วานนี้ (12มิ.ย.) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการพูดคุยสันติภาพ กับกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่ประเทศมาเลเซีย ครั้งที่ 3 ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ( 13 มิ.ย.) ว่า ตอนนี้ความพร้อม และความมั่นใจเต็มร้อย โดยประเด็นหลักยังเป็นการลดเหตุรุนแรง และยังมีการพูดคุยถึงข้อเสนอ 5 ข้อ ของกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่ยื่นมาก่อนหน้านี้ มาขยายผลให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนด้วย โดยเราจะสืบสภาพข้อเท็จจริง ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาหลังจากพูดคุย ประมาณ 1 เดือนนั้น เกิดจากกระบวนการไหน กลุ่มไหน ซึ่งเราจะมีการกำชับเป็นรูปธรรมว่า ข้อเท็จจริงต้องปรากฏชัดให้ได้ จะได้ร่วมแก้ไขปัญหาได้ถูกต้อง เพราะจากสถิติการเกิดเหตุ แม้จะลดน้อยลง แต่มีความรุนแรงมากขึ้น โดยมุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
ขณะเดียวกัน หลังจากที่เราได้ลงพื้นที่สอบถามประชาชนที่ได้มีการจัดตั้งเวทีต่างๆนั้น ข้อมูลยังมีความหลากหลาย ไม่ชัดเจน เพราะเนื้อหาทีส่งมายังมีการแปลความไม่ตรงกันอยู่ เช่น การที่ระบุว่า บีอาร์เอ็น ไม่ใช่กระบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่เป็นกระบวนการปลดปล่อย ซึ่งตรงนี้มันค่อนข้างไม่ชัดเจนว่า นัยยะ คืออย่างไร ซึ่งการสืบสภาพกับประชาชน คงต้องใช้อีกหลายเวที
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำความเห็นของ นายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในการสนับสนุนให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเขตปกครองพิเศษ มาพูดคุยหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตรงนั้นไม่ต้อง เพราะเป็นไปตามกรอบเจตนารมณ์ที่พูดคุยไว้ ว่าจะไม่มีการแบ่งแยกดินแดนอยู่แล้ว ทั้งนี้โดยนัยยะของกลุ่มก่อความไม่สงบ คือ การมีส่วนร่วม ซึ่งรัฐธรรมนูญไทยเปิดช่องในการมีส่วนร่วมในการปกครองอยู่แล้ว แต่การปกครองที่เหมาะสมคงต้องคุยอีกพอสมควร ด้วยการสืบสภาพในเวทีต่างๆ เมื่อถามย้ำว่า จะไม่นำไปสู่การแยกออกเป็นรัฐ ออกมาต่างหากใช่หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า แน่นอน ชัดเจน การที่จะแบ่งแยกออกมาเป็นรัฐต่างหากนั้น เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะการพูดคุยมีกรอบเจตนารมณ์อยู่แล้วว่า ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญไทยที่เป็นรัฐเดียว
เมื่อถามว่าได้สอบถามประชาชนในเรื่องเขตปกครองพิเศษ หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ในความหมายของพี่น้องประชาชน มองว่า เรื่องการปกคอรงท้องถิ่นที่เขามีส่วนร่วม แต่เป้าหมายมุ่งไปสู่สันติสุข แต่ตรงนี้ยังมีปัญหาเรื่องของการมีเอกภาพบนความหลากหลาย ขณะนี้จึงยังไม่ลงตัว
เมื่อถามว่า ทางรัฐ สามารถรับข้อเสนอ 5 ข้อ ของบีอาร์เอ็น ได้เพียงใด พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตอนนี้เรารับฟังไว้ทั้งหมด แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการที่เราไปสืบสภาพ กับเวทีพี่น้องประชาชน ซึ่งขณะนี้คำตอบยังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งเราได้รับฟังมาเรื่อยๆ เพื่อนำมาประมวลวิเคราะห์กันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถามว่าแสดงว่าพร้อมที่จะให้โอไอซี เข้ามาเป็นตัวกลางในการพูดคุยใช่หรือไม่ เลขาฯสมช. กล่าวว่า ยังไม่ถึงกับพร้อม เพียงแต่รับฟังเท่านั้น เมื่อถามว่า หากมีการนำ โอไอซี หรือ เอ็นจีโอ เข้ามาร่วมสังเกตการณ์ จะเป็นการแทรกแซงการพูดคุยหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตอนนี้เขาใช้ภาษาว่า เป็นพยาน และสังเกตการณ์ มันจึงเกิดความสับสนว่า จะไปกันอย่างไร ตรงนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพูดคุยที่ต้องถามความชัดเจนอีกครั้ง
เมื่อถามย้ำว่า กลุ่มบีอาร์เอ็น ระบุว่า ถ้าทางเราไม่รับข้อเสนอ 5ข้อดังกล่าว เขาจะไม่เดินหน้าเจรจา เลขาฯ สมช. กล่าวว่า ตรงนี้เรายังยืนยันว่า เขาต้องการเปิดพื้นที่พูดคุยอยู่ เพราะเขาบอกว่า ยังไงก็ต้องคุยกันต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอที่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งแยกดินแดน ถือว่าขัดกับข้อตกลงที่เราทำไว้กับ บีอาร์เอ็น ที่ว่าต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทำไมจึงยอมรับได้ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า บีอาร์เอ็น เขาพูดชัดเจนว่า เขาไม่ใช่ขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่เขาบอกว่า เป็นขบวนการปลดปล่อยชาวปัตตานี ก็ต้องไปวิเคราะห์ให้ชัดว่า การปลดปล่อยของเขา หมายถึงอะไร ทั้งนี้เรื่องการปลดปล่อย ยังมีความหลากหลาย พี่น้องประชาชน ก็บอกว่า เป็นผู้กระทำผิดปล่อยไม่ได้ ต้องเอามาลงโทษ แต่ผู้ที่ถูกกล่าวหาก็บอกให้รีบดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งตอนนี้เรามีรายชื่อแล้วจำนวนพอสมควร ซึ่งก็อยู่ที่กระบวนการที่จะพูดคุยกันด้วย
เมื่อถามว่า หากรายชื่อที่เรามี ทางบีอาร์เอ็น บอกว่าน้อยไป จะทำอย่างไร พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ก็คงรับฟัง เพราะตรงนี้เป็นเรื่องของบรรยากาศในการพูดคุยว่าเขาคิดอะไร อย่างไร คงไม่สามารถบอกเป็นตัวเลขได้ แต่ตัวเลขอยู่ที่หลักพัน เมื่อถามต่อว่าคนที่โดนคดีตาม ป.วิ อาญา จะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตรงนี้จะมี 2 นัยยะ คือ 1. ถ้ากระบวนการไปถึงศาลแล้วรัฐบาลคงไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ 2. ถ้าอยู่ในกระบวนการชั้นต้น เราก็จะดูให้
เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เสนอว่า เมื่อการพูดคุยไม่เป็นผล จะเปลี่ยนไปพูดคุยกับกลุ่มอื่น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ได้มีการหารือกับ ร.ต.อ.เฉลิม เพราะนโยบายรัฐบาลเรา เปิดให้คุยกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว
** "สุกำพล"ตั้งทีมประชาสัมพันธ์ผลงาน
ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวหลังการประชุมร่วมกับ 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน เพื่อบูรณาการ การประชาสัมพันธ์การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า รัฐบาลเป็นห่วงเรื่องงานประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับแก้ไขปัญหา จึงได้มีการหารือเพื่อบูรณาการการทำงาน และมีแนวคิดจะจัดนิทรรศการ ผลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นในกทม. จากนั้นขยายไปพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ รวมถึงจะนำแนวร่วมที่กลับใจ และหน่วยงานความมั่นคงด้านพัฒนาที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ มาร่วมตอบข้อซักถามที่ยังมีความสงสัย เพราะที่ผ่านมามีเพียงแค่การนำเสนอข่าวสถานการณ์ประจำวันเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวด้วยว่า ตนได้แต่งตั้ง พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง หัวหน้าส่วนงานโฆษกกระทรวงกลาโหม ด้านสารสนเทศและกิจการพลเรือน (สกร.) สำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่ชี้แจงประชาสัมพันธ์ พร้อมประสานกับหน่วยงานต่างๆ ใน 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน เพื่อขอผลการดำเนินงานของหน่วยนั้นๆ นำมาบูรณาการ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ
นอกจากนี้ จะมีการนำข้อมูลการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกมิติ นำลงเว็บไซต์ของ กอ.รมน. โดยทุกสัปดาห์หน่วยต่างๆ จะส่งข้อมูลมาให้เรา ซึ่งในทุกวันศุกร์ จะให้ทีมงานโฆษกชี้แจงผลงาน ความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ได้รับในหลายมิติ ที่สำคัญ คือ เราจะมีการจัดทำนิทรรศการภาคใต้ในทุกมิติ และจะมีการตอบทุกข้อสงสัย ทุกคำถามที่คาใจของประชาชนเกี่ยวกับปัญหาภาคใต้เราจะตอบให้หมด เพื่อให้เข้าใจว่า ภาคใต้เป็นอย่างไร ซึ่งจะจัดทำในเร็วๆนี้ ปัจจัยความสำเร็จ คือ ความต่อเนื่อง ซึ่งตนบอกในที่ประชุมว่า ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำเพียง1-2 เดือน จนกว่าปัญหาจะดีขึ้น
พล.อ.อ.สุกำพล ยังกล่าวถึงการพูดคุยสันติภาพในวันนี้ว่า ตนไม่ได้คาดหวังว่า หลังการพูดคุยรอบ 3 ความรุนแรงจะลดลง เพราะยังเป็นไปไม่ได้ ต้องแยกกันระหว่างการพูดคุย กับการปฏิบัติงานในพื้นที่ แต่ถ้าเมื่อไรที่ผลการพูดคุยเกี่ยวพันกับการปฏิบัติงาน ก็ต้องมาว่ากัน แต่เท่าที่ทราบจากทีมงานที่จะไปพุดคุยสันติภาพกับบีอาร์เอ็น ซึ่งได้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีประชาชนคนมุสลิมเรียกร้องมาว่า ในช่วงเดือนรอมฎอน เป็นเดือนถือศีลอด อยากให้ผู้ก่อการร้ายหยุดยิง ซึ่งจะต้องไปถามทาง บีอาร์เอ็น ส่วนฝ่ายรัฐไม่ได้ดำเนินการอะไรอยู่แล้ว หากสามารถหยุดยิงได้ ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ผ่านมาอยากให้เข้าใจว่าเราอ่อนข้อให้มากแล้ว ต้องรู้สถานะตัวเองว่า เราเป็นใคร และท่านเป็นใคร อย่างไรก็ตาม งานใน 3 จังหวัดภาคใต้วันนี้มีความคืบหน้าตามลำดับ เราต้องอดทน
** "เหลิม"รอผลเจรจา ไม่ไปด้วย
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) กล่าวว่า ตนจะรอ ทีมของ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขา สมช. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขา ศอ.บต. และ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม ไปเจรจาที่มาเลเซีย ดูว่าจะได้ผลอย่างไร ถ้าคุยกันแล้วไม่มีอะไร ตนจะเทกแอ็กชั่น ส่วนกรอบที่ให้ไปพูดคุยครั้งนี้ คือ 1. เขาไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องอะไร 2. การออกหมายจับโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมให้เอามาดู 3. การออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าสงบจะยกเลิก ของตนมี 3 ข้อ นอกจากนี้ มีกรอบที่กองทัพแนะนำ แต่ตนไม่ขอพูด หลังจากพูดคุยครั้งนี้แล้วใครจะทำอะไรต้องประชุมร่วมกันใน ศปก.กปต.
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ยังมีระเบิดอยู่แสดงนัยยะอะไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รอให้คณะเจรจากลับมาก่อน แล้วค่อยคุยกัน เมื่อถามว่า วันที่ 13 มิ.ย.ต้องระวังการก่อเหตุหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ไม่ต้องระวังหรอก มันก่อเหตุตามใจอยู่แล้ว”
**กอ.รมน.ภาค 4 คุมเข้มช่วงเจรจา BRN
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ และโฆษก กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยถึงมาตรการดูแลความปลอดภัย ช่วงที่ สมช. เจรจาสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ว่า พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้สั่งการมายัง พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 ในเรื่องของการวางระบบของการรักษาความปลอดภัย ถึงแม้ว่าการพุดคุยสันติภาพ ระหว่าง สมช. กับขบวนการบีอาร์เอ็น ทางกองอำนวยการความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะไม่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง แต่สิ่งที่ทาง กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาก็คือ ในเรื่องของการสนับสนุนด้านข้อมูลต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ของการเข้าไปพูดคุยสันติภาพ ในเรื่องการดูแลพื้นที่ ซึ่งเป็นภาระและความรับผิดชอบโดยตรงของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า อยู่แล้ว ทางแม่ทัพภาคที่ 4 สั่งกำชับเน้นย้ำให้ทุกหน่วยยังคงดำรงจุดมุ่งหมายในการใช้มาตรการติดตามจับกุมคนร้ายก็คือ มาตรการทางกฏหมายเพื่อนำตัวมาลงโทษ และการเพิ่มความเข้มในภารกิจเชิงรับในการดูแลพื้นที่ ดูแลเป้าหมายเชิงสัญญาลักษณ์ ให้มีความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้มีการปฏิบัติตามแผนอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จุดตรวจถาวรทั้ง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ที่ตั้งด่านบริเวณรอบเมือง และรอยต่อระหว่างอำเภอ โดยเฉพาะที่จะเข้าตัวเมืองเขตเทศบานครยะลา เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทุกชนิดอย่างละเอียด พร้อมบันทึกภาพบุคคลในรถ และจดหมายเลขบัตรประชาชน เพื่อหาบุคคลต้องสงสัย รวมถึงตรวจค้นอาวุธปืน วัตถุระเบิด เพื่อป้องกันคนร้ายที่อาจจะเข้ามาก่อเหตุในเมืองช่วงนี้
** ปัตตานีป่วนหนักทั้งยิง-บึ้มต้อนรับเจรจา
เมื่อเวลา 07.30 น.วานนี้ (12 มิ.ย.) พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จ.ปัตตานี รับรายงานเกิดเหตุร้ายหลายจุดในพื้นที่ จ.ปัตตานี ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 61/1 ม.4 บ้านบาลูกา ต.กะรุบี อ.กะพ้อ ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต จมกองเลือดหน้าบ้าน ทราบชื่อคือนายนิแวสุกรี นิแว อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/1 หมู่ 4 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนอาก้า เข้าบริเวณลำตัวหลายนัด เสียชีวิตคาที่
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตาย เป็นน้องของจนท.อาสารักษาดินแดน อ.กะพ้อ กลับมาจากดื่มน้ำชาในหมู่บ้าน เมื่อถึงหน้าบ้านขณะที่กำลังเดินขึ้นบ้านพัก ได้มีคนร้ายดักซุ่มรออยู่ก่อนแล้ว ก่อนใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงเสียชีวิตทันที ส่วนสาเหตุยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หรือ ความไม่สงบในพื้นที่
เวลา 07.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.นราวี บินแวอารง รอง ผกก.ป.สภ.อ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันตาย ที่บริเวณบนถนนระหว่าง อ.สายบุรี-อ.กะพ้อ ม. 4 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำ และพบแต่กองเลือด ส่วนคนเจ็บ 2 คน ทราบชื่อว่า นายซาบะ บินมะแซ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 บ้านตลาดนัด ต.ปะลูรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 มม. ถูกบริเวณลำตัว 3 นัด แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนอีกคนทราบชื่อว่า นายบาฮารี เด็งลา อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 67 ม.5 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกันเข้าลำตัว 1 นัด บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สายบุรี
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับขี่รถจยย.โดยมีผู้บาดเจ็บนั่งซ้อนท้าย เพื่อจะไปบ้านผู้บาดเจ็บ ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คนขับขี่รถจยย.ไม่ทราบชนิด ตามประกบและขับแซงก่อนที่คนซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หรือสถานการณ์ใต้
อีกเหตุ เกิดเมื่อเวลา 08.40 น. พ.ต.ท.จำลอง สุวลักษณ์ สวญ.สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ ปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนเส้นทางรักษาความปลอดภัยครู สังกัด มว.ปล.ที่ 1 ร้อย.ร.8034 ฉก.ปัตตานี 21 เหตุเกิดที่บนถนนสาย 409 บ้านบ่อหว้า หมู่ที่ 4 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี พบหลุมระเบิดข้างทาง กว้าง 30 ซม. และพบสเก็ดระเบิดกระจัดกระจายไปทั่ว แรงระเบิดทำให้ ส.อ.รัฐศาสตร์ กมลนิธิเศรษฐ์ ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณลำตัว และแขน ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ กำลังเจ้าหน้าที่ทหารสังกัด มว.ปล.ที่ 1 ร้อย.ร.8034 ฉก.ปัตตานี 21 จำนวน 7 นาย โดยมี ส.อ.รัฐศาสตร์ กมลนิธิเศรษฐ์ ผู้บาดเจ็บเป็นหัวหน้าชุด ออกลาดตระเวนเดินเท้าเส้นทางรักษาความปลอดภัยครู ในพื้นที่ พอถึงที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็กน้ำหนักประมาณ 5 ก.ก ซุกไว้ในโคนต้นไม้ป่าหญ้า ข้างทางเข้าสถานตรวจสภาพรถ ลำใหม่บริการ ห่างจากโรงเรียนบ้านป่าพ้อ ประมาณ 100 เมตร ไว้ก่อนแล้ว เมื่อคนร้ายเห็นทหารมาจุดที่วางระเบิด ได้จุดชนวนระเบิดด้วยวิทยุสื่อสารทันที และแรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บดังกล่าว
นอกจากนี้ เวลา 09.00 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดทหาร ร้อย.ร 8034 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 บริเวณริมถนนสายยะลา-นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ส.ท.รัฐศาสตร์ กมลนิธิเศรษฐ์ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณต้นคอ และแขน ถูกสะเก็ดระเบิด ส่วนอีกรายเป็นพลทหาร ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หูอื้อ
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะเกิดเหตุทหารทั้งหมด 9 นาย กำลังเดินเท้าปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยครู หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดกู้ภัยแม่กอเหนี่ยว และเจ้าหน้าที่ชุดกู้ภัยแม่ทับทิมยะลา ได้นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 นาย ส่งรพ.ศูนย์ยะลา ขณะนี้อาการปลอดภัย เบื้องต้นคาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ ก่อนการพูดคุยสันติภาพระหว่ารัฐบาลกับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่จะมีขึ้นในวันนี้ (13 มิ.ย.)
ขณะเดียวกัน หลังจากที่เราได้ลงพื้นที่สอบถามประชาชนที่ได้มีการจัดตั้งเวทีต่างๆนั้น ข้อมูลยังมีความหลากหลาย ไม่ชัดเจน เพราะเนื้อหาทีส่งมายังมีการแปลความไม่ตรงกันอยู่ เช่น การที่ระบุว่า บีอาร์เอ็น ไม่ใช่กระบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่เป็นกระบวนการปลดปล่อย ซึ่งตรงนี้มันค่อนข้างไม่ชัดเจนว่า นัยยะ คืออย่างไร ซึ่งการสืบสภาพกับประชาชน คงต้องใช้อีกหลายเวที
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำความเห็นของ นายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในการสนับสนุนให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเขตปกครองพิเศษ มาพูดคุยหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตรงนั้นไม่ต้อง เพราะเป็นไปตามกรอบเจตนารมณ์ที่พูดคุยไว้ ว่าจะไม่มีการแบ่งแยกดินแดนอยู่แล้ว ทั้งนี้โดยนัยยะของกลุ่มก่อความไม่สงบ คือ การมีส่วนร่วม ซึ่งรัฐธรรมนูญไทยเปิดช่องในการมีส่วนร่วมในการปกครองอยู่แล้ว แต่การปกครองที่เหมาะสมคงต้องคุยอีกพอสมควร ด้วยการสืบสภาพในเวทีต่างๆ เมื่อถามย้ำว่า จะไม่นำไปสู่การแยกออกเป็นรัฐ ออกมาต่างหากใช่หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า แน่นอน ชัดเจน การที่จะแบ่งแยกออกมาเป็นรัฐต่างหากนั้น เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะการพูดคุยมีกรอบเจตนารมณ์อยู่แล้วว่า ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญไทยที่เป็นรัฐเดียว
เมื่อถามว่าได้สอบถามประชาชนในเรื่องเขตปกครองพิเศษ หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ในความหมายของพี่น้องประชาชน มองว่า เรื่องการปกคอรงท้องถิ่นที่เขามีส่วนร่วม แต่เป้าหมายมุ่งไปสู่สันติสุข แต่ตรงนี้ยังมีปัญหาเรื่องของการมีเอกภาพบนความหลากหลาย ขณะนี้จึงยังไม่ลงตัว
เมื่อถามว่า ทางรัฐ สามารถรับข้อเสนอ 5 ข้อ ของบีอาร์เอ็น ได้เพียงใด พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตอนนี้เรารับฟังไว้ทั้งหมด แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการที่เราไปสืบสภาพ กับเวทีพี่น้องประชาชน ซึ่งขณะนี้คำตอบยังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งเราได้รับฟังมาเรื่อยๆ เพื่อนำมาประมวลวิเคราะห์กันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถามว่าแสดงว่าพร้อมที่จะให้โอไอซี เข้ามาเป็นตัวกลางในการพูดคุยใช่หรือไม่ เลขาฯสมช. กล่าวว่า ยังไม่ถึงกับพร้อม เพียงแต่รับฟังเท่านั้น เมื่อถามว่า หากมีการนำ โอไอซี หรือ เอ็นจีโอ เข้ามาร่วมสังเกตการณ์ จะเป็นการแทรกแซงการพูดคุยหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตอนนี้เขาใช้ภาษาว่า เป็นพยาน และสังเกตการณ์ มันจึงเกิดความสับสนว่า จะไปกันอย่างไร ตรงนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพูดคุยที่ต้องถามความชัดเจนอีกครั้ง
เมื่อถามย้ำว่า กลุ่มบีอาร์เอ็น ระบุว่า ถ้าทางเราไม่รับข้อเสนอ 5ข้อดังกล่าว เขาจะไม่เดินหน้าเจรจา เลขาฯ สมช. กล่าวว่า ตรงนี้เรายังยืนยันว่า เขาต้องการเปิดพื้นที่พูดคุยอยู่ เพราะเขาบอกว่า ยังไงก็ต้องคุยกันต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอที่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งแยกดินแดน ถือว่าขัดกับข้อตกลงที่เราทำไว้กับ บีอาร์เอ็น ที่ว่าต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทำไมจึงยอมรับได้ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า บีอาร์เอ็น เขาพูดชัดเจนว่า เขาไม่ใช่ขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่เขาบอกว่า เป็นขบวนการปลดปล่อยชาวปัตตานี ก็ต้องไปวิเคราะห์ให้ชัดว่า การปลดปล่อยของเขา หมายถึงอะไร ทั้งนี้เรื่องการปลดปล่อย ยังมีความหลากหลาย พี่น้องประชาชน ก็บอกว่า เป็นผู้กระทำผิดปล่อยไม่ได้ ต้องเอามาลงโทษ แต่ผู้ที่ถูกกล่าวหาก็บอกให้รีบดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งตอนนี้เรามีรายชื่อแล้วจำนวนพอสมควร ซึ่งก็อยู่ที่กระบวนการที่จะพูดคุยกันด้วย
เมื่อถามว่า หากรายชื่อที่เรามี ทางบีอาร์เอ็น บอกว่าน้อยไป จะทำอย่างไร พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ก็คงรับฟัง เพราะตรงนี้เป็นเรื่องของบรรยากาศในการพูดคุยว่าเขาคิดอะไร อย่างไร คงไม่สามารถบอกเป็นตัวเลขได้ แต่ตัวเลขอยู่ที่หลักพัน เมื่อถามต่อว่าคนที่โดนคดีตาม ป.วิ อาญา จะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตรงนี้จะมี 2 นัยยะ คือ 1. ถ้ากระบวนการไปถึงศาลแล้วรัฐบาลคงไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ 2. ถ้าอยู่ในกระบวนการชั้นต้น เราก็จะดูให้
เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เสนอว่า เมื่อการพูดคุยไม่เป็นผล จะเปลี่ยนไปพูดคุยกับกลุ่มอื่น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ได้มีการหารือกับ ร.ต.อ.เฉลิม เพราะนโยบายรัฐบาลเรา เปิดให้คุยกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว
** "สุกำพล"ตั้งทีมประชาสัมพันธ์ผลงาน
ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวหลังการประชุมร่วมกับ 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน เพื่อบูรณาการ การประชาสัมพันธ์การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า รัฐบาลเป็นห่วงเรื่องงานประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับแก้ไขปัญหา จึงได้มีการหารือเพื่อบูรณาการการทำงาน และมีแนวคิดจะจัดนิทรรศการ ผลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นในกทม. จากนั้นขยายไปพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ รวมถึงจะนำแนวร่วมที่กลับใจ และหน่วยงานความมั่นคงด้านพัฒนาที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ มาร่วมตอบข้อซักถามที่ยังมีความสงสัย เพราะที่ผ่านมามีเพียงแค่การนำเสนอข่าวสถานการณ์ประจำวันเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวด้วยว่า ตนได้แต่งตั้ง พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง หัวหน้าส่วนงานโฆษกกระทรวงกลาโหม ด้านสารสนเทศและกิจการพลเรือน (สกร.) สำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่ชี้แจงประชาสัมพันธ์ พร้อมประสานกับหน่วยงานต่างๆ ใน 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน เพื่อขอผลการดำเนินงานของหน่วยนั้นๆ นำมาบูรณาการ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ
นอกจากนี้ จะมีการนำข้อมูลการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกมิติ นำลงเว็บไซต์ของ กอ.รมน. โดยทุกสัปดาห์หน่วยต่างๆ จะส่งข้อมูลมาให้เรา ซึ่งในทุกวันศุกร์ จะให้ทีมงานโฆษกชี้แจงผลงาน ความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ได้รับในหลายมิติ ที่สำคัญ คือ เราจะมีการจัดทำนิทรรศการภาคใต้ในทุกมิติ และจะมีการตอบทุกข้อสงสัย ทุกคำถามที่คาใจของประชาชนเกี่ยวกับปัญหาภาคใต้เราจะตอบให้หมด เพื่อให้เข้าใจว่า ภาคใต้เป็นอย่างไร ซึ่งจะจัดทำในเร็วๆนี้ ปัจจัยความสำเร็จ คือ ความต่อเนื่อง ซึ่งตนบอกในที่ประชุมว่า ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำเพียง1-2 เดือน จนกว่าปัญหาจะดีขึ้น
พล.อ.อ.สุกำพล ยังกล่าวถึงการพูดคุยสันติภาพในวันนี้ว่า ตนไม่ได้คาดหวังว่า หลังการพูดคุยรอบ 3 ความรุนแรงจะลดลง เพราะยังเป็นไปไม่ได้ ต้องแยกกันระหว่างการพูดคุย กับการปฏิบัติงานในพื้นที่ แต่ถ้าเมื่อไรที่ผลการพูดคุยเกี่ยวพันกับการปฏิบัติงาน ก็ต้องมาว่ากัน แต่เท่าที่ทราบจากทีมงานที่จะไปพุดคุยสันติภาพกับบีอาร์เอ็น ซึ่งได้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีประชาชนคนมุสลิมเรียกร้องมาว่า ในช่วงเดือนรอมฎอน เป็นเดือนถือศีลอด อยากให้ผู้ก่อการร้ายหยุดยิง ซึ่งจะต้องไปถามทาง บีอาร์เอ็น ส่วนฝ่ายรัฐไม่ได้ดำเนินการอะไรอยู่แล้ว หากสามารถหยุดยิงได้ ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ผ่านมาอยากให้เข้าใจว่าเราอ่อนข้อให้มากแล้ว ต้องรู้สถานะตัวเองว่า เราเป็นใคร และท่านเป็นใคร อย่างไรก็ตาม งานใน 3 จังหวัดภาคใต้วันนี้มีความคืบหน้าตามลำดับ เราต้องอดทน
** "เหลิม"รอผลเจรจา ไม่ไปด้วย
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) กล่าวว่า ตนจะรอ ทีมของ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขา สมช. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขา ศอ.บต. และ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม ไปเจรจาที่มาเลเซีย ดูว่าจะได้ผลอย่างไร ถ้าคุยกันแล้วไม่มีอะไร ตนจะเทกแอ็กชั่น ส่วนกรอบที่ให้ไปพูดคุยครั้งนี้ คือ 1. เขาไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องอะไร 2. การออกหมายจับโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมให้เอามาดู 3. การออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าสงบจะยกเลิก ของตนมี 3 ข้อ นอกจากนี้ มีกรอบที่กองทัพแนะนำ แต่ตนไม่ขอพูด หลังจากพูดคุยครั้งนี้แล้วใครจะทำอะไรต้องประชุมร่วมกันใน ศปก.กปต.
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ยังมีระเบิดอยู่แสดงนัยยะอะไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รอให้คณะเจรจากลับมาก่อน แล้วค่อยคุยกัน เมื่อถามว่า วันที่ 13 มิ.ย.ต้องระวังการก่อเหตุหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ไม่ต้องระวังหรอก มันก่อเหตุตามใจอยู่แล้ว”
**กอ.รมน.ภาค 4 คุมเข้มช่วงเจรจา BRN
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ และโฆษก กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยถึงมาตรการดูแลความปลอดภัย ช่วงที่ สมช. เจรจาสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ว่า พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้สั่งการมายัง พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 ในเรื่องของการวางระบบของการรักษาความปลอดภัย ถึงแม้ว่าการพุดคุยสันติภาพ ระหว่าง สมช. กับขบวนการบีอาร์เอ็น ทางกองอำนวยการความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะไม่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง แต่สิ่งที่ทาง กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาก็คือ ในเรื่องของการสนับสนุนด้านข้อมูลต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ของการเข้าไปพูดคุยสันติภาพ ในเรื่องการดูแลพื้นที่ ซึ่งเป็นภาระและความรับผิดชอบโดยตรงของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า อยู่แล้ว ทางแม่ทัพภาคที่ 4 สั่งกำชับเน้นย้ำให้ทุกหน่วยยังคงดำรงจุดมุ่งหมายในการใช้มาตรการติดตามจับกุมคนร้ายก็คือ มาตรการทางกฏหมายเพื่อนำตัวมาลงโทษ และการเพิ่มความเข้มในภารกิจเชิงรับในการดูแลพื้นที่ ดูแลเป้าหมายเชิงสัญญาลักษณ์ ให้มีความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้มีการปฏิบัติตามแผนอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จุดตรวจถาวรทั้ง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ที่ตั้งด่านบริเวณรอบเมือง และรอยต่อระหว่างอำเภอ โดยเฉพาะที่จะเข้าตัวเมืองเขตเทศบานครยะลา เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทุกชนิดอย่างละเอียด พร้อมบันทึกภาพบุคคลในรถ และจดหมายเลขบัตรประชาชน เพื่อหาบุคคลต้องสงสัย รวมถึงตรวจค้นอาวุธปืน วัตถุระเบิด เพื่อป้องกันคนร้ายที่อาจจะเข้ามาก่อเหตุในเมืองช่วงนี้
** ปัตตานีป่วนหนักทั้งยิง-บึ้มต้อนรับเจรจา
เมื่อเวลา 07.30 น.วานนี้ (12 มิ.ย.) พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จ.ปัตตานี รับรายงานเกิดเหตุร้ายหลายจุดในพื้นที่ จ.ปัตตานี ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 61/1 ม.4 บ้านบาลูกา ต.กะรุบี อ.กะพ้อ ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต จมกองเลือดหน้าบ้าน ทราบชื่อคือนายนิแวสุกรี นิแว อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/1 หมู่ 4 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนอาก้า เข้าบริเวณลำตัวหลายนัด เสียชีวิตคาที่
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตาย เป็นน้องของจนท.อาสารักษาดินแดน อ.กะพ้อ กลับมาจากดื่มน้ำชาในหมู่บ้าน เมื่อถึงหน้าบ้านขณะที่กำลังเดินขึ้นบ้านพัก ได้มีคนร้ายดักซุ่มรออยู่ก่อนแล้ว ก่อนใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงเสียชีวิตทันที ส่วนสาเหตุยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หรือ ความไม่สงบในพื้นที่
เวลา 07.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.นราวี บินแวอารง รอง ผกก.ป.สภ.อ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันตาย ที่บริเวณบนถนนระหว่าง อ.สายบุรี-อ.กะพ้อ ม. 4 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำ และพบแต่กองเลือด ส่วนคนเจ็บ 2 คน ทราบชื่อว่า นายซาบะ บินมะแซ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 บ้านตลาดนัด ต.ปะลูรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 มม. ถูกบริเวณลำตัว 3 นัด แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนอีกคนทราบชื่อว่า นายบาฮารี เด็งลา อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 67 ม.5 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกันเข้าลำตัว 1 นัด บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สายบุรี
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับขี่รถจยย.โดยมีผู้บาดเจ็บนั่งซ้อนท้าย เพื่อจะไปบ้านผู้บาดเจ็บ ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คนขับขี่รถจยย.ไม่ทราบชนิด ตามประกบและขับแซงก่อนที่คนซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หรือสถานการณ์ใต้
อีกเหตุ เกิดเมื่อเวลา 08.40 น. พ.ต.ท.จำลอง สุวลักษณ์ สวญ.สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ ปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนเส้นทางรักษาความปลอดภัยครู สังกัด มว.ปล.ที่ 1 ร้อย.ร.8034 ฉก.ปัตตานี 21 เหตุเกิดที่บนถนนสาย 409 บ้านบ่อหว้า หมู่ที่ 4 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี พบหลุมระเบิดข้างทาง กว้าง 30 ซม. และพบสเก็ดระเบิดกระจัดกระจายไปทั่ว แรงระเบิดทำให้ ส.อ.รัฐศาสตร์ กมลนิธิเศรษฐ์ ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณลำตัว และแขน ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ กำลังเจ้าหน้าที่ทหารสังกัด มว.ปล.ที่ 1 ร้อย.ร.8034 ฉก.ปัตตานี 21 จำนวน 7 นาย โดยมี ส.อ.รัฐศาสตร์ กมลนิธิเศรษฐ์ ผู้บาดเจ็บเป็นหัวหน้าชุด ออกลาดตระเวนเดินเท้าเส้นทางรักษาความปลอดภัยครู ในพื้นที่ พอถึงที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็กน้ำหนักประมาณ 5 ก.ก ซุกไว้ในโคนต้นไม้ป่าหญ้า ข้างทางเข้าสถานตรวจสภาพรถ ลำใหม่บริการ ห่างจากโรงเรียนบ้านป่าพ้อ ประมาณ 100 เมตร ไว้ก่อนแล้ว เมื่อคนร้ายเห็นทหารมาจุดที่วางระเบิด ได้จุดชนวนระเบิดด้วยวิทยุสื่อสารทันที และแรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บดังกล่าว
นอกจากนี้ เวลา 09.00 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดทหาร ร้อย.ร 8034 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 บริเวณริมถนนสายยะลา-นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ส.ท.รัฐศาสตร์ กมลนิธิเศรษฐ์ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณต้นคอ และแขน ถูกสะเก็ดระเบิด ส่วนอีกรายเป็นพลทหาร ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หูอื้อ
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะเกิดเหตุทหารทั้งหมด 9 นาย กำลังเดินเท้าปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยครู หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดกู้ภัยแม่กอเหนี่ยว และเจ้าหน้าที่ชุดกู้ภัยแม่ทับทิมยะลา ได้นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 นาย ส่งรพ.ศูนย์ยะลา ขณะนี้อาการปลอดภัย เบื้องต้นคาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ ก่อนการพูดคุยสันติภาพระหว่ารัฐบาลกับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่จะมีขึ้นในวันนี้ (13 มิ.ย.)