xs
xsm
sm
md
lg

ทวง“ปู”ปฏิรูปกม.ค้างาช้างในไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(12 ส.ค.56) เนื่องในวันช้างโลก (12 สิงหาคม) WWF และTRAFFIC ได้แกแถลงการณ์ เรียกร้องต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยให้นำร่างแผนปฏิบัติการแห่งชาติว่าด้วยงาช้าง รวมเข้าในการปฏิรูปกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามคำมั่นที่ให้ไว้ว่าจะยุติการค้างาช้างในประเทศในการดำเนินการเพื่อตอบสนองต่อปัญหารการลักลอบล่าและค้างาช้างที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างยิ่ง
ที่ประชุมคณะกรรมาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์หรือ CITES ครั้งที่ 64 ที่มีขึ้นเมื่อเดือน มีนาคมที่ผ่านมาได้สั่งการให้ไทย และอีก 7 ประเทศดำเนินการตามกรอบระยะเวลาในแผนปฏิบัติการเพื่อลดการลักลอบค้างาช้างให้บรรลุผล และรายงานความคืบหน้ากลับยังคณะกรรมาธิการหรืออาจต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางการค้ามีการคาดการณ์ว่าแผนปฏิบัติการว่าด้วยงาช้างของไทยซึ่งยังไม่มีการเผยแพร่สู่สาธารณะ จะเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบภายในปีนี้
ซึ่งแผนดังกล่าวจะต้องมีมาตรการเฉพาะบางอย่าง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการค้างาช้างในประเทศการบังคับใช้กฏหมายทั้งในระดับชาติและนานาชาติการขยายผลและการตระหนักรู้ของสาธารณะ
“นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ได้ให้คำมั่นระหว่างพิธีเปิดการประชุม CITESว่าจะยุติการค้างาช้างในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นการคว้าโอกาสสำคัญในการต่อสู้กับการลักลอบค้าสัตว์ป่าและแก้ไขวิกฤตการณ์ในการลักลอบล่าช้าง” จันทร์ปาย องค์ศิริวิทยาผู้จัดการโครงการต่อต้านการลักลอบค้าสัตว์ป่า WWF-ประเทศไทย กล่าว
“แผนปฏิบัติการว่าด้วยการค้างาช้างเป็นสิ่งจำเป็นและจะช่วยรักษาคำพูดของนายกรัฐมนตรีว่าเป็นจริงนอกจากนี้การเริ่มกระบวนการปฏิรูปกฏหมาย ภายใต้กรอบระยะเวลาที่ชัดเจนในการห้ามซื้อหรือขายงาช้างก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำเพื่อยุติการค้างาช้างในประเทศไทย”
แม้กฏหมายจะห้ามนำงาช้างจากแอฟริกาเข้าในประเทศไทยและห้ามขายงาช้างป่าในประเทศไทย แต่ยังมีการอนุญาตให้ขายงาช้างบ้านได้อย่างถูกต้องซึ่งได้กลายเป็นช่องทางฟอกงาช้างแอฟริกาจำนวนมหาศาลผ่านร้านค้าในประเทศไทยดังนั้นจึงจำเป็น ที่ไทยจะต้องแก้ไขปัญหานี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือช้างแอฟริกา
“การยุติการค้างาช้างในประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดค้างาช้างที่ไม่มีการควบคุมตลาดใหญ่ที่สุดของโลกในปัจจุบันเป็นปัจจัยสำคัญในการหยุดยั้งวิกฤตการลักลอบล่าสัตว์ระดับโลก ซึ่งนำไปสู่การสังหารช้างหลายหมื่นตัวในแต่ละปีการยุติการค้างาช้างในไทยยังจะเป็นส่วนช่วยยุติการลักลอบค้าอวัยวะสัตว์ป่าที่นับเป็นอาชญากรรมระดับโลก”ดร. นาโอมิ โด้ค ผู้ประสารงานโครงการ TRAFFIC ภูมิภาคลุ่ม น้ำโขง กล่าว
เพื่อให้แผนปฏิบัติการว่าด้วยงาช้างระดับชาติของประเทศไทยเป็นไปตามมาตรฐานที่ต้องการของ CITES และเป็นไปตาม คำมั่นของนายกรัฐมนตรี ทาง WWF และ TRAFFIC เชื่อว่า
จะต้องมีการออกกฎหมายที่มีความเข้มงวดเพียงพอที่จะป้องกันการลักลอบค้างาช้างที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย ภายในประเทศไทยมีการทดสอบทางนิติวิทยาศาสตร์งาช้างล็อตใหญ่ ที่ตรวจยึดได้รวมทั้งการจัดทำระบบลงทะเบียนช้างบ้านอย่างครอบคลุม
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรเดินทางเยือนอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์แหล่งที่อยู่แห่งสำคัญของช้างป่า 230ตัวรวมทั้งสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เสือ กระทิงวัวแดงและสมเสร็จมลายัน และเมื่อเร็วๆนี้นายกรัฐมนตรีก็เพิ่งเดินทางกลับจากการเยือนประเทศแทนซาเนียโดยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านอุทยานแห่งชาติและการบริหารจัดการสัตว์ป่ารวมทั้งได้เดินทางเยือนอุทยานแห่งชาติเซเรงเกติซึ่งเป็นสถานที่ที่กลุ่มลักลอบล่าสัตว์สังหารช้างเพื่อเอางาและยังเป็นไปได้ว่างาส่วนใหญ่ มีจุดหมายปลายทางที่ประเทศไทย
“ตอนนี้อาจเหลือช้างป่าในประเทศไทยเพียงแค่ 2,500 ตัวซึ่งพอๆกับจำนวนช้างป่าในแอฟริการที่ถูกล่าในแต่ละเดือนเมื่อปี 2555”จันทร์ปาย กล่าวเสริม “ต้องขอขอบคุณผู้พิทักษ์ป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรีที่ลาดตระเวนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทำให้ไม่มีช้างตกเป็นเเหยื่อลักลอบฆ่าสัตว์นับตั้งแต่ปี 2553แต่ความต้องการงาช้างอย่างมหาศาล ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าวันพรุ่งนี้อาจเป็นชะตากรรมของช้างไทยที่ถูกไล่ล่าสังหารเหมือนกับที่ช้างป่าแอฟริกาต้องเผชิญอยู่ทุกวันนี้”
นอกจากประเทศไทยแล้ว จีน (ยังไม่นับรวมฮ่องกง), เคนย่า, มาเลเซีย,ฟิลิปปินส์, อูกันดา, แทนซาเนีย และเวียดนาม ต่างต้องยื่นแผนปฏิบัติการว่าด้วยงาช้างแห่งชาติ ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2556
ตามที่คณะกรรมการถาวรของ CITES ขีดเส้นไว้ระหว่างการประชุมที่กรุงเทพมหานคร ทั้ง 8 ประเทศนี้ยังต้องวางมาตรการเร่งด่วนผลักดันการบังคับใช้แผนปฏิบัติการดังกล่าวภายในเดือนกรกฎาคม 2557 ตามกำหนดที่คณะกรรมการถาวรของ CITESจะประชุมเพื่อทบทวนผลการปฏิบัติตามแผนนี้
WWF คือหนึ่งในองค์กรเพื่อการอนุรักษ์ที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดและเป็นอิสระมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีผู้ให้การ สนับสนุนมากกว่า 5ล้านคน และมีเครือข่ายทำงานอยู่ในประเทศต่างๆกว่า 100 ประเทศ พันธกิจของWWF คือ ลดการบุกรุก และยั้บยั้งการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพของโลกพร้อมไปกับสร้างอนาคตใหม่ให้มนุษย์ อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืนด้วยการอนุรักษ์ไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพของโลกสร้างหลักประกันให้มีการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนผลักดันให้เกิดการลดมลภาวะและลดการบริโภคอย่างสิ้นเปลือง
กำลังโหลดความคิดเห็น