xs
xsm
sm
md
lg

"ในหลวง"ย้ำขรก.พลเรือนมีสติฟังความห็นต่างลดขัดแย้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราโชวาทเนื่องในวันข้าราชการพลเรือน 1 เมษายน 2556 ทรงย้ำงานของแผ่นดินเป็นงานส่วนรวม มีผลกว้างขวาง ความคิดเห็นไม่ตรงกันย่อมมีบ้าง ต้องหนักแน่น เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง อย่างมีสติ เพื่องานของแผ่นดินสำเร็จ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราโชวาทเนื่องในวันข้าราชการพลเรือน 1 เมษายน พุทธศักราช 2556 ความว่า งานของแผ่นดินเป็นงานส่วนรวม มีผลกว้างขวาง เกี่ยวข้องกับบ้านเมืองและบุคคลทุกคนทุกฝ่าย เมื่อเป็นงานส่วนรวม และมีผลเกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก ปัญหาข้อขัดแย้งต่างๆ อันเนื่องมาจากความคิดเห็นไม่ตรงกันก็ย่อมเกิดมีขึ้นบ้าง เป็นปรกติธรรมดา ข้าราชการผู้ปฏิบัติบริหารงานของแผ่นดิน ตลอดจนทุกคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จึงต้องมีใจที่หนักแน่น และเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง แม้กระทั่งคำวิพากษ์วิจารณ์ อย่างมีสติ ใช้ปัญญาและเหตุผลเป็นเครื่องปฏิบัติวินิจฉัย โดยถือว่าความคิดเห็นและคำวิพากษ์วิจารณ์นั้นคือการระดมสติปัญญา และประสบการณ์อันหลากหลายจากทุกคนทุกฝ่าย เพื่อประโยชน์แก่การปฏิบัติบริหารงานและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้งานทุกส่วนทุกด้านของแผ่นดินสำเร็จผล เป็นความเจริญมั่นคงแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง

***”ปู” ยาหอมขึ้นเงินเดือนขรก.

เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (1เม.ย.) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และกล่าวให้โอวาทแก่ข้าราชการพลเรือน เนื่องในงานวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี 2556 โดยนายกฯกล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า

ข้าราชการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ ในทุกยุคทุกสมัยซึ่งระบบราชการเราได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องและทันต่อการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของโลกที่เติบโตขึ้น และในวันนี้จะเห็นว่า ระบบข้าราชการไทยมีความทันสมัยมากขึ้น มีความรวดเร็ว และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งรัฐบาลเองก็มีความมุ่งมั่นมี่จะพัฒนาประเทศ ทั้งยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้บุคลากรของภาครัฐ และภาคเอกชน ประชาชนมีความสามารถในการแข่งขัน มีความกินดี อยู่ดี รวมถึงการพัฒนาระบบบริการต่างๆ และเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาบุคลากร เพราะบุคลากรในภาครัฐเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งถือว่าเป็นตัวจักรในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ และรวมถึงผู้ที่วางระบบราชการที่จะให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศที่เติบโตขึ้น และสอดคล้องการส่งเสริมประชาชนมีพัฒนาการที่ดี มีความกินอยู่ดี และเพื่อให้ประเทศมีความเข็มแรงอย่างยั่งยืน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ทุกท่านที่อยู่ที่นี้ ถือว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญในการทำงาน และผลักดันแนวคิดของรัฐบาล แนวคิดของประเทศ ที่จะให้สอดคล้อง และเป็นรูปธรรม เพื่อที่จะให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ได้มีการพัฒนา และได้รับการดูแลอย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกัน ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะต่อยอดการพัฒนาระบบบริการระบบราชการให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่การกำหนดยุทธศาสตร์ โดยจะมีการพัฒนาระบบการบริหารจัดการของระบบราชการ เพื่อให้มีกลไกที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และนำเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีความทันสมัย และช่วยอำนวยความสะดวกในหน่วยราชการนั้นให้ดีขึ้น และจะทำอย่างไรให้ระบบราชการมีความโปร่งใส การแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพ เราอยากเห็นการพัฒนาทั้งระบบในการแก้ปัญหา แต่ไม่ใช่เป็นการเพิ่มอุปสรรค์ในการทำงาน ซึ่งวันนี้เราต้องทำงานร่วมกัน และมองไปข้างหน้าด้วยกัน

นอกจากนี้รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อมาศึกษาทบทวนความเหมาะสมในเรื่องค่าตอบแทนของบุคลากรในภาครัฐ เราอยากเห็นการตอบแทนนั้น สะท้อนถึงผลงาน ความทุ่มเท การทำงานที่ดีของข้าราชการและการทุ่มเทเพื่อดูแลประชาชน โดยรัฐบาลก็จะพัฒนาร่วมกันในการดูแลระบบประเมินผลราชการให้ความเป็นธรรม การเลื่อนตำแหน่งต่างๆ ต้องเที่ยงธรรม ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง หรือร่วมกันพัฒนาส่งเสริมข้าราชการที่เป็นคนดี คนเก่ง มีความก้าวในสายงาน และในส่วนของการพัฒนาที่จะเติบโตเป็นผู้บริหารระดับสูงในอนาคตภายใต้ระบบราชการที่เป็นระบบแห่งคุณธรรม

***นายกฯ ร่วมงานประดัยยศนายทหาร

ต่อมาเวลา 17.30น. ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีแสดงความยินดีแก่นายทหารประทวนที่ได้รับการเลื่อนฐานะเป็นนายทหารสัญญาบัตร 3 เหล่าทัพ จำนวน 2,595 นาย โดยมี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. และพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. เข้าร่วมในพิธี

ทั้งนี้นายทหารประทวนที่ได้รับการเลื่อนฐานะนั้นแบ่งเป็นสำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม 1 นาย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 26 นาย กองบัญชาการกองทัพไทย341 นาย กองทัพบก 1,249 นาย กองทัพเรือ319 นาย และกองทัพอากาศ 659 นาย โดยงานดังกล่าวได้จัดขึ้นบริเวณลานเอนกประสงค์ ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นครั้งแรก ภายหลังจากที่รมว.กลาโหมได้ประกาศเจตนารมณ์ให้ข้าราชการประทวนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละตลอดชีวิตราชการ เลื่อนฐานะจากนายทหารชั้นประทวนเป็นนายทหารสัญญาบัตรก่อนเกษียณอายุราชการ เพื่อเป็นเกียรติแก่ตนเอง และ วงศ์ตระกูล ซึ่งนายทหารประทวนดังกล่าวจะต้องมีคุณสมบัติโดยเป็นนายทหารประทวนซึ้งดำรงตำแหน่งยศจ่าสิบเอก พันจ่าเอก พันจ่าอากาศเอก ที่มีอัตราเงินเดือน จ่าสิบเอกพิเศษ พันจ่าเอกพิเศษ และจ่าอากาศเอกพิเศษ ที่มีอายุ55ปีขึ้นไป

โดยนายกฯกล่าวแสดงความยินดีและให้โอวาสตอนหนึ่งว่า ขอชื่นชมรมว.กลาโหมที่ให้ความสำคัญกับความก้าวหน้านายทหารชั้นผู้น้อยและกระทรวงกลาโหมมีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ทั้งนี้ที่ผ่านมาเมื่อเกิดภัยพิบัติต่างๆ ทหารก็เป็นกำลังหลักในการช่วยเหลือ โดยจะเห็นได้จากากรเกิดอุทกภัยครั้งที่ผ่านมา ทหารได้ช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูบ้านเมืองหลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น ซึ่งภาพดังกล่าวยังคงติดตาประชาชนอยู่ อย่างไรก็ตามอาชีพทหารถือว่ามีความแตกต่างจากอาชีพอื่นๆ นอกจากมีความรู้ความสามารถยังต้องมีความมุ่งมั่น ทุ่มเท และเมื่อรมว.กลาโหมมีนโยบายปรับเลื่อนขั้นดังกล่าวถือเป็นการตอบแทนคุณงามความดีและสร้างขวัญกำลังใจ ส่งเสริมงานโดยรวม ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่ต้องการให้คุณภาพชีวิตของข้าราชการดีขึ้น และขอให้ทุกคนขวัญกำลังใจดังกล่าวไปปฏิบัติงานเพื่อชาติต่อไป รวมถึงรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาและพัฒนากำลังใจของกำลังพล อีกทั้งดูแลสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น