ASTVผู้จัดการรายวัน-ดีเอสไอตามตรวจสอบรถ "สมีคำ" ยันคันใดได้รับอย่างไม่ถูกต้อง หรือเป็นชื่อ "วิรพล" ยึดหมด ด้านเมียสมีคำเดือด จวกไม่ใช่ลูกผู้ชาย ให้น้องออกหน้ารับผิดแทน ลั่นฟ้องแน่ ฐานทำให้เสียหาย อีกด้านเครือข่ายต่อต้านฯ ยื่นสำนักราชเลขาธิการตรวจสอบดอกไม้พระราชทานจริงหรือเก๊ ขณะที่ "ธาริต"รับตรวจสอบแล้ว ส่วน "สุริ" ยังกล้าแถ เป็นคนในภาพฉาว ทั้งๆ ที่ถูกจับผิดได้ทุกจุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (24 ก.ค.) พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้าพบพระราชธรรมโกศล เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุตจังหวัดอุบลราชธานี ที่วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ อ.เมือง เพื่อสอบถามการได้รับมอบรถยนต์โตโยต้าฟอร์นจูนเนอร์ ซึ่งพระราชธรรมโกศล ทราบเพียงว่า นางสุนันทา ลีเลิศพันธ์ เจ้าของบริษัทยาสีฟันดอกบัวคู่ เป็นผู้นำมาถวาย เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2552 เมื่อใช้รถไปได้พักเดียวรู้สึกไม่สะดวก จึงนำไปเปลี่ยนรถคันใหม่ที่เป็นรุ่นท็อปที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน พร้อมได้นำ พ.ต.อ.ญาณพล ไปดูรถที่จอดไว้ในโรงเก็บรถหลังกุฎิ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ญาณพลขอให้พระราชธรรมโกศลเก็บรักษารถที่ใช้อยู่ปัจจุบันไว้ก่อน ส่วนจะดำเนินการอย่างไร ต้องไปตรวจสอบหลักฐานการได้มาของรถอีกครั้งว่าถูกต้องหรือไม่
ต่อมา พ.ต.อ.ญาณพล พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ไปที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัด ตรวจสอบรถบัสขนาด 24 ที่นั่ง และรถตู้เอนกประสงค์ขนาด 12 ที่นั่ง ที่นายวิรพล สุขผล มอบให้กับสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัด พบว่ารถยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ดี และชื่อผู้ครอบครองรถ คือ สำนักงานเหล่ากาชาดที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี โดยได้รับโอนรถทั้ง 2 คันจากนายวิรพลเมื่อกว่า 2 ปีก่อน และหลังตรวจสอบความชัดเจนทางเอกสาร เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้มอบรถให้นางงามนิตย์ กีรบุตร หัวหน้าสำนักงานเหล่ากาชาดที่ 7 เก็บรักษาไว้ใช้ในงานกาชาดต่อไป
พ.ต.อ.ญาณพล กล่าวว่า สำหรับรถที่เหลือ ดีเอสไอจะตามตรวจสอบให้ครบทั้ง 35 คัน หากรถคันใดได้รับอย่างไม่ถูกต้อง หรือยังเป็นชื่อของนายวิรพลก็ต้องตามยึดคืนมาทั้งหมด
***เมียไอ้คำลั่นฟ้อง “สุริ” ทำให้เสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ที่บ้านหนองนาเวียง ต.น้ำเกลี้ยง อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นของ นางสาว ญ. (นามสมมุติ) ที่ออกมาเปิดเผยตัวว่า เป็นเมียของนายวิรพล สุขผล ได้ออกมาแถลงข่าวตอบโต้ว่า การที่นายสุริออกมารับผิดแทนพี่ชาย คือ นายวิรพล ตนเห็นว่า ทำไมก่อนหน้านี้ ถึงไม่ออกมารับแทน และตนไม่เคยรู้จักนายสุริ รวมทั้งไม่มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวและไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกันเลย การที่นายสุริออกมารับแทนนายวิรพล คาดว่าอาจเกิดจากการที่นายวิรพล ไม่ต้องการรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตนและลูกชายของนายวิรพล ตนขอยืนยันว่าผู้ที่ตนมีความสัมพันธ์ด้วย คือ นายวิรพล หรือ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก จนมีลูกชายด้วยกัน 1 คน ไม่ใช่มีความสัมพันธ์กับนายสุริ ซึ่งเป็นน้องชายของนายวิรพล
"การที่ นายสุริ ออกมาพูดว่า ตนไปมั่วกับผู้ชายหลายคน ทำให้ตนได้รับความเสียหายมาก เขารู้ได้อย่างไรและมีหลักฐานอะไรที่ไปบอกว่าตนไปมั่วกับผู้ชายหลายคนจนแยกแยะไม่ออกว่ามีลูกกับใคร ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่ยอมแน่นอนและได้โทรศัพท์ปรึกษาทนายความแล้วเพื่อให้ดำเนินการฟ้องร้องนายสุริ และสื่อมวลชนที่เผยแพร่ต่อไป ส่วนหลวงปู่เณรคำ ไม่เป็นลูกผู้ชายพอ ที่ให้น้องชายออกมารับแทน หากเป็นลูกผู้ชาย เขาจะต้องออกมารับในจุดนี้” นางสาว ญ. กล่าว
***ยื่นตรวจดอกไม้พระราชทานจริงหรือเก๊
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กล่าวว่า ได้เดินทางไปยังสำนักราชเลขาธิการ เพื่อยื่นหนังสือพร้อมคลิปวิดีโอ และภาพถ่าย ที่ทางกลุ่มลูกศิษย์อดีตพระวิรพลระบุว่าเป็นดอกไม้พระราชทานแด่อดีตพระวิรพล โดยมีการพระราชทานให้ที่วัดป่าขันติบารมี สาขา 101 บ้านหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2555 เพื่อขอให้สำนักราชเลขาธิการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคลิปวิดีโอดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่จากกองนิติการมารับเรื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับตนว่าจะดำเนินการตรวจสอบให้เร็วที่สุดภายใน 7 วัน จึงจะทราบข้อเท็จจริง
ขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องดอกไม้พระราชทาน เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสำนักพระราชวังโดยตรงและเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ดีเอสไอก็รับข้อมูลจากนายสงกรานต์ไว้ แต่ดีเอสไอจะทำงานด้วยความระมัดระวังและจะประสานกับสำนักพระราชวังอย่างใกล้ชิด คงเหมาะที่จะพูดเพียงแค่นี้
***เผย "สมีคำ"ยังอยู่ที่สหรัฐฯ
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดีเอสไอ กล่าวว่า ล่าสุดได้ตรวจสอบการเดินทางออกนอกประเทศของอดีตหลวงปู่เณรคำพบว่า ได้เดินทางออกนอกประเทศพร้อมพวกรวม 10 คน ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.2556 ขณะนี้เดินทางกลับมาแล้ว 6 คน ยังเหลืออยู่ที่ประเทศสหรัฐฯ 4 คน ประกอบด้วยอดีตหลวงปู่เณรคำ พระภูมินทร์ สองสี พระจำรัส ผู้ดี และพระสุดใจ ทิศกระโทก ซึ่งดีเอสไอได้ประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศ และมีความคืบหน้าตลอด
***ดีเอสไอขู่ฟันให้การเท็จ
พ.อ.ชัชนันท์ เมธีธรรมาภรณ์ ผบ.สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ กล่าวว่า น้องชายของนายวิรพล คือ นายสุริ สุขผล ได้อ้างว่าเป็นผู้ชายเจ้าของภาพ โดยเรื่องนี้จะเรียกสอบปากคำ หากผลพิสูจน์ภายหลังพบว่าเป็นการให้การเท็จก็จะถูกดีเอสไอดำเนินคดีฐานให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ขณะที่ ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ชาวเน็ต ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยตั้งกระทู้ชื่อ "จับผิดภาพ เณรคำนอนกับสีกา” ซึ่งมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้มหลาม และตั้งข้อสังเกตว่า เป็นคนละคน
***น้องไอ้คำยังกล้ายันเป็นคนในภาพ
ด้านนายสุริกล่าวว่า คนในภาพที่แสดงท่านอนหลับนั้น เป็นรูปของตนเอง แต่การที่ตนไม่ออกมาแสดงตัวทันทีหลังจากที่เกิดเป็นข่าว เพราะตนมีครอบครัว จึงกลัวว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อครอบครัว แต่ตนพร้อมให้มีการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ
เมื่อถามว่า ทำไมคนในภาพนี้มีจุดแต้มดำบนใบหน้า แต่ใบหน้าของนายสุริมีความเกลี้ยงเกลา ไม่มีรอยดำใดๆ นายสุริ กล่าวว่า “เป็นสิว รอยสิวครับ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (24 ก.ค.) พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้าพบพระราชธรรมโกศล เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุตจังหวัดอุบลราชธานี ที่วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ อ.เมือง เพื่อสอบถามการได้รับมอบรถยนต์โตโยต้าฟอร์นจูนเนอร์ ซึ่งพระราชธรรมโกศล ทราบเพียงว่า นางสุนันทา ลีเลิศพันธ์ เจ้าของบริษัทยาสีฟันดอกบัวคู่ เป็นผู้นำมาถวาย เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2552 เมื่อใช้รถไปได้พักเดียวรู้สึกไม่สะดวก จึงนำไปเปลี่ยนรถคันใหม่ที่เป็นรุ่นท็อปที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน พร้อมได้นำ พ.ต.อ.ญาณพล ไปดูรถที่จอดไว้ในโรงเก็บรถหลังกุฎิ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ญาณพลขอให้พระราชธรรมโกศลเก็บรักษารถที่ใช้อยู่ปัจจุบันไว้ก่อน ส่วนจะดำเนินการอย่างไร ต้องไปตรวจสอบหลักฐานการได้มาของรถอีกครั้งว่าถูกต้องหรือไม่
ต่อมา พ.ต.อ.ญาณพล พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ไปที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัด ตรวจสอบรถบัสขนาด 24 ที่นั่ง และรถตู้เอนกประสงค์ขนาด 12 ที่นั่ง ที่นายวิรพล สุขผล มอบให้กับสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัด พบว่ารถยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ดี และชื่อผู้ครอบครองรถ คือ สำนักงานเหล่ากาชาดที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี โดยได้รับโอนรถทั้ง 2 คันจากนายวิรพลเมื่อกว่า 2 ปีก่อน และหลังตรวจสอบความชัดเจนทางเอกสาร เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้มอบรถให้นางงามนิตย์ กีรบุตร หัวหน้าสำนักงานเหล่ากาชาดที่ 7 เก็บรักษาไว้ใช้ในงานกาชาดต่อไป
พ.ต.อ.ญาณพล กล่าวว่า สำหรับรถที่เหลือ ดีเอสไอจะตามตรวจสอบให้ครบทั้ง 35 คัน หากรถคันใดได้รับอย่างไม่ถูกต้อง หรือยังเป็นชื่อของนายวิรพลก็ต้องตามยึดคืนมาทั้งหมด
***เมียไอ้คำลั่นฟ้อง “สุริ” ทำให้เสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ที่บ้านหนองนาเวียง ต.น้ำเกลี้ยง อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นของ นางสาว ญ. (นามสมมุติ) ที่ออกมาเปิดเผยตัวว่า เป็นเมียของนายวิรพล สุขผล ได้ออกมาแถลงข่าวตอบโต้ว่า การที่นายสุริออกมารับผิดแทนพี่ชาย คือ นายวิรพล ตนเห็นว่า ทำไมก่อนหน้านี้ ถึงไม่ออกมารับแทน และตนไม่เคยรู้จักนายสุริ รวมทั้งไม่มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวและไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกันเลย การที่นายสุริออกมารับแทนนายวิรพล คาดว่าอาจเกิดจากการที่นายวิรพล ไม่ต้องการรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตนและลูกชายของนายวิรพล ตนขอยืนยันว่าผู้ที่ตนมีความสัมพันธ์ด้วย คือ นายวิรพล หรือ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก จนมีลูกชายด้วยกัน 1 คน ไม่ใช่มีความสัมพันธ์กับนายสุริ ซึ่งเป็นน้องชายของนายวิรพล
"การที่ นายสุริ ออกมาพูดว่า ตนไปมั่วกับผู้ชายหลายคน ทำให้ตนได้รับความเสียหายมาก เขารู้ได้อย่างไรและมีหลักฐานอะไรที่ไปบอกว่าตนไปมั่วกับผู้ชายหลายคนจนแยกแยะไม่ออกว่ามีลูกกับใคร ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่ยอมแน่นอนและได้โทรศัพท์ปรึกษาทนายความแล้วเพื่อให้ดำเนินการฟ้องร้องนายสุริ และสื่อมวลชนที่เผยแพร่ต่อไป ส่วนหลวงปู่เณรคำ ไม่เป็นลูกผู้ชายพอ ที่ให้น้องชายออกมารับแทน หากเป็นลูกผู้ชาย เขาจะต้องออกมารับในจุดนี้” นางสาว ญ. กล่าว
***ยื่นตรวจดอกไม้พระราชทานจริงหรือเก๊
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กล่าวว่า ได้เดินทางไปยังสำนักราชเลขาธิการ เพื่อยื่นหนังสือพร้อมคลิปวิดีโอ และภาพถ่าย ที่ทางกลุ่มลูกศิษย์อดีตพระวิรพลระบุว่าเป็นดอกไม้พระราชทานแด่อดีตพระวิรพล โดยมีการพระราชทานให้ที่วัดป่าขันติบารมี สาขา 101 บ้านหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2555 เพื่อขอให้สำนักราชเลขาธิการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคลิปวิดีโอดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่จากกองนิติการมารับเรื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับตนว่าจะดำเนินการตรวจสอบให้เร็วที่สุดภายใน 7 วัน จึงจะทราบข้อเท็จจริง
ขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องดอกไม้พระราชทาน เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสำนักพระราชวังโดยตรงและเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ดีเอสไอก็รับข้อมูลจากนายสงกรานต์ไว้ แต่ดีเอสไอจะทำงานด้วยความระมัดระวังและจะประสานกับสำนักพระราชวังอย่างใกล้ชิด คงเหมาะที่จะพูดเพียงแค่นี้
***เผย "สมีคำ"ยังอยู่ที่สหรัฐฯ
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดีเอสไอ กล่าวว่า ล่าสุดได้ตรวจสอบการเดินทางออกนอกประเทศของอดีตหลวงปู่เณรคำพบว่า ได้เดินทางออกนอกประเทศพร้อมพวกรวม 10 คน ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.2556 ขณะนี้เดินทางกลับมาแล้ว 6 คน ยังเหลืออยู่ที่ประเทศสหรัฐฯ 4 คน ประกอบด้วยอดีตหลวงปู่เณรคำ พระภูมินทร์ สองสี พระจำรัส ผู้ดี และพระสุดใจ ทิศกระโทก ซึ่งดีเอสไอได้ประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศ และมีความคืบหน้าตลอด
***ดีเอสไอขู่ฟันให้การเท็จ
พ.อ.ชัชนันท์ เมธีธรรมาภรณ์ ผบ.สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ กล่าวว่า น้องชายของนายวิรพล คือ นายสุริ สุขผล ได้อ้างว่าเป็นผู้ชายเจ้าของภาพ โดยเรื่องนี้จะเรียกสอบปากคำ หากผลพิสูจน์ภายหลังพบว่าเป็นการให้การเท็จก็จะถูกดีเอสไอดำเนินคดีฐานให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ขณะที่ ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ชาวเน็ต ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยตั้งกระทู้ชื่อ "จับผิดภาพ เณรคำนอนกับสีกา” ซึ่งมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้มหลาม และตั้งข้อสังเกตว่า เป็นคนละคน
***น้องไอ้คำยังกล้ายันเป็นคนในภาพ
ด้านนายสุริกล่าวว่า คนในภาพที่แสดงท่านอนหลับนั้น เป็นรูปของตนเอง แต่การที่ตนไม่ออกมาแสดงตัวทันทีหลังจากที่เกิดเป็นข่าว เพราะตนมีครอบครัว จึงกลัวว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อครอบครัว แต่ตนพร้อมให้มีการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ
เมื่อถามว่า ทำไมคนในภาพนี้มีจุดแต้มดำบนใบหน้า แต่ใบหน้าของนายสุริมีความเกลี้ยงเกลา ไม่มีรอยดำใดๆ นายสุริ กล่าวว่า “เป็นสิว รอยสิวครับ”