xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยปิดบวก 26 จุด ต่างชาติยังขายไม่เลิก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลาดหุ้นไทยปิดบวก 26.03 จุด อยู่ที่ระดับ 1,516.24 จุด หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.75% มูลค่าการซื้อขายกว่า 52,002.95 นักลงทุนต่างชาติยังเทขายต่อเนื่อง จากความกังวลต่อการยกเลิก QE และความกังวลเรื่องไทยจะถูกมูดี้ส์หั่นเครดิตความน่าเชื่อถือลง

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 มิ.ย.) ดัชนีหลักทรัพย์รีบาวนด์ปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน หลังจากลดลงอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยปิดที่ระดับ 1,516.24 จุด เพิ่มขึ้น 26.03 จุด หรือ 1.75% มูลค่าการซื้อขาย 52,002.95 ล้านบาท

หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 534 หลักทรัพย์ ลดลง 181 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 106 หลักทรัพย์

การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 4,104.13 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 575.50 ล้านบาท ในขณะที่บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 1,121.65 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 3,557.98 ล้านบาท

 หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

TRUE ปิดที่ 9.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาทหรือ 10.34% มูลค่าการซื้อขาย 4,835,424  ล้านบาท

INTUCH ปิดที่ 86.00 เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 2.38% มูลค่าการซื้อขาย 2,628,864  ล้านบาท

JAS      ปิดที่ 7.95บาท   เพิ่มขึ้น 0.25 หรือ 3.25% มูลค่าการซื้อขาย 2,276,973  ล้านบาท

ADVANC ปิดที่ 268.00 เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 1.90% มูลค่าการซื้อขาย 2,123,939  ล้านบาท

KBANK  ปิดที่ 195.00  มูลค่าการซื้อขาย 1,297,564  ล้านบาท
    

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าหุ้นไทยรีบาวนด์ขึ้นมาได้ และดูดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากปัจจัยกดดันต่างๆ ทั้งเรื่องความกังวลจาก QE ที่จะถูกลดหรือยกเลิกไป รวมถึงความกังวลเรื่องไทยจะถูกมูดี้ส์ลดเครดิต และเศรษฐกิจจีนที่จะไม่ขยายตัวมาก โดยเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้ตลาดฯ ได้ปรับตัวลงตอบรับไปเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม แนะนำให้รอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนนี้ ถ้าออกมาอ่อนแอก็คาดหวังได้ว่ามาตรการ QE จะยังคงอยู่ต่อไป อีกทั้งนักลงทุนต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อดูความชัดเจนในมาตรการQE ซึ่งถ้าออกมาดี ก็อาจทำให้จะมีการชะลอการซื้อพันธบัตรเร็วขึ้น
 
“การปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นไทยรอบนี้ ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาปรับตัวลงมากด้วยเช่นกัน เช่นกลุ่มธนาคาร สื่อสาร และขนส่ง”
กำลังโหลดความคิดเห็น