วานนี้ (25ก.ค.) นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 แถลงถึงการพิจารณาในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จำนวน 87,051 ล้านบาท สูงกว่างบปี 56 จำนวน 4,000 ล้านบาท โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พร้อมผู้บริหารระดับสูงร่วมชี้แจง โดยกรรมาธิการฯ หลายคนได้ซักถามถึงการบังคับใช้กฎหมาย ที่มีความตกต่ำมากที่สุดในยุคนี้ เนื่องจากไม่สามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ โดยเฉพาะประชาชนที่มีความเห็นแตกต่าง หรือขัดแย้งกับรัฐบาล มักถูกทำร้าย ทำลายทรัพย์สิน ตลอดจนคดีอุ้มฆ่า นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจและอดีตเจ้าของเว็บไซตไทยอินไซเดอร์ รวมถึงการทำร้ายร่างกาย นายภิญโญ พงษ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์ ตลอดจนการทุบทำลายรถยนต์ของผู้สื่อข่าวเป็นต้น แต่ ผบ.ตร.ไม่ได้ตอบคำถามเหล่านี้
นายวัชระกล่าวว่า นอกจากนี้ กรรมาธิการฯ ยังถามเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ ผบ.ตร.ต้องทำตามกฎหมาย ล่าสุดขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบความเห็นไปยัง สตช.ว่า สามารถถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณได้ ดังนั้นถ้า ผบ.ตร.ไม่ทำก็เท่ากับละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตาม มาตรา 157
“เราไม่แปลกใจที่ทำไม ผบ.ตร.คนนี้ถึงนี่งเฉย เพราะหลังรับตำแหน่งท่านก็ไปพบคนที่จะต้องถอดยศ จึงเป็นที่มาของการไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายให้เท่าเทียมกันได้ จึงไม่ต้องคาดหวังกับการที่ผู้ตรวจการแผ่นดินให้สอบจริยธรรม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ที่ไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประดับยศให้ เพราะขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เชื่อว่า สตช.คงช่วยเหลือกัน” นายวัชระกล่าว และว่า กรรมธิการฯได้ฝากให้ตำรวจดูแลประชาชนผู้จะมาชุมนุมที่สภาฯ ในวันที่ 7 ส.ค. ในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า ขอให้ดูแลประชาชนทุกกลุ่ม ทุกสีให้เท่าเทียมกัน อย่าเลือกปฏิบัติ หรือสองมาตรฐาน
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมงบประมาณของสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ต้องส่งเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างมาให้คณะกรรมาธิการฯภายในเวลา 12.00 น. วันที่ 25 ก.ค. แต่ปรากฏว่า นายสุวิจักษณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่ส่งเอกสารมาให้คณะกรรมาธิการฯ ดังนั้นตนจะส่งข้อมูลเอกสารที่เชื่อว่า การจัดซื้อจัดจ้างหลายโครงการส่อไปในทางไม่โปร่งใส และเชื่อว่าจะมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง โดยจะส่งเอกสารไปยัง ป.ป.ช. ให้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริง พร้อมนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 เมื่อวานนี้ (25 ก.ค.) มีนายวิทยา บุรณศิริ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเป็นการพิจารณางบประมาณในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงเงิน 87,051,059,033 บาท (วงเงินกว่า 87,051 ล้านบาท) โดยพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าชี้แจงถึงงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรว่า จะนำไปถวายความปลอดภัยสำหรับพระมหากษัตริย์ พระราชินี และบุคคลสำคัญ บังคับใช้กฎหมายอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนด้วยความเสมอภาค ตามหลักธรรมาภิบาล รักษาความสงบเรียบร้อยความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนและชุมชน รวมทั้งช่วยการสร้างเครือข่ายชุมชน และองค์กรทุกภาคส่วน ในการแก้ไขปัญหาของสังคมโดยยึดประชาชนเป็นหลัก เพื่อพัฒนาประเทศตามนโนบายรัฐบาล
ขณะที่กรรมาธิการฝ่ายค้าน แสดงความเป็นห่วงงบประมาณที่จัดสรรเพื่อแก้ปัญหาบางส่วนไม่เหมาะสมกับงาน เช่น งบประมาณเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ที่เป็นปัญหาสำคัญนานาชาติให้ความสำคัญได้รับการจัดสรรเพียงกว่า 54 ล้านบาท ซึ่งต้องการทราบว่า จะมีแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร เพื่อไม่ให้นานาชาติขาดความเชื่อมั่น และส่งผลต่อการกีดกันทางการค้าของไทย นอกจากนี้กรรมาธิการฯ ยังแสดงความเป็นห่วงปัญหายาเสพติด ที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบางรายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด พร้อมเรียกร้องเกี่ยวกับการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ โดยไม่เปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ตามความเหมาะสม พร้อมเสนอตัดงบร้อยละ 30 เพราะมีแหล่งอบายมุขจำนวนมาก โดยเฉพาะตู้ม้า ที่พบว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกันเป็นห่วงการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจระดับสูง
ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงสรุปว่า โครงการโรงพักที่มีปัญหา ได้สั่งระงับกับบริษัทคู่สัญญาแล้ว ส่วนกรณีการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ยึดหลัก เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ทั้งนี้ในรายละเอียดของเรื่อง ขอมอบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจง ส่วนการดูแลการชุมนุม ที่จะมีขึ้นระหว่างการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อย
นายวัชระกล่าวว่า นอกจากนี้ กรรมาธิการฯ ยังถามเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ ผบ.ตร.ต้องทำตามกฎหมาย ล่าสุดขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบความเห็นไปยัง สตช.ว่า สามารถถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณได้ ดังนั้นถ้า ผบ.ตร.ไม่ทำก็เท่ากับละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตาม มาตรา 157
“เราไม่แปลกใจที่ทำไม ผบ.ตร.คนนี้ถึงนี่งเฉย เพราะหลังรับตำแหน่งท่านก็ไปพบคนที่จะต้องถอดยศ จึงเป็นที่มาของการไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายให้เท่าเทียมกันได้ จึงไม่ต้องคาดหวังกับการที่ผู้ตรวจการแผ่นดินให้สอบจริยธรรม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ที่ไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประดับยศให้ เพราะขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เชื่อว่า สตช.คงช่วยเหลือกัน” นายวัชระกล่าว และว่า กรรมธิการฯได้ฝากให้ตำรวจดูแลประชาชนผู้จะมาชุมนุมที่สภาฯ ในวันที่ 7 ส.ค. ในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า ขอให้ดูแลประชาชนทุกกลุ่ม ทุกสีให้เท่าเทียมกัน อย่าเลือกปฏิบัติ หรือสองมาตรฐาน
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมงบประมาณของสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ต้องส่งเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างมาให้คณะกรรมาธิการฯภายในเวลา 12.00 น. วันที่ 25 ก.ค. แต่ปรากฏว่า นายสุวิจักษณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่ส่งเอกสารมาให้คณะกรรมาธิการฯ ดังนั้นตนจะส่งข้อมูลเอกสารที่เชื่อว่า การจัดซื้อจัดจ้างหลายโครงการส่อไปในทางไม่โปร่งใส และเชื่อว่าจะมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง โดยจะส่งเอกสารไปยัง ป.ป.ช. ให้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริง พร้อมนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 เมื่อวานนี้ (25 ก.ค.) มีนายวิทยา บุรณศิริ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเป็นการพิจารณางบประมาณในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงเงิน 87,051,059,033 บาท (วงเงินกว่า 87,051 ล้านบาท) โดยพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าชี้แจงถึงงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรว่า จะนำไปถวายความปลอดภัยสำหรับพระมหากษัตริย์ พระราชินี และบุคคลสำคัญ บังคับใช้กฎหมายอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนด้วยความเสมอภาค ตามหลักธรรมาภิบาล รักษาความสงบเรียบร้อยความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนและชุมชน รวมทั้งช่วยการสร้างเครือข่ายชุมชน และองค์กรทุกภาคส่วน ในการแก้ไขปัญหาของสังคมโดยยึดประชาชนเป็นหลัก เพื่อพัฒนาประเทศตามนโนบายรัฐบาล
ขณะที่กรรมาธิการฝ่ายค้าน แสดงความเป็นห่วงงบประมาณที่จัดสรรเพื่อแก้ปัญหาบางส่วนไม่เหมาะสมกับงาน เช่น งบประมาณเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ที่เป็นปัญหาสำคัญนานาชาติให้ความสำคัญได้รับการจัดสรรเพียงกว่า 54 ล้านบาท ซึ่งต้องการทราบว่า จะมีแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร เพื่อไม่ให้นานาชาติขาดความเชื่อมั่น และส่งผลต่อการกีดกันทางการค้าของไทย นอกจากนี้กรรมาธิการฯ ยังแสดงความเป็นห่วงปัญหายาเสพติด ที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบางรายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด พร้อมเรียกร้องเกี่ยวกับการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ โดยไม่เปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ตามความเหมาะสม พร้อมเสนอตัดงบร้อยละ 30 เพราะมีแหล่งอบายมุขจำนวนมาก โดยเฉพาะตู้ม้า ที่พบว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกันเป็นห่วงการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจระดับสูง
ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงสรุปว่า โครงการโรงพักที่มีปัญหา ได้สั่งระงับกับบริษัทคู่สัญญาแล้ว ส่วนกรณีการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ยึดหลัก เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ทั้งนี้ในรายละเอียดของเรื่อง ขอมอบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจง ส่วนการดูแลการชุมนุม ที่จะมีขึ้นระหว่างการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อย