ค.) มีโอกาสบวกต่อ
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทน วันนี้ (13 ส.ค.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,459.08 จุด เพิ่มขึ้น 26.83 จุด หรือ 1.87% มูลค่าการซื้อขาย 44,515.12 ล้านบาท ภาพรวมดัชนีปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค หลังมีการประกาศตัวเลขการผลิตของจีนออกมาดี รวมถึงปัจจัยภายในประเทศที่สถานการณ์ทางการเมืองไม่ได้รุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายกังวล โดยพบว่า บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 953.16 ล้านบาท และสถาบันซื้อสุทธิ 287.40 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 712.49 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 528.07 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน พบว่า 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดนั้น มีหุ้น BANPU เข้ามาร่วมอยู่ด้วยนอกเหนือจากหุ้นในกลุ่มสื่อสารอย่าง ADVANC TRUE INTUCH และJAS โดย BANPU มีมูลค่าการซื้อขาย 2,379.14 ล้านบาท ปิดที่ 261.00 บาท เพิ่มขึ้น 28.00 บาท หลัง มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ปรับมุมมองแนวโน้มอุตสาหกรรมถ่านหินขึ้นเป็น Neutral จากเดิมที่เป็น Negative เนื่องจากมองว่าธุรกิจถ่านหินได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้ปริมาณซื้อขายกลับเข้ามาในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ลดลงไปมาก จากความไม่มั่นใจต่อเหตุการณ์ทางการเมือง ขณะเดียวกัน ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีของจีน และนโยบายของญี่ปุ่น ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น และหันกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น
“วอลุ่มเทรดกลับมา ตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาดี อีกทั้งผลประกอบการไตรมาส 2 ของหลายบริษัทออกมาดีเกินคาด สิ่งเหล่านี้เข้ามากระตุ้นการตัดสนใจของนักลงทุนให้กลับเข้ามา ตัวแปรสำคัญในช่วงนี้เรายังมองไปที่แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่หายไปมากจากสัปดาห์ก่อน เมื่อสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย โดยรวมมองว่าหุ้นกลุ่มอสังหาฯ วัสดุก่อสร้างยังน่าสนใจ อีกทั้งกลุ่มรับเหมาที่สามารถเข้ามาเก็งกำไรในเรื่อง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และหุ้นที่มีปันผลระหว่างกาล โดยให้แนวต้านที่น่าสนใจคือ 1,475 จุด”
นายณาศิส ประเสริฐกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากมีการประกาศตัวเลขการผลิตของจีนงวดเดือน ก.ค. ออกมาบวก 9.7% ดีขึ้นกว่างวดเดือน มิ.ย.ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศขณะนี้มองว่าการเมืองค่อนข้างสงบ ยังไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เข้ามากระทบตลาด
ทำให้แนวโน้มดัชนีวันพรุ่งนี้ (14 ส.ค.) คาดว่า ดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ต่อ โดยนักลงทุนรอดูการรายงานข้อมูลความเชื่อมั่นนักลงทุนของเยอรมนี และข้อมูลค้าปลีกสหรัฐฯ ที่จะมีการเปิดเผยซึ่งคาดว่าน่าจะออกมาดี พร้อมให้แนวรับที่ 1,435 จุด และแนวต้าน 1,460 จุด
