xs
xsm
sm
md
lg

ประยุทธ์เชื่อโจรใต้ไม่เลิกวอนสังคมช่วยกันดับไฟ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "ประยุทธ์" แนะภาคสังคมร่วมกดดันโจรใต้หยุดก่อเหตุ โชว์กึ๋น เชื่อโจรใต้ไม่หยุดบึ้มถ้ายังไม่บรรลุเป้าหมาย เผย ศปก.กปต.จ่อถกชี้ขาด รับ-ไม่รับ 5 ข้อเสนอ ซัด ”บีอาร์เอ็น” บึ้มบีบไทยหวังต่อรอง ชี้ยังจำเป็นต้องคุยโจรแก้ไฟใต้ ลั่นไทยไม่เพลี่ยงพล้ำ โวคุมใต้ได้กว่า 90 % ลังเลเล็งซื้อ ”เครื่องบินล่องหน” จับตาความเคลื่อนไหวกลุ่มโจร ล่าสุดซุกบึ้มหน้ากุโบร์บันนังสตา ทหารเจ็บ 4 คาดฝีมือแนวร่วมกลุ่มใหม่ ขณะที่ ตร.รามันปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ย๊ะต๊ะ จับกุมผู้ต้องสงสัยพร้อมยึดอาวุธ ถังแก๊ส ปุ๋ยยูเรีย เชื่อเชื่อมโยงกลุ่ม "รอฮิง อาซ่อง"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ขณะนี้ยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในพื้นที่ต่อเนื่อง หนักบ้างเบาบ้าง ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม แต่อย่ามองว่าประเทศไทยมีความรุนแรง เพราะจะทำให้ดูน่ากลัว เราต้องมองในภาพรวมของโลก เพราะทุกพื้นที่ในโลกก็มีความวุ่นวายอยู่ การวัดว่าสถานการณ์ในภาคใต้ดีขึ้นหรือไม่ หากวัดจากการเกิดเหตุรุนแรง อาจทำให้เจ้าหน้าที่ท้อแท้ อยากให้ทุกคนให้กำลังใจทหารต่อสู้ต่อไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความเพลี่ยงพล้ำของเจ้าหน้าที่ แต่หน้าที่ในการดูแลประชาชน ทำให้เราเป็นเป้าหมายที่ง่ายต่อการถูกลอบทำร้าย นี่คือจุดอ่อนที่เขาใช้เล่นงานเจ้าหน้าที่ และประชาชน

“ที่ผ่านมาเราเปิดโอกาสให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ทั้งการพูดคุยสันติภาพ การให้ออกมามอบตัวตาม มาตรา 21 แต่มีบางส่วนยังไม่ออกมา จึงต้องดูว่าสาเหตุคืออะไร อาจเพราะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กให้ต่อสู่กับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเราต้องเอาคนพวกนี้กลับมา การแก้ปัญหาในพื้นที่ยังจำเป็นต้องใช้วิธีการพูดคุย แม้วันนี้จะยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับรัฐบาล ต้องตั้งหลักให้ได้ว่าจะคุยกันแค่ไหน อย่างไร เรามีคำตอบอยู่แล้วว่า จะไม่นำไปสู่เขตปกครองพิเศษ หรือการแบ่งแยกดินแดน ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และรัฐธรรมนูญไทย รัฐบาลก็เข้าใจ ขณะนี้ยืนยันว่ายังมีผลที่น่าพอใจ ทหาร-ตำรวจยังสามารถควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ได้มากกว่าร้อยละ 90 แต่วันนี้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบพยายามเอาชนะทางความคิดว่า ฝ่ายรัฐเพลี่ยงพล้ำ นี่คือ ยุทธศาสตร์ที่เขาเดินอยู่และเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ ทั้งที่คนในพื้นที่เกลียดชัง และไม่ชอบวิธีการของเขา เพราะทำให้เกิดความสูญเสีย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

**ถกหาข้อสรุป 5 ข้อเสนอบีอาร์เอ็น

เมื่อถามถึงกรณี นายฮัสซัน ตอยิบ ตัวแทนพูดคุยฝ่าย บีอาร์เอ็น กดดันให้รัฐบาลรับข้อเสนอ 5 ข้อ ของบีอาร์เอ็น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขายืนยันแล้วว่า การพูดคุยยังคงมีต่อไป ส่วนที่เขาเรียกร้องให้เรารับข้อเสนอ 5 ข้อนั้น ในสัปดาห์นี้รัฐบาลจะมีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) เพื่อหารือว่า จะรับข้อเสนอได้หรือไม่ แต่ในส่วนของ กอ.รมน. เราหารือกันแล้วว่า สิ่งไหนที่พอรับได้ จะพูดคุยกัน และหาแนวทางปฏิบัติ โดยต้องเอา 6 กลุ่มงานเป็นตัวตั้ง และต้องนำปัจจัยที่เขาอ้างเพื่อก่อเหตุความรุนแรงมาพูดคุย

ทั้งนี้ ตนมองว่า หากเขายังไปไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการ เขาก็ไม่หยุด และนำเรื่องการลอบวางระเบิดมาเป็นข้อต่อรอง เพื่อให้เราโอนอ่อนผ่อนตาม แต่บางเรื่องทำไม่ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่ขัดกับกฎหมาย และรัฐธรรมนูญของไทย ซึ่งในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ คงมีผลสรุปที่ชัดเจน แต่อย่าไปให้ความสำคัญว่า ใครจะมาพูดคุยกับเรา แต่ให้ดูว่าเราจะคุยเรื่องอะไร แก้ปัญหาอย่างไร สิ่งที่รับได้ ก็รับ สิ่งไหนรับไม่ได้ ก็ไม่ต้องรับ อย่าไปให้ความสำคัญกับคนๆ หนึ่ง หรือข้อเสนอเขา ทุกวันนี้มีเรื่องที่จะต้องพูดคุยกันเป็น 100 เรื่อง ก่อนจะมาตกลง และยื่นข้อเสนอ พร้อมกำหนดขั้นตอนในการดำเนินการ ทุกวันนี้เราพยายามเดินไปทุกทาง แต่จะให้เขาหยุดลอบวางระเบิดวันนี้ หรือพรุ่งนี้ คงเป็นไปไม่ได้ เราต้องให้ภาคสังคมทั้งภายในและภายนอกประเทศกดดันให้พวกเขาหยุดการกระทำ

**ลังเลจัดซื้อ"เครื่องบินล่องหน"

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงข้อเสนอของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ให้หน่วยงานความมั่นคงจัดซื้อ เครื่องบินล่องหน หรือโดรน และดาวเทียม เพื่อช่วยติดตามการก่อเหตุของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ว่า ต้องเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง ที่จะต้องให้ข้อเสนอแนะว่า ทำได้หรือไม่ สิ่งที่คิดว่าใช้ได้บาง อย่างอาจใช้ไม่ได้ หากเรายังให้ประชาชนในพื้นที่เดินทางสัญจรทั้งกลางวันกลางคืนอย่างอิสระ ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวไม่สามารถ มองทะลุป่าไม้ ตึกราม บ้านช่อง หรือ แยกแยะว่าคนไหนเป็นโจร หรือเป็นคนดี แต่ต้องยอมรับว่า มีเครื่องมือ ดีกว่าไม่มี เพราะจะเป็นตัวช่วยติดตามผู้ร้าย หรือป้องปรามในบางพื้นที่ โดรน หรือดาวเทียม ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษที่แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง ส่วนจะคุ้มค่าหรือไม่ ตนไม่ทราบ ต้องพูดคุยกัน และเปรียบเทียบว่า เครื่องมือที่ทำงานคล้ายๆ กับเครื่องมือตัวนี้ เรามีอยู่แล้วหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ซื้อ แต่อย่าไปหวังว่าจะเป็นเครื่องมือที่จะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด การแก้ปัญหาต้องทำเป็นระบบ จะมาแก้ที่ปลายเรื่อง คงเป็นไปไม่ได้ จากที่ได้ศึกษาและสอบถามจากประเทศมหาอำนาจทุกประเทศ เขายืนยันตรงกันว่า ไม่มีเครื่องมือไหนที่จะสามารถแยกแยะโจร ออกจากคนดีได้ แต่เขาแนะแนวทางแก้ปัญหา คือ จำกัดการสัญจรของประชาชน โดยเฉพาะในเวลากลางคืน หลัง 3 ทุ่ม ห้ามออกจากบ้าน ถ้าใครออกมา คนนั้นคือโจร พร้อมทั้งตั้งจุดตรวจสกัดที่เข้มงวด แต่บ้านเราไม่สามารถทำได้

**บีอาร์เอ็นล้มโต๊ะคุยสันติแค่เกมการเมือง

นายสงวน อินทรักษ์ ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดนราธิวาส และที่ปรึกษาสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยถึงขบวนการพูดคุยสันติภาพ ว่า จากกรณี นายฮัสซัน ตอยิบ หัวหน้าคณะพูดคุยสันติภาพฝั่งบีอาร์เอ็น ที่มีข่าวจะถอนตัว หรือล้มโต๊ะการพูดคุยผ่านคลิปนั้น ตนเชื่อว่า เป็นการเล่นเกมการเมืองของประเทศเพื่อนบ้านของไทย ที่กำลังพยายามผลักดันกลุ่มก่อการร้าย ให้ออกนอกพื้นที่ตนเอง เนื่องจาก จะเข้าสู่ AEC ในอีก 2 ปี ข้างหน้า

แต่ไม่ว่าจะล้มโต๊ะหรือไม่ก็ตาม สถานการณ์ความรุนแรงยังคงดำรงอยู่ต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลไม่มีความชัดเจนในการจัดการกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย เป็นการปรามมากกว่าปราบ ไม่เด็ดขาดในการดำเนินการ อาจเพราะเกรงสิทธิมนุษยชน ต้องแยกให้ออกระหว่างเรื่องสิทธิมนุษยชน และความปลอดภัยคนในพื้นที่

ดังนั้น เจ้าหน้าที่รัฐต้องปราบ ไม่ใช่แค่ปราม เพราะขณะนี้ความรุนแรงพัฒนาหลายรูปแบบ อย่างล่าสุดคนร้ายวางระเบิดโรงบรรจุแก๊ส ที่ จ.นราธิวาส เจ็บ 3 ราย สิ่งเหล่านี้บ่งบอกว่า กลุ่มคนร้ายพยายามก่อเหตุทุกรูปแบบ เพื่อสร้างความกลัวให้กับคนในพื้นที่

***ซุกบึ้มหน้ากุโบร์บันนังสตา

เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วานนี้ (12 ส.ค.) ศูนย์วิทยุแจ้งเหตุด่วน สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดริมถนนในหมู่บ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร สังกัด ร้อย ร.1733 หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 15 เดินเท้าลาดตระเวนเส้นทางในหมู่บ้าน เบื้องต้นทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 นาย เหตุเกิดบริเวณหน้ากุโบร์ฝังศพ ม.2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลบันนังสตา เป็นการด่วน ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ 1.พลทหารวัชระ ทะนะ 2.พลทหารเอกพล ศักดิ์สิทธานุภาพ 3.พลทหารสุรชาติ ใจดี 4.พลทหารกิตติพงษ์ งามตา

ทั้งนี้ หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.เจริญ ธรรมขันธ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานที่ 10 เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุ ริมถนนก่อนถึงกุโบร์ฝังศพ ม.2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เจ้าหน้าที่พบเศษสะเก็ดระเบิด และเศษดิน กระจายเกลื่อนอยู่ริมถนน และจุดที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบเศษกล่องเหล็ก และสายไฟ ซึ่งสันนิษฐานว่าคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบด้วยกล่องเหล็ก น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม มาซุกไว้ริมทางซึ่งเป็นป่ารก และลากสายไฟไปในป่ารกข้างทาง โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจพิสูจน์เพิ่มเติมถึงกลุ่มคนร้าย ซึ่งเชื่อว่าเป็นกลุ่มแนวร่วมกลุ่มใหม่ที่เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่

**ตำรวจรามันปิดล้อมจับผู้ต้องสงสัย

วันเดียวกันที่ สภ.รามัน จ.ยะลา พ.ต.อ.อุทัย ทิพย์เสภา ผกก.สภ.รามัน เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 23.55 น.คืนวันที่ 11 ส.ค.พ.ต.ท.สมชาย น่าดู รอง ผกก.สภ.นรามัน ได้นำกำลังชุดสืบสวน และชุดสืบสวน ภ.จว.ยะลา เข้าปิดล้อมตรวจค้นที่กระท่อมไม่มีเลขที่ ม.4 ต.ย๊ะต๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา หลังสืบทราบว่า มีผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด และคดีความมั่นคงมาหลบซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมหลังดังกล่าว

หลังเข้าทำการปิดล้อมเจ้าหน้าที่พบนายนูรฮาซัน บาสอลอ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/1 ม.1 ต.ย๊ะต๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา อยู่ภายในกระท่อม นอกจากนั้นยังพบยาบ้า 20 เม็ด อาวุธปืนยาว เอเค 47 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 7.62 จำนวน 47 นัด ซองประสุนปืน เอเค 47 จำนวน 2 ซอง ซองบรรจุกระสุนปืนขนาด เอ็ม 16 จำนวน 1 ซอง อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก สิ่งเทียมอาวุธปืน 1 กระบอก อุปกรณ์ทำความสะอาดอาวุธปืนยาว 1 ชุด ถังแก๊สปิคนิค 2 ถัง ปุ๋ยยูเรีย 10 กก.โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ กางเกงลายพราง 1 ตัว โดยสิ่งของทั้งหมดซุกซ่อนอยู่ตามตู้ลำโพง หน้าจั่วหลังคา บนพื้น แขวนกับตะปูที่ฝาผนังภายในกระท่อมดังกล่าว

เจ้าหน้าที่จึงตรวจสิ่งของกลางทั้งหมดและควบคุมตัวนายนูรฮาซัน มาสอบสวนต่อที่ สภ.รามัน ในเบื้องต้นนายนูรฮาซัน ให้การปฏิเสธ และแจ้งว่าของดังกล่าวที่พบไม่ใช่เป็นของตนแต่เป็นของนายบุกรี สาเมาะแก อยู่บ้านเลขที่ 140/1 ม.1 ต.ย๊ะต๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา
พ.ต.อ.อุทัย เปิดเผยว่า จากการสั่งการของ พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผบก.ภ.จว.ยะลา ให้เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางจำนวนหลายรายการในครั้งนี้ ซึ่งนอกจากจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแล้ว ของกลางที่พบไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืน ปุ๋ยยูเรีย ถังแก๊ส เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเชื่อมโยง หรือเกี่ยวข้องกับนายรอฮิง อาซ่อง แกนนำกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.รามัน รวมทั้งน่าจะเชื่อมโยงเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุด รปภ.ครู มว.ปล.ที่ 1 ร้อย ร.15232 บนถนนสายโกตาบารู-รามัน บ้านกาลูปัง ม.1 บ้านกาลูปัง ต.กาลูปัง อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อวันที่ 2 ส.ค.56 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่จะได้นำส่งหลักฐานทั้งหมดไปตรวจสอบหาดีเอ็นเอเพื่อหาความเชื่อมโยงว่าอาวุธปืนที่พบมีความเกี่ยวข้องในคดีใดบ้าง.
กำลังโหลดความคิดเห็น