นายทุนสามานย์ทุกคนทุกชาติในโลกนี้ จะใช้เงินซื้อทุกอย่างเพื่ออำนวยความสะดวก เพื่อการปล้นหรือเอาเปรียบชาติอื่น ตามกฎกติกาหรือกฎหมายที่พวกตนกำหนดกฎขึ้น เพื่อควบคุมประเทศที่อ่อนแอกว่า
มหาอำนาจอเมริกากับชาติตะวันตก จึงต้องยึด “หัวใจ” องค์การสหประชาชาติไว้ก่อน นั่นคือ “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ” (United Nations Security Council ; UNSC) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการควบคุมทุกชาติในโลก โดยอเมริกากับชาติตะวันตกได้คุมเสียงข้างมาก ในคณะมนตรีความมั่นคงฯ ไว้ในมืออย่างถาวรมาตลอด
ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราจะต้องรู้ว่า คณะมนตรีความมั่นคงฯ นั้นควบคุมโลกได้อย่างไร?
คณะมนตรีความมั่นคงฯ ประกอบด้วยสมาชิกถาวร (Permanent member) 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา และสมาชิกไม่ถาวร (Non-permanent members) อีก10 ประเทศที่ไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงฯ ซึ่งไม่มีบทบาทสำคัญอะไรให้ต้องพูดถึง
5 ประเทศในคณะมนตรีความมั่นคงฯ คุมทุกประเทศในโลกไว้ในกำมือ จากบทบาทและหน้าที่ดังนี้
1. ธำรงรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ตามวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ
2. สอบสวนเกี่ยวกับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ใดๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งระหว่างประเทศ
3. เสนอแนะวิธีที่จะใช้กรณีพิพาทเช่นว่านั้น หรือเงื่อนไขที่ให้มีการตกลงปรองดองกัน
4. วางแผนเพื่อสถาปนาระบบการควบคุมกำลังอาวุธ
5. ค้นหาและวินิจฉัยว่ามีภัยคุกคามต่อสันติภาพ หรือเป็นการกระทำที่รุกรานหรือไม่ แล้วเสนอแนะว่า ควรจะปฏิบัติอย่างไร
6. เรียกร้องให้สมาชิกประเทศทำการลงโทษในทางเศรษฐกิจ และใช้มาตรการอื่นๆ ที่ไม่ถึงขั้นทำสงคราม เพื่อป้องกันมิให้เกิดหรือหยุดยั้งการรุกราน
7. ดำเนินการทางทหารตอบโต้ฝ่ายที่รุกราน
8. เสนอให้รับประเทศสมาชิกใหม่ รวมทั้งเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ในการที่จะเข้าเป็นภาคีตามกฎหมายของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
9. ทำหน้าที่ให้ภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ ในเขตที่ถือว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์
10. เสนอแนะให้สมัชชาสหประชาชาติ แต่งตั้งตัวเลขาธิการและร่วมกับสมัชชา ในการเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลโลก
11. ส่งรายงานประจำปีและรายงานพิเศษต่อสมัชชาสหประชาชาติ บรรดาประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ ต่างตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อมติใดๆ ของคณะมนตรีความมั่นคงฯ ทั้งยังรองรับที่จะจัดกำลังกองทัพของตนให้แก่คณะมนตรีความมั่นคงฯ หากขอร้อง รวมทั้งความช่วยเหลือและอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ
แต่ยังดีที่กติกาของคณะมนตรีความมั่นคงฯ นั้น แค่ชาติเดียวยกมือวีโต้หรือคัดค้านเรื่องอยุติธรรมที่มหาอำนาจใดเสนอจะตกทันที ดังนั้น หลายเรื่องสำคัญๆ ที่ไม่เป็นธรรม ที่มหาอำนาจอเมริกากับชาติตะวันตก จะรังแกชาติที่อ่อนแอกว่า จึงไม่ผ่านด่านคณะมนตรีความมั่นคงฯ เพราะไม่จีนก็รัสเซียมักใช้สิทธิวีโต้ขัดขวางเสมอมา
อ้อ..ยกเว้นบางเรื่องที่คณะมนตรีความมั่นคงฯ ทั้ง 5 ประเทศ ได้เจรจาแบ่งปันประโยชน์กันลงตัวนะครับ
เห็นไหมว่า..ไม่ยากเลยที่มหาอำนาจในคณะมนตรีความมั่นคงฯ จะช่วยกัมพูชายึดดินแดนไทยผ่านมือศาลโลก เพื่อแลกกับบ่อน้ำมันใต้ทะเลไทย-กัมพูชา..จริงไหม?
“เฮียเหลี่ยม” จึงใช้เงินสกปรกจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์-ล็อบบี้ยิสต์-สื่อมวลชนในอเมริกาให้หนุนตนแล้ว “เฮียเหลี่ยม” ยังต้องศิโรราบต่ออเมริกาและชาติตะวันตก เพื่อให้มหาอำนาจเหล่านั้น หนุนตนและรัฐบาล “ปูกลวง” ที่ตนเชิดในประเทศไทยอีกด้วย
มิน่า “เฮียเหลี่ยม” กับรัฐบาล “ปูกลวง” จะยกสนามบินอู่ตะเภาให้อเมริกาดื้อๆ ด้วยข้ออ้าง “นาซา” จะมาวิจัยเมฆฝน เพื่อช่วยเหลือภัยวิบัติในภูมิภาคนี้
แถม “เฮียเหลี่ยม” ยังแอบเชื่อมต่อกับอดีตประธานาธิบดีอเมริกาพ่อลูก “บุช” เพื่อจะเข้าฮุบบ่อน้ำมันใต้ทะเลไทย-กัมพูชา โดยจ่ายค่าสัมปทานให้ไทย-กัมพูชาในราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ฯลฯ
“เฮียเหลี่ยม” ยังเดินเรื่องกับประเทศเกาหลี ด้วยการเอาเงิน 3.5 แสนล้านบาท ของการแก้ปัญหาน้ำให้ประเทศเกาหลีสวาปาม โดยให้รัฐบาลเกาหลีประสานนาย “บัน คีมูน” เลขาธิการสหประชาชาติ ให้สนับสนุนตนอีกต่างหาก
หนึ่งในสิ่งที่ “เฮียเหลี่ยม” ต้องการในห้วงนั้น คือ ให้อเมริกาและชาติตะวันตกกับอีกหลายประเทศ ช่วยหนุน “แดงล้มเจ้า” กรณีให้ยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 นั่นเอง
ดังนั้น ทูตอเมริกันและทูตตะวันตกบางประเทศ รวมทั้งนายกฯ ประเทศฝรั่งเศส และ “นายบัน คี มูน” เลขาธิการสหประชาชาติ จึงทำการแทรกแซงประเทศไทย ด้วยการแสดงท่าทีอย่างเปิดเผย ให้ชาติไทยยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ตาม “แดงล้มเจ้า” เรียกร้อง!
แม้วันนี้อเมริกายังฮุบสนามบินอู่ตะเภาไม่ได้ แต่หากรัฐบาล “ปูกลวง” ของ “เฮียเหลี่ยม” ยังอยู่ ไม่นาน..อเมริกาจะต้องได้สนามบินแห่งนี้ไว้ทำการจารกรรมและปิดล้อมจีนอย่างแน่นอน..
ส่วน..คำพูดหนุน “เฮียเหลี่ยม” ของ “บัน คี มูน” ก็คุ้มค่า เพราะบริษัทเกาหลีใต้ “เควอเตอร์” ได้สวาปามงานแก้ปัญหาน้ำในไทยกว่า 1.6 แสนล้านบาท..
ส่วนองค์กรเปิดเผยและลับที่มาเชื่อมต่อกับ “เฮียเหลี่ยม” คือ องค์กรใด..อ่านตอนหน้าครับ!
มหาอำนาจอเมริกากับชาติตะวันตก จึงต้องยึด “หัวใจ” องค์การสหประชาชาติไว้ก่อน นั่นคือ “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ” (United Nations Security Council ; UNSC) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการควบคุมทุกชาติในโลก โดยอเมริกากับชาติตะวันตกได้คุมเสียงข้างมาก ในคณะมนตรีความมั่นคงฯ ไว้ในมืออย่างถาวรมาตลอด
ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราจะต้องรู้ว่า คณะมนตรีความมั่นคงฯ นั้นควบคุมโลกได้อย่างไร?
คณะมนตรีความมั่นคงฯ ประกอบด้วยสมาชิกถาวร (Permanent member) 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา และสมาชิกไม่ถาวร (Non-permanent members) อีก10 ประเทศที่ไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงฯ ซึ่งไม่มีบทบาทสำคัญอะไรให้ต้องพูดถึง
5 ประเทศในคณะมนตรีความมั่นคงฯ คุมทุกประเทศในโลกไว้ในกำมือ จากบทบาทและหน้าที่ดังนี้
1. ธำรงรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ตามวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ
2. สอบสวนเกี่ยวกับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ใดๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งระหว่างประเทศ
3. เสนอแนะวิธีที่จะใช้กรณีพิพาทเช่นว่านั้น หรือเงื่อนไขที่ให้มีการตกลงปรองดองกัน
4. วางแผนเพื่อสถาปนาระบบการควบคุมกำลังอาวุธ
5. ค้นหาและวินิจฉัยว่ามีภัยคุกคามต่อสันติภาพ หรือเป็นการกระทำที่รุกรานหรือไม่ แล้วเสนอแนะว่า ควรจะปฏิบัติอย่างไร
6. เรียกร้องให้สมาชิกประเทศทำการลงโทษในทางเศรษฐกิจ และใช้มาตรการอื่นๆ ที่ไม่ถึงขั้นทำสงคราม เพื่อป้องกันมิให้เกิดหรือหยุดยั้งการรุกราน
7. ดำเนินการทางทหารตอบโต้ฝ่ายที่รุกราน
8. เสนอให้รับประเทศสมาชิกใหม่ รวมทั้งเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ในการที่จะเข้าเป็นภาคีตามกฎหมายของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
9. ทำหน้าที่ให้ภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ ในเขตที่ถือว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์
10. เสนอแนะให้สมัชชาสหประชาชาติ แต่งตั้งตัวเลขาธิการและร่วมกับสมัชชา ในการเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลโลก
11. ส่งรายงานประจำปีและรายงานพิเศษต่อสมัชชาสหประชาชาติ บรรดาประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ ต่างตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อมติใดๆ ของคณะมนตรีความมั่นคงฯ ทั้งยังรองรับที่จะจัดกำลังกองทัพของตนให้แก่คณะมนตรีความมั่นคงฯ หากขอร้อง รวมทั้งความช่วยเหลือและอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ
แต่ยังดีที่กติกาของคณะมนตรีความมั่นคงฯ นั้น แค่ชาติเดียวยกมือวีโต้หรือคัดค้านเรื่องอยุติธรรมที่มหาอำนาจใดเสนอจะตกทันที ดังนั้น หลายเรื่องสำคัญๆ ที่ไม่เป็นธรรม ที่มหาอำนาจอเมริกากับชาติตะวันตก จะรังแกชาติที่อ่อนแอกว่า จึงไม่ผ่านด่านคณะมนตรีความมั่นคงฯ เพราะไม่จีนก็รัสเซียมักใช้สิทธิวีโต้ขัดขวางเสมอมา
อ้อ..ยกเว้นบางเรื่องที่คณะมนตรีความมั่นคงฯ ทั้ง 5 ประเทศ ได้เจรจาแบ่งปันประโยชน์กันลงตัวนะครับ
เห็นไหมว่า..ไม่ยากเลยที่มหาอำนาจในคณะมนตรีความมั่นคงฯ จะช่วยกัมพูชายึดดินแดนไทยผ่านมือศาลโลก เพื่อแลกกับบ่อน้ำมันใต้ทะเลไทย-กัมพูชา..จริงไหม?
“เฮียเหลี่ยม” จึงใช้เงินสกปรกจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์-ล็อบบี้ยิสต์-สื่อมวลชนในอเมริกาให้หนุนตนแล้ว “เฮียเหลี่ยม” ยังต้องศิโรราบต่ออเมริกาและชาติตะวันตก เพื่อให้มหาอำนาจเหล่านั้น หนุนตนและรัฐบาล “ปูกลวง” ที่ตนเชิดในประเทศไทยอีกด้วย
มิน่า “เฮียเหลี่ยม” กับรัฐบาล “ปูกลวง” จะยกสนามบินอู่ตะเภาให้อเมริกาดื้อๆ ด้วยข้ออ้าง “นาซา” จะมาวิจัยเมฆฝน เพื่อช่วยเหลือภัยวิบัติในภูมิภาคนี้
แถม “เฮียเหลี่ยม” ยังแอบเชื่อมต่อกับอดีตประธานาธิบดีอเมริกาพ่อลูก “บุช” เพื่อจะเข้าฮุบบ่อน้ำมันใต้ทะเลไทย-กัมพูชา โดยจ่ายค่าสัมปทานให้ไทย-กัมพูชาในราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ฯลฯ
“เฮียเหลี่ยม” ยังเดินเรื่องกับประเทศเกาหลี ด้วยการเอาเงิน 3.5 แสนล้านบาท ของการแก้ปัญหาน้ำให้ประเทศเกาหลีสวาปาม โดยให้รัฐบาลเกาหลีประสานนาย “บัน คีมูน” เลขาธิการสหประชาชาติ ให้สนับสนุนตนอีกต่างหาก
หนึ่งในสิ่งที่ “เฮียเหลี่ยม” ต้องการในห้วงนั้น คือ ให้อเมริกาและชาติตะวันตกกับอีกหลายประเทศ ช่วยหนุน “แดงล้มเจ้า” กรณีให้ยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 นั่นเอง
ดังนั้น ทูตอเมริกันและทูตตะวันตกบางประเทศ รวมทั้งนายกฯ ประเทศฝรั่งเศส และ “นายบัน คี มูน” เลขาธิการสหประชาชาติ จึงทำการแทรกแซงประเทศไทย ด้วยการแสดงท่าทีอย่างเปิดเผย ให้ชาติไทยยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ตาม “แดงล้มเจ้า” เรียกร้อง!
แม้วันนี้อเมริกายังฮุบสนามบินอู่ตะเภาไม่ได้ แต่หากรัฐบาล “ปูกลวง” ของ “เฮียเหลี่ยม” ยังอยู่ ไม่นาน..อเมริกาจะต้องได้สนามบินแห่งนี้ไว้ทำการจารกรรมและปิดล้อมจีนอย่างแน่นอน..
ส่วน..คำพูดหนุน “เฮียเหลี่ยม” ของ “บัน คี มูน” ก็คุ้มค่า เพราะบริษัทเกาหลีใต้ “เควอเตอร์” ได้สวาปามงานแก้ปัญหาน้ำในไทยกว่า 1.6 แสนล้านบาท..
ส่วนองค์กรเปิดเผยและลับที่มาเชื่อมต่อกับ “เฮียเหลี่ยม” คือ องค์กรใด..อ่านตอนหน้าครับ!
